บทที่ 14 ทักษะการแสดงของเทพธิดา
ข้า ซิลเวีย ลูเดนเบิร์ก เป็นเทพที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง. ไม่สิ ข้ามีชื่อเสียงมากๆ เลยแหละนะ ..
แต่ว่ายัยแก่.. เอ๊ย ข้าหมายถึงท่านเทพสูงสุดนั่นกลับส่งข้าลงมายังโลกมนุษย์โดยทิ้งคำสาปใส่ข้า ไม่สิ มันไม่ใช่คำสาปหรอกนะ … แต่ข้าคิดว่ามันคือคำสาปอะนะ
บนโลกเทพมันมีกฎอยู่ และสถานะของเทพจะมีอยู่สองแบบ คือผู้บริสุทธิ์ ผู้บริสุทธิ์จะเป็นเทพทั่วไป
แต่อีกแบบคือ ‘ผู้มีความผิด’ เป็นคนที่มีความผิดพลังจะถูกห้ามไม่ให้ใช้.. แต่ไม่ใช่เพราะพลังถูกผนึก ใช้ไม่ได้เหมือนมาโลกมนุษย์นะ
เพราะถามว่าใช้ได้ไหม ก็ใช้ได้ แต่จะถูกบทลงโทษ ในกรณีของข้าก็ถูกตีก้นนั่นแหละ ยัยแก่นั่นข้าไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ แต่กลับมอบสถานะผู้มีความผิดให้ข้าซะได้
แถมด้วยความเคยชินข้าอาจจะเผลอใช้พลังเพราะความเคยชินด้วย แบบนั้นก็โดนตีก้นฟรีน่ะสิ
แต่ว่ายังไงซะเมื่อมายังโลกมนุษย์ พลังของข้าก็จะถูกผนึก ถึงข้าจะเผลอใช้พลังก็ใช้งานไม่ได้
แสดงว่าข้าก็จะไม่โดนบทลงโทษไงล่ะ!
ใช่ มันควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่ว่าหอคอยที่ปิดผนึกพลังดันมาพังถล่มก่อนซะได้ นี่มันบ้ามากเกินไปแล้ว
แถมหากใช้พลังโดยฝืนกฎอยู่ในโลกมนุษย์ ข้าก็จะได้รับบทลงโทษสองซ้อนทับอีกตั้งหาก เพราะข้ามาจากโลกเทพนี่น่า
บ้าเอ๊ย นี่มันซวยซ้ำซวยซ้อนสุดๆ แล้วตอนตกลงมาก็โดนเด็กผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ใส่กางเกงในสีดำเตะหน้าเข้าให้เนี่ย
นึกถึงลูกเตะนั้นก็ทำเอาหน้าข้าสั่นเลยทีเดียว ก็แหม เล่นใช้รองเท้าแก้วที่เหมือนรองเท้าองค์หญิงไรทำนองนั้นเตะหน้าเข้าให้ ปากไม่หักก็บุญแล้ว
เฮ้อ.. ข้าทำอะไรผิดนะทำไมถึงซวยขนาดนี้.. อย่างมากก็แค่นินทายัยเทพสูงสุดเท่านั้นนี่น่า…
จะว่าไปข้าเคยไปต่อยเทพแห่งความโชคดีจนฟันหักด้วยนี่น่า ความโชคดีเลยไม่มีในตัวข้าเหรอ? ไม่สิ
แรกเริ่มเดิมทีเทพความโชคดีนี่มอบความโชคดีให้เทพด้วยกันได้ด้วยเหรอเนี่ย? ถ้างั้นเทพความโชคร้ายข้าก็เคยต่อยไปแล้วนะ ทำไมความซวยถึงไม่หายล่ะ
ไม่สิ มันรู้ตัวว่ามันคือเทพความซวย มันเลยยิ่งเพิ่มความซวยมาให้ข้าสินะ.. แบบนี้นี่เอง กลับไปถึงแล้วต้องต่อยให้เห็นหน้าของบรรพชนรุ่นแรกของเทพแห่งความโชคร้ายเลยคอยดูสิ
(หนึ่งในเหตุผลที่ถูกถีบจากสวรรค์ เพราะมโนเองแล้วไปไล่กระทืบชาวบ้านโดยไม่ถามไถ่…)
ลองนึกดูก่อนที่ข้าจะถูกไล่ลงมาข้าทำอะไรผิดไปบ้าง…
ข้าไปช่วยน้องทำสงครามที่ชายแดน แล้วดันโจมตีฐานศัตรูผิด นึกว่าฐานตัวเองเป็นฐานศัตรูส่งน้องเข้านอนหยอดน้ำข้าวต้มหนึ่งปีเต็ม
หนังสือโบราณที่ขึ้นชื่อว่าอ่านยากและเหมือนจะสำคัญมาก เพราะมันมีภาพไฟ ข้าเลยนึกว่ามันต้องอ่านด้วยวิธีการพิเศษแบบจุดไฟใส่
แต่พอเผาด้วยเพลิงกัลป์ดันทำให้หนังสือหายไปไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น..
