บทที่ 35 ผ่านบททดสอบ [จบภาค]
ฉันและคนอื่นๆ หลุดออกมาจากสวนอะไรนั่นพอรู้สึกตัวก็มาอยู่กับทุกคนในโพลงน้ำแข็งซะแล้ว
ฉันหันไปเห็นเลวี่ที่กำลังกอดชุดของฉันอยู่ เอ๋ ทำไมเลวี่ถึงมีชุดของฉันละเนี่ย.. หรือ.. หรือว่าเธอช่วยเก็บมาให้ฉันกัน?
“อ๊ะ ท่านพี่ นี่ชุดท่านพี่!”
เลวี่ยื่นชุดมาให้ฉัน ชุดฉันไม่มีคราบเลือดแล้วแม้แต่รอยขาดที่ฉันเคยฉีกออก เหมือนเลวี่จะซ่อมให้จนเสร็จ
“ขอบใจนะเลวี่”
“อื้อ”
ฉันลูบหัวให้เลวี่เบาๆ ขณะที่สายตาหันไปจ้องคนสามคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้มิตินั้นพังทลายลงไป
ผู้หญิงที่ชื่อชิสุยืนรออยู่ที่นี่พอเห็นผู้หญิงที่ชื่อริว เธอก็วิ่งเข้าไปหาเธอคนนั้นทันที ก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“หยุดคนที่เธอหวังจะให้ช่วยเหลือไงล่ะ”
ถึงฉันจะไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร แต่ไอ้พวกลมพวกนั้นคือคนที่จะมาทำอะไรกับโลกนี้ละมั้ง อาจจะเป็นปีศาจอะไรทำนองนั้น
แต่ปีศาจในโลกนี้ปรองดองกับมนุษย์นี่น่า อืมๆ ถึงจะไม่เข้าใจแต่คงเป็นอะไรประมาณนั้น บางทีโลกนี้อาจจะไม่ได้สบายอย่างที่คิดซะแล้ว
นอกจากจะโหดร้ายและมีโอกาสที่จะเกิดภัยพิบัติ ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยไวสินะ ขณะที่ฉันกำลังคิด ผู้หญิงชิสุก็ถามอย่างประหลาดใจ
“เอ๋.. หมายความว่าไงเห—”
แต่ก่อนจะได้พูดจบก็เหมือนจะหันไปเจอผู้หญิงผมสีเหลืองทองที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ชิสุดึงแขนของคนที่ชื่อริวเข้ามาหาตัวเอง
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่ได้?”
“ก็มาเข้าเรียนแค่นั้นแหละ”
ว่าแล้วผู้หญิงผมสีเหลืองทองก็เดินจากไปพร้อมกับดึงหนังสือมาจากไหนไม่รู้อ่าน อืม.. ความสัมพันธ์แบบนี้มันคืออะไรกันหว่า
คนที่ชื่อชิสุพยายามสูดลมหายใจเข้าลุกก่อนจะหันมามองพวกเราแล้วก็พูดขึ้น
“เอาล่ะ ยังไงซะพวกเธอก็ชนะแล้ว หากปล่อยไว้ไม่ถึงสองวันพวกเธอคงเจอโกเล็ม เพราะฉะนั้นจึงถือว่าพวกเธอผ่านเลยแล้วกัน”
นี่มันจะชุ่ยไปหน่อยไหม ฉันรู้สึกแบบนั้น ก็แบบว่าอยากจะทดลองเวทมนตร์ตอนสู้กับฝูงหมาป่าแต่นึกขึ้นได้สักหน่อย
แต่ก็นะผ่านก็ดีแล้วล่ะ หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นสาธยายเรื่องการอยู่ในโรงเรียน ใช้ชีวิตในโรงเรียนซึ่งโดยรวมคือ
วันเสาร์และอาทิตย์ นักเรียนