บทที่ 28 ไอ้กร๊วกเอ๊ย!
หลังจากเข้ามาในโรงเรียนพวกเราถูกต้อนรับแบบทั่วไป จะพูดให้ถูกก็คือทางโรงเรียนเขาไม่สนเลยว่าคุณมาจากที่ไหนเป็นใคร
เพราะเมื่ออยู่ในเขตนี้คุณจะกลายเป็นคนธรรมดา ซึ่งดูเหมือนว่าโรงเรียนจะไม่แยแส แม้จะมีคนงอแงไม่พอใจ
ส่วนพวกเราสามคนซึ่งมี ฉัน เลวี่และโคลเอ้ก็เดินมารออยู่ที่ลานกว้าง ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว ซิลเวียก็มาด้วยแต่ไม่ใช่ฐานะนักเรียน ในฐานะครูน่ะ
ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าซิลเวียจะสอนอะไรนักเรียน
“ท่านพี่คนเยอะจังเลย!”
เลวี่สิ่งมากอดแขนฉันซะแน่น กลัวฝูงชนงั้นสินะ โชคดีที่เมื่อหลายวันก่อนเลวี่ไม่ได้ไปเที่ยวในเมือง เพราะตอนนั้นคนมันเยอะพอๆ กับตอนนี้เลยแหละ
(อันที่จริงแค่อยากกอดพี่สาว..)
โคลเอ้ก็ขยับเข้ามาชิดกับฉันท่าทางของเธอเหมือนกำลังระวังตัวอย่างมาก สีหน้าเคร่งขรึม
“องค์หญิง ที่ชุลมุนแบบนี้มีโอกาสที่มือสังหารจะลอบสังหารเรามากที่สุด”
“อืม”
ฉันพยักหน้าในตอนนี้ฉันขยายพลังเวทรอบตัวเพื่อเตรียมตอบโต้หากมีมือสังหารอยู่แถวนี้จริง
หลังจากพวกเรายืนรอสักพักก็มีครูปรากฏตัวขึ้นและนำทางให้พวกเราโดยแบ่งออกเป็นหลายๆ กลุ่ม เพราะคนเยอะเกินไป
หลังจากรอครูที่มาเดินนำพวกเรา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาทางพวกเราและคนที่ทดสอบคนอื่นดวงตาฉันเบิกกว้างกับผู้หญิงคนนี้
“ธะ..เธอ..”
ฉันชี้นิ้วไปอย่างช่วยไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็สังเกตเห็นพวกเรา ดูเหมือนเธอจะไม่แปลกใจที่เจอกันตรงนี้เลย อันที่จริงเหมือนเธอตามหาพวกเราอยู่
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่กัน แถมท่าทางแบบนั้นหรือว่า เธอเดาไว้แล้วว่าเราต้อง เจอกันอีก?!
ผู้หญิงคนนี้คือคนเมื่อตอนนั้น หลังจากที่ฉันทำลายเสาไรสักอย่างและโดนซิลเวียสอยร่วงจนหมดสติ พอตื่นมาก็เจอผู้หญิงคนนี้กับผู้หญิงอีกคนที่มีผมสีขาวตาสองสีที่แปลกประหลาดนั่น
ผู้หญิงที่มีชื่อว่าชิสุกับริวนั่น! ไม่คิดว่าจะมาเจอกันอีกฉันถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนี้ทำตัวมีลับลมคมในที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเจอมา
ถ้าจะพูดให้ถูกคือ เธอเป็นคนที่คิดว่าทำอะไรสักอย่างอยู่เงียบๆ แต่นี่ไม่เหมือนกับซิลเวียที่ฉันมองการแสดงของเธอออก
เพราะฉันจับอะไรไม่ได้เลย แต่ฉันรู้สึกแบบนั้นโดยสัญชาตญาณของฉัน ดังนั้นฉันจึงจ้องระวังตัว
“เจอกันอีกแล้วนะ”
เธอยิ้มออกมาทำเอาฉันรู้สึกคาดเดาไม่ได้เลยว่าผู้หญิงที่ชื่อชิสุนี่จะทำอะไรกับฉัน ในขณะที่กำลังจะหลบหนีนั้นเอง
“เอาล่ะ พวกเธอก็มาทดสอบทางนี้”
“…”
ไม่เปิดโอกาสให้หนีเลย! ขณะที่กำลังขมวดคิ้วเลวี่ที่อยู่ข้างก็ดึงแขนเสื้อของฉัน ฉันเลยหันไปหาเลวี่
“ท่านพี่ มีอะไรหรือคะ?”
“เอ่อ.. เปล่า.. ไม่มีอะไร”
สุดท้ายฉันก็ต้องเดินตามไปอย่างเงียบๆ ฉันเดาได้เลยว่าเลวี่กับโคลเอ้ก็ยังสงสัยที่ว่าฉันไปรู้จักเธอคนนี้ได้ยังไงแม้จะไม่ได้ถามออกมา
ส่วนเลวี่แม้จะไปด้วยกันแต่เธอไม่ได้สตินี่น่า ฉันพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และระวังตัวให้มากขึ้น
พวกเราเดินตามผู้หญิงคนนั้นไป เธอพาพวกเราไปทางด้านภูเขาหิมะ ถ้าจะพูดตรงๆ ก็คือภูเขาน้ำแข็งสีขาวโพลน มีหิมะตกตลอดเวลา
นอกจากฉันและเลวี่กับโคลเอ้แล้ว ยังมีนักเรียนอีกหลายสิบคนที่เดินตามมา คนเหล่านี้ล้วนมีท่าทางที่ค่อนข้างหยิ่งและเหมือนชนชั้นสูง
ไม่ใช่แค่เผ่ามนุษย์ยังมีเผ่าปีศาจด้วย ผู้ชายเผ่าปีศาจคนหนึ่งก็เดินมาหาพวกเรา ที่ฉันรู้เพราะพลังเวทที่ฉันปล่อยออกไปตรวจสอบได้ว่าจำนวนพลังของมันมีเยอะอยู่ในเกณฑ์ของพวกปีศาจ
อายุมันพอๆ กับเลวี่ แต่ฉันเป็นคนที่เตี้ยสุดในสามคนแถมอายุเหมือนสาวน้อยสิบสองขวบ ปีศาจคนนั้นเลยเดินมา
“เฮ้ ทำไมมนุษย์ถึงได้ส่งเด็กอายุสิบสองที่ดูอ่อนแอนี่มากันล่ะ? หรือว่าพวกมนุษย์ไม่มีปัญญาหาคนที่เก่งกว่านี้ออกมาแล้ว?”
ดูเหมือนจะดูถูกฉันแฮะ แต่ไม่หลงกลหรอก จะหลอกให้ฉันโจมตีก่อนล่ะสิ แถมฉันโจมตีดูจากพลังเวทฉันแล้วหัวหมอนี่คงแบะทันทีแน่
สงครามได้เกิดอีกแน่! เผ่าปีศาจถึงกับยอมเสียสละเพื่อเกิดสงคราม สมกับเป็นเผ่าปีศาจจริงๆ ฉันไม่หลงกลหรอกนะ (มันแค่ดูถูกตามประสาเด็ก)
ฉันเลือกที่จะไม่สนใจ เหมือนมันจะได้ใจกว่าเดิมที่ฉันไม่ตอบโต้
“ฮ่าๆ สมกับเป็นพวกมนุษย์โดนดูถูกขนาดนี้ยังไม่สนใจ ศักดิ์ศรีคงไม่มีเลยสิท่า โตขึ้นไปเป็นโส—”
แต่ไอ้หมอนี่จู่ๆ ก็ปลิวไปอัดต้นไม้แถวนั้นหักโค่นกันเป็นแถบ.. ห้ะ.. เกิดไรขึ้น? ฉันที่กำลังยืนงง เลวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตัวสั่น
มือข้างหนึ่งยกขึ้นตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เธอกอดแขนฉันซะแน่นเชียว เพราะเลวี่ก้มหน้าอยู่เลยไม่เห็นสีหน้าเธอ
แต่พอเธอเงยหน้ามาเท่านั้นแหละ.. โกรธสุดๆ ไปเลยแฮะ… ทำไมรู้สึกนับวันเลวี่ยิ่งเหมือนน้องสาวในโลกเดิมเข้าไปทุกวันละเนี่ย
“อย่ามาดูถูกท่านพี่นะ ไอ้กร๊วกเอ๊ย!!!”
“เอ๋..?”
เอ๋..? ทำไมเลวี่ถึงมีคำศัพท์ที่น่ากลัวแบบนั้นอยู่ในหัวได้กัน? น้องสาวต้องไม่มีศัพท์แบบนั้นนะ ดูเหมือนเธอจะโกรธมากจริงๆ นะ
ทุกคนหยุดลงเพราะเสียงตะโกนของเลวี่และร่างของปีศาจที่ปลิวไป รู้ได้เลยว่าทุกคนก็ตกใจ การดูถูกแบบนี้มีเยอะ แต่เหมือนจะไม่มีใครกล้าลงมือโจมตีกันเลย
แต่เลวี่ซัดมันจนปลิวขนาดนี้นี่.. เอ่อ..