ก็ไม่น่าจะผิดอะไรนี่น่า ข้าแค่ทำไปเพราะความไม่รู้ ทำไมถึงต้องทำถึงขนาดนี้กันด้วย! ข้ารู้สึกไม่ยุติธรรมจริงๆ
ขณะที่ข้ากำลังคิดแบบนั้นอยู่นั่นเอง… ก็เหมือนมีพลังบางอย่างไหลเข้ามาในหัวข้า ทำให้ข้าลืมตาขึ้นทันที
ภาพตรงหน้าเป็นภาพภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ตรงหน้าข้ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจับหัวข้าอยู่
“ท่านซิลเวียข้าขอโทษ นี่ก็เพื่อ…”
ข้าฟังยังไม่ทันเสร็จพลังจำนวนมากก็ไหลเข้ามาในหัวข้าทำให้สติข้าดับวูบทันที.. พลังดังกล่าวพุ่งพรวดเข้ามาในหัวข้าหวังจะลบความทรงจำข้า
พลังนี้เต็มไปด้วยเจตจำนง เห็นชัดว่าเป็นพลังของเทพอย่างหนึ่ง มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและรู้สึกผิด
พลังของเธอคนนั้นหวังจะลบความทรงจำข้า แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่แม้พลังของข้าจะถูกห้ามไม่ให้ใช้งานแต่ก็ไม่มีทางที่พลังระดับนี้จะลบความทรงจำข้าได้
เอ๊ะ.. แต่เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าหากพลังของเทพที่อยู่ตรงหน้าข้าลบความทรงจำข้าไม่ได้ ก็เท่ากับว่าข้าใช้พลังเทพป้องกัน
ถึงบทลงโทษจะไม่ทำงาน เพราะข้าไม่ได้เป็นคนปลดปล่อยมัน.. แต่ว่ายังไงซะคนที่อยู่ตรงหน้าข้าก็เป็นถึงเทพ แถมใช้พลังเทพได้ด้วย
มีความเป็นไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่ายัยแก่นั่นส่งคนมาจับตาดูข้า ทำให้ข้าตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแล้วหลอกให้ข้าเผยไต๋ว่าตัวเองใช้พลังเทพป้องกัน
แล้วจะมาลงโทษข้า! … แย่แน่ๆ แบบนั้น
ไม่สิ.. ถ้าหากผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนที่ยันแก่นั่นส่งมาตรวจสอบไม่มีเหตุผลที่จะเลือกใช้วิธีลบความทรงจำ เลือกโจมตีทางจิตมันจะรวดเร็วกว่ามาก
เหจุผลที่ลบความทรงจำ…ทำไม.. ทำไมกันนะ..
ข้าขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนที่จะนึกคำพูดขึ้นมาได้ ก่อนที่สติข้าจะดับผู้หญิงคนนี้เห็นจะบอกว่า “ท่านซิลเวียข้าขอโทษ นี่ก็เพื่อ…”
หมายความว่าผู้หญิงคนนี้รู้จักข้า.. แถมที่บอกว่านี่ก็เพื่อด้วย หรือว่า.. ผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามจะช่วยข้า!?
