บทที่ 20 โคลเอ้
ข้า โคลเอ้ วินเชนท์ เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูลขุนนางนักรบดาบ วินเชนท์
อย่างที่รู้ๆ กันว่าตระกูลเราเป็นตระกูลดาบเพียวๆ แถมท่านพ่อและท่านแม่เป็นคนที่ค่อนข้างมีอคติกับเวทมนตร์พอสมควร
ข้าจึงถูกจับให้ฝึกดาบตั้งแต่จำความได้ จนตอนนี้อายุ 14 แล้ว.. และด้วยความที่ข้ามีพรวิเศษที่มีเฉพาะนักรบดาบ
พรของข้ามันไม่เหมาะกับการต่อสู้เลยด้วยซ้ำ มันเหมือนกับ ‘ทักษะ’ ที่ได้รับมาเมื่อทำพันธสัญญากับเทพบนโลกมากกว่า
พรของข้าถูกเรียกว่า ‘ผู้รู้เห็น’ มันทำให้ข้ารู้ถึงความเป็นไปได้อื่น.. อืม อาจจะไม่เข้าใจ ข้ายกตัวอย่างมาง่ายๆ
สมมุติ มีขนมเค้กอยู่สองจาน จานแรกเป็นเค้กช็อกโกแลต อีกอันเป็นเค้กสตอเบอรี่ ข้าในตอนนี้เลือกกินเค้กช็อกโกแลต
แต่ในอีกความเป็นได้ข้าอาจจะเลือกกินสตอเบอรี่แทน.. ด้วยเหตุนี้ข้าถึงเรียกมันว่า ความเป็นไปได้อื่น
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ช่วงเวลาในปัจจุบัน แต่ความเป็นไปได้อื่นยังรวมถึงอดีต หรืออนาคตด้วยเช่นกัน
ซึ่งไอ้ความเป็นไปได้อื่นเนี่ยถ้าข้าใช้มันจะทำให้ข้าเห็นความเป็นไปได้อื่นนับอนันต์ความเป็นได้เลย มันจะทำให้ข้าสับสนว่าอะไรคือความจริงกันแน่
ดังนั้นข้าจึงเคยใช้อยู่ครั้งเดียวและไม่ใช้มันอีกเลย และการฝึกดาบสามารถทำให้ข้าพัฒนามันได้
หลายปีต่อมาข้าจึงเริ่มสามารถควบคุมพลังนี้ได้ ทำให้ข้าเลือกที่จะเห็นได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
ซึ่งมันช่วยในการต่อสู้มาก.. แต่มันคือการโกงอ่ะนะ.. อีกอย่างข้ายังมีความสามารถด้านเวทมนตร์ด้วย
เรื่องนี้ข้าไม่ได้บอกท่านพ่อหรือท่านแม่ ข้าแอบไปฝึกพลังเวทคนเดียว แต่ข้าหาหนังสืออ่านแค่ไหนก็ทำพลังเวทไม่ได้
คือเวทมนตร์เนี่ยมันต้องการความรู้และแทรกแซงใช่ไหม แต่ข้าทำแบบนั้นไม่ได้เนี่ยสิ
แต่ข้ากลับสามารถใช้เวทมนตร์ได้ อืม.. มันคงเป็นพรสวรรค์ละมั้ง ข้าคิดแบบนั้นนะ แถมปริมาณพลังเวทข้าค่อนข้างเยอะ
และเมื่อแปดปีก่อนข้าได้รู้จักกับองค์หญิงของอาณาจักรแห่งนี้ ว่ากันตามตรงข้าก็ไม่คิดว่าจะได้ฝึกดาบกับเธอเลยนะ
เธอมีชื่อว่า เลทิเซีย เธอเป็นผู้หญิงแปลกๆ ดูโง่ เอ่อ.. นินทาองค์หญิงแบบนี้ข้าจะโดนตัดหัวไหมนะ?