“แค่กๆ! แก.. ทำกันได้นะไอ้มนุษย์”
ปีศาจคนนั้นเหมือนจะโกรธมาก เดี๋ยว โกรธทำไมเนี่ย ไม่ได้ถูกส่งมาให้ตายแต่แรกอยู่แล้วหรอกเหรอ (…)
เลวี่เหมือนโกรธที่มันยังไม่ตาย.. คุณน้อง คุณคิดจะฆ่าจริงๆ เหรอเนี่ย ว่าไปที่มันไม่ตายเพราะยังไงซะมันก็ฝึกมาก่อนเข้าโรงเรียนเหมือนพสกเราๆ
อีกอย่างโดยพื้นฐานแล้วปีศาจแกร่งกว่ามนุษย์ ดังนั้นพลังเสี้ยวเดียวของเลวี่คงฆ่ามันไม่ได้แน่ๆ
ฉันที่กำลังวิเคราะห์สถานการณ์ เลวี่ก็ชี้นิ้วขึ้นฟ้า
“ถอนคำพูดซะ”
“ไม่มีทางเว้ย!”
มันเหมือนจะคิดว่าตัวเองไม่ระวังมากไป ก่อนที่มันจะสร้างพลังงานขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นก้อนพลังงานสีดำ! เพียงพอที่จะถล่มตึกหลังหนึ่งได้
“เอ่อ.. เลวี่.. ไม่ต้องโกรธแทนพี่ก็ได้นะ—”
“พี่น่ะเงียบไปเลย!”
“ค.. ค่ะ..”
ฉันไม่กล้าหยุดคุณน้องในเวอร์ชันหัวร้อนได้เลย ในตอนนั้นเองพลังเวทที่ปลายนิ้วของเลวี่ก็พวยพุ่งออกมา
แม้ไม่เยอะเหมือนพวกปีศาจ แต่ทว่ามันก่อตัวเป็นอักษรรูน! ทำเอามนุษย์มุกคนรวมถึงฉันเบิกตากว้าง!?
อักษรรูนนี่มัน.. จอมเวทระดับล่าง ชั้นผู้เชี่ยวชาญ! ระดับแบ่งออกเป็นสามระดับ และแต่ละระดับนั้น ยังแบ่งออกเป็นสามชั้น
ซึ่งประกอบไปด้วย ชั้นเริ่มต้น, ชั้นพิเศษ (สูง) และชั้นผู้เชี่ยวชาญ!
ฉันเองก็ตกใจไม่คิดว่าเลวี่จะทำได้ขนาดนี้แล้ว ไม่สิ ทำไมเลวี่รู้วิธีสร้างอักษรรูนล่ะ มันไม่น่าจะมีอยู่ในห้องสมุดของปราสาทนี่น่า
แต่เลวี่เหมือนจะไม่ยอมหยุด อักษรรูนตัวที่สอง.. ตัวที่สาม สี่..ห้า หก.. จนกลายเป็นบทสวดแห่งรูน
จอมเวทระดับกลางไปสูง! แม้แต่ปีศาจตนนั้นก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวแม้มันจะไม่รู้จัก แต่ฉันคิดว่านะ แค่อักษรรูนตัวเดียวก็น่าจะทำลายพลังเวทของมันได้แล้วแหละ
ฉันมองเลวี่ที่กำลังโกรธ แต่ในตอนนั้นเองเสียงตบมือก็ดังขึ้น
“ฮายย หยุดอยู่แค่นั้นแหละ”
คนที่เข้ามาหยุดคือผู้หญิงที่ชื่อชิสุ เธอตบมือแปะเดียวพลังเวทถูกลบหายไปในทันที ฉันตกใจแม้แต่พลังฉันยังถูกลบหายไป
อีกอย่างพยายามปลดปล่อยใหม่ก็ทำไม่ได้! เลวี่เหมือนไม่จะไม่ยอมหยุดเธอเคลื่อนไหวแทบจะทันที ฉันพยายามจะหยุดเธอ
แต่น่าตกใจที่ความเร็วเธอมากกว่าฉันทั้งๆ ที่ไม่ได้ฝึกฝนร่างกาย ร่างหายวับไปโผบ่อยู่ต่อหน้าปีศาจคนนั้นและ…
ก้อนหินก้อนใหญ่ยกขึ้นพร้อมจะฟาดลงบนหัว
“เฮ้ย—”
“โย่ว—”
ฉันที่พยายามจะตะโกนหยุดเลวี่ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากไหนไม่รู้ เป็นคลื่นความถี่ของคลื่นเสียงพุ่งซัดเข้าภายในร่างเลวี่จนกระเด็นออกมา
“เลวี่!”
………