ก็ลองนึกดูนะ หากข้าถูกลบความทรงจำ ข้าก็จะจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นเทพ ข้าก็จะไม่มีความเคยชินในการใช้พลัง
หรือก็คือ… ข้าจะไม่ใช้พลังเทพอีกต่อไป ข้าก็จะไม่ได้รับบทลงโทษ แบบนี้นี่เอง ว่าแต่ทำไมต้องทำแบบนี้ล่ะ!
ข้าขมวดคิ้วทำไมถึงต้องช่วยข้าด้วย ถึงนางจะรู้จักข้าก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยนี่น่า เอาเถอะ ถ้าตื่นก็คงรู้แหละน่า
แต่จะปักใจเชื่อโดยสิ้นเชิงไม่ได้ ข้าเป็นคนรอบคอบตอนนี้มีความเป็นไปได้ 50-50 ดังนั้นที่ข้าจะทำก็คือ…
ตามน้ำไปว่าตัวเองโดนลบความทรงจำ แบบนั้นผู้หญิงคนนี้ก็จะเข้าใจว่าข้าถูกลบความทรงจำ ก็จะบอกเหตุผลที่ว่าทำไมถึงทำแบบนี้
แต่ถ้าเป็นสปายของยัยแก่นั่น.. ก็จะไม่มีคำสั่งใดๆ ทั้งสิ้นเพราะมันรู้อยู่แล้วว่ามันลบความทรงจำข้าไม่ได้ตั้งแต่แรก
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ ข้าก็อดที่จะรู้สึกพึงพอใจกับแผนการอันแยบยลของตัวเองไม่ได้
สมกับเป็นเทพธิดาที่แข็งแกร่งที่สุดจริงๆ ฮ่าๆ
ข้าคิดแบบนั้นก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นฟื้นจากอาการสลบ ข้าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าข้า.. เอาล่ะ.. มาดูทักษะการแสดงของข้าจะอยู่ระดับไหน
“ที่นี่..คือ…ที่ไหน..?”
ข้าพึมพำ ก่อนที่จะยกมือขึ้นกุมขมับน้อยๆ แล้วก็หลับตาลงทำท่าทางเหมือนปวดหัว พลางแอบลอบมองสีหน้าอีกฝ่ายด้วย
ผู้หญิงคนนั้นทำสีหน้าโล่งอกออกมา.. เยี่ยม! มีความเป็นไปได้ว่าไม่ใช่สปายของยัยแก่เพิ่มขึ้นอีกแล้ว
“ที่นี่คืออาณาจักรอาเดฟ…”
ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมา ดูดกุกๆ กักๆ ไม่น้อย ข้าอดที่จะหัวเราะในลำคอไม่น้อย ผู้หญิงคนนี้โกหกไม่เก่งเลยสักนิด เทียบข้าไม่ได้เลยนะเนี่ย ฮะฮ่าๆ (ไม่ใช่เรื่องอวดจ้า)
“อาณาจักรอาเดฟ..? ข..ข้าเป็นใคร อ๊ะ..”
ข้าพยายามนึกถึงเรื่องในอดีตรวมถึงชื่อตัวเองก็รู้สึกแปลบไปทั้งหัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ข้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เยี่ยม แบบนี้แหละ แสดงแบบนี้ต่อไป! ผู้หญิงคนนั้นลังเลครู่หนึ่ง… เหมือนจะลังเลที่จะโกหกข้าสินะ.. อืมๆ แต่สุดท้ายก็พูดนะว่า
“ลืมทุกอย่างจริงๆ เหรอคะ ซิล นี่พี่เองไง?”
ซิล..? พี่เอง.. นี่มันเรื่องที่วางแผนไว้เรอะ!? อย่างน้อยข้าก็ควรเป็นพี่นะ! แต่ว่าเป็นถึงเทพที่แข็งแกร่งที่สุดนี่นะ
แถมผู้หญิงคนนี้เหมือนจะไม่ใช่สปายหลายส่วนมากแล้ว ดังนั้นเธออาจจะกำลังช่วยข้าอยู่จริงๆ ข้าจะคิดหยุมหยิมไม่ได้
ใช่ ข้าเป็นคนที่ยืดหยุ่นได้ทุกสถานการณ์ ว่าไปแล้วข้านี่มันสุดยอดเทพธิดาชัดๆ เลยนะ ฮ่าๆ
กลับมาเรื่องเดิมก่อนอื่นต้องดูเป้าหมายอีกฝ่ายก่อนด้วยล่ะนะ
“ซิล…?”