ไม่ ข้าหมายถึงเธอดูประหลาดตั้งหาก บางครั้งก็ชอบทำตัวแปลกๆ แต่บางครั้งก็ดูฉลาด
มีครั้งหนึ่ง ตอนนั้นท่านพ่อไม่อยู่ ข้ากับองค์หญิงต้องฝึกในสวน เธอก็พึมพำอะไรแปลกๆ ออกมาประมาณว่า
“บางทีมือสังหารนั่นก็อาจจะกำลังวางแผนใหญ่เพื่อฆ่าฉัน”
อะไรแบบนี้ แล้วเธอก็หันไประมัดระวังเมดส่วนตัวของเธอซะอย่างงั้น ดูบ้าไหมล่ะ จะบอกว่าเมดเป็นมือสังหารก็ไม่น่าจะใช่นะ
เพราะเมดคนนั้นก็คอยดูแลองค์หญิงอย่างดี..หรือบางครั้งก็บอกว่า บางทีท่านแม่ (หมายถึงแม่ในแดนปีศาจ) อาจจะส่งมาสังหารแต่รออะไรสักอย่าง
ข้าเองก็งงว่าทำไมราชินีต้องฆ่าลูกตัวเอง ไม่สิ แต่แรกเดิมทีราชินีออกจะเห่อลูกขนาดนั้นได้ยินว่าไม่เคยตีองค์หญิงด้วยซ้ำ
(เข้าใจว่าเป็นราชินี)
ดูแปลกๆ ไหมล่ะ แต่พอบทจะฉลาดก็ดันฉลาดแบบคาดไม่ถึง เมื่อประมาณห้าปีก่อนองค์หญิงเริ่มทำเครื่องอะไรไม่รู้
มันจะหมุนตัวตลอดเวลา และดาบไม้จะฟันใส่คนที่อยู่ในระยะตลอดเวลา แล้วองค์หญิงก็กินยานอนหลับไปยืนให้ดาบฟัน
ฉลาดตรงที่ว่าสร้างเครื่องอะไรไม่รู้ได้ แต่ทำไมต้องไปให้ตีฟรี ทำแบบนั้นอยู่สองปีจนข้าก็เข้าใจ
องค์หญิงจะสร้างสัญชาตญาณอัตโนมัติ อืม.. นึกไม่ออกสินะ มันคือการตอบโต้จนเป็นเหมือนระบบหนึ่งของร่างกาย
แบบเวลามีคนโจมตีมาด้านหลัง แม้เจ้าตัวไม่รู้ร่างกายก็จะตอบสนองหลบและสวนกลับทันที อะไรแบบนั้น
ดูเหลือเชื่อเหมือนใช้เวทมนตร์ใช่ไหมล่ะ แต่เธอทำแบบนั้นได้จริงๆ เข้าเลยทำบ้างจนทำสำเร็จเหมือนกัน
หลังจากนั้นข้าเริ่มที่จะเลียนแบบองค์หญิง ทำให้พวกเราได้คุยกันมากขึ้น แม้ตอนแรกองค์หญิงจะระมัดระวังข้ามากก็ตามที
แต่ว่าเมื่อข้าฝึกแบบองค์หญิงเธอก็ดีใจมาก (ที่มีคนบ้าเหมือนกัน)
แล้วหลังจากนั้นองค์หญิงก็บอกเล่าให้ฟังว่า เราไม่ควรเชื่อใจใครมากเกินไปไม่งั้นเราจะเสียใจ
อะไรแบบนั้น.. แล้วก็เล่าเรื่องอะไรมากมายจนในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจว่า
โลกนี้มันโหดร้ายอย่างแท้จริง! เมื่อมาพิจารณาว่าหากท่านพ่อท่านแม่รู้เรื่องที่ข้ามีพลังเวทข้าเองก็คงถูกตั้งแง่เป็นแน่ (มโน)
เหมือนกับที่องค์หญิงเคยบอกว่าท่านแม่อาจจะส่งเมดมาลอบสังหาร มันคือการทำให้ตายใจบางทีมันอาจจะเป็นแผนก็ได้
องค์หญิงเคยบอกว่า
“กันไว้ดีกว่าแก้”
เป็นคำพูดที่เปิดโลกทัศน์ให้แก่ข้าเลยก็ว่าได้ ข้าจึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วยการสอนขององค์หญิง
ข้าไม่อ่อนต่อโลกอีกแล้ว!