“อ่า.. ใช่ ซิลเวียคือชื่อของเธอ ส่วนพี่ชื่อว่าเลเวีย เฮ้อ… ข้าต้องขอโทษเธอจริงๆ ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้น”
อ่าวเฮ้ย.. ตอนแรกดูโกหกไม่เก่งนิน่า แต่ตอนนี้ดูเซียนขึ้นมาแล้วแฮะ! หน็อยแน่.. ไม่เบานี่น่ามีฝีมือในการตอแห— แสดงพอสมควรสินะ!
เรียนรู้ได้เร็วสมกับเกิดเป็นเทพจริงๆ แต่ข้าไม่แพ้หรอกนะ!? ด้วยความฮึดสู้เลยลงทุนแสดงเต็มสูบ
“พี่..? ท่านพี่! ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกับข้า?”
ในสถานการณ์นี้มีแต่จะยอมรับเท่านั้น เพราะหากปฏิเสธมากไปจะถูกมองว่า เศษเสี้ยวความทรงจำยังเหลืออยู่
เพราะพลังจองเทพคือการลบความทรงจำโดยสิ้นเชิง เหมือนกับการเกิดใหม่มานั่นเอง
และถึงแม้จะต่างพากันปฏิเสธ ไม่ว่าจะธรรมชาติของสัตว์ มนุษย์.. หรือเทพล้วนเหมือนกัน ก็คือจะจดจำใบหน้าของคนที่เห็นคนแรกหลังจากลืมตาดูโลก
และคิดว่าคนคนนั้นเป็นแม่! เพียงแค่ระบบความคิดของมนุษย์และเทพ หรือสัตว์บางประเภท เป็นประเภทเรียนรู้
ว่าง่ายๆ ก็คือ เลเวล 0 นั่นแหละ ดังนั้นมนุษย์จึงจำไม่ได้ในช่วงแรกที่เกิดมาว่า ตัวเองเห็นหน้าหมอเป็นคนแรก และยังไม่มีความรู้เรื่อง ‘มารดา’
ต่างจากสัตว์บางประเภทที่เกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณที่ตัดสินว่าคนที่มองหน้าหลังจากดูโลกคนแรกคือแม่แท้ๆ
แต่นั่นมันในกรณีของทารก แต่ข้าคือถูกลบความทรงจำข้อมูลต่างๆ แต่ยังสามารถพูดได้และยังมีการวิเคราะห์สัญชาตญาณ เพราะก่อนที่จะถูกลบความทรงจำก็เคยเป็นมนุษย์นั่นเอง
ดังนั้นข้าจึงต้องทำตัวเหมือนสัตว์ที่มีสัญชาตญาณ ปักใจเชื่อทันทีว่าอีกฝ่ายคือพี่แท้ๆ .. เป็นไงล่ะทักษะการแสดงของข้า!
(อนึ่ง.. นี่คือการมโนของเทพเท่านั้น)
“จริงๆ แล้ว.. เจ้าก็ดูแลพวกเลวี่กับเลทิเซียตามปกติ แต่ว่า…”
ผู้หญิงคนนี้แสดงตอบโต้อย่างไม่หลุดบท หน็อยแนะ! หากเป็นคนธรรมดาต้องบอกว่า ยอมรับง่ายไปไหม แล้วแท้ๆ นะ
(เป้าหมายหลักคือการโกหกว่าตัวเองความทรงจำเสื่อมไม่ใช่เรอะ! แล้วนี่มาทำให้จับได้เพราะอยากให้อีกฝ่ายหลุดบทเฉยๆ ทำไม!?)
แต่หลังจากนั้นเธอก็เล่ามาซะยาวเหยียด… อืม.. สรุปคือเป้าหมายของเธอคนนี้ง่ายๆ คือ.. ให้ข้าเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เตะหน้าข้าสั่น..
แค่นั้นแหละ ถึงจะปฏิเสธความรุนแรง (แต่หล่อนก็ใช้ความรุนแรง)
แต่เพื่อที่ให้มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สปายจริงๆ .. ข้าต้องแสดงต่อไป!
………