แต่องค์หญิงนี่สุดยอดจริงๆ นะ อายุเท่าฉันแต่ก็ยังเข้าใจโลกโดยไม่มีคนสอนได้ ขนาดข้ายังต้องให้องค์หญิงสอน
(ไม่ใช่หรอก พวกหล่อนแค่มโนและหล่อนก็โดนป้ายยาความมโน)
อันที่จริงตอนแรกข้าไม่ค่อยชอบทัศนคติขององค์หญิงที่มองโลกในแง่ร้าย จนกระทั่งวันหนึ่ง
ข้าถูกลักพาตัวโดยใครไม่รู้ ตอนฝึกดาบอยู่คนเดียว โชคดีที่องค์หญิงมาช่วยไว้ทันทำให้ข้าได้เรียนรู้ว่า เป็นข้ามากกว่าที่อ่อนต่อโลก
ที่ข้าคิดว่าองค์หญิงมีทัศนคติต่อโลกแย่ เพราะข้าเด็กเกินไป! นั่นคือสิ่งที่องค์หญิงบอกหากข้าโตแล้วข้าก็จะเข้าใจเองว่าการรอบคอบคือเรื่องธรรมดา
และข้าก็เข้าใจแล้ว!
จนตอนนี้อายุ 14 ข้าเติบโตแล้วนะ
[ได้รับพรรคพวกจอมมโน 1 คน]
………………………
ฉัน เลทิเซีย.. วันนี้ฉันนั่งอยู่บนรถม้าที่ตัวรถทำออกมาจากไม้หรูหรา ราคาแพงประดับประดาไปด้วยไม้ชั้นยอด
ท่านแม่บอกว่าไม้นี้ต้านทานการโจมตีเวทมนตร์ทุกธาตุ และซึมซับแรงกระแทกทุกอย่าง นี่มันโหดกว่ารถหรูอีกนะ
จะว่าไป.. ฉันมีเพื่อคนหนึ่งที่เป็นคนระมัดระวังเหมือนฉัน อันที่จริงตอนแรกฉันก็ระวังเธอมาก แต่เมื่อพบว่าเธอเองก็เป็นคนรอบคอบฉันเลยคุยกับเธอ
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมีประสบการณ์รอบคอบน้อยมาก ว่าง่ายๆ คือ ขี้ระแวงเลเวลหนึ่งนั่นแหละ!
คนขี้ระแวงน่ะไม่มีทางเป็นคนไม่ดีหรอกนะ
ด้วยเหตุนี้ฉันเลยสอนเธอเกี่ยวกับทักษะการระแวง แต่เธอไม่ค่อยเชื่อฉันเนี่ยสิ แล้วจู่ๆ วันหนึ่งเธอก็เปลี่ยนไป
วันนั้นถ้าฉันจำไม่ผิดคือ ฉันเผลอใช้เวทมนตร์ปีศาจผิดจนระเบิด มันทำให้พื้นที่ใกล้ๆ ฉันบิดเบี้ยว แล้วมิติก็บิดไปมา
แล้วมันก็โชคร้ายที่โคลเอ้เพื่อนฉันฝึกดาบอยู่ลานหญ้าใกล้ๆ คฤหาสน์ถูกส่งไปยังห้องเก็บของในบ้านร้าง
ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่น่า ฉันไม่ผิดนะ.. แล้วดูเหมือนเธอจะสลบเพราะการข้ามมิติฉับพลันด้วย ทำเอาฉันปวดหัวไม่น้อยกว่าจะหาเธอเจอ
แล้วพอไปเจอเธอก็ดันไปหลับอยู่ใต้ที่เก็บไม้ด้วย ด้วยความที่ถ้ายกท่อนซุงไม้นับสิบคงถล่มลงมาเธอคงตื่นแล้วร้องไห้
ฉันไม่มีทางเลือกจึงเอาเชือกไปมัดตัวเธอแล้วค่อยๆ ดึงออกมา ก่อนจะใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูให้ แล้วก็ลืมไปว่าพอใช้เวทฟื้นฟูมันเลยทำให้เธอตื่นซะงั้น
เธอเลยตื่นมาในสภาพที่ประมาณฉันกำลังแก้เชือกที่มัดอยู่ ฉันคิดว่าเธอจะร้องไห้แต่เธอไม่ยักร้องแถมเธอดันกลายเป็นคนเชื่อฟังฉันซะยังงั้น
อืม.. แต่แบบนี้คงดีแหละนะ ที่เธอเข้าใจความโหดร้ายของโลกนี้แล้ว!
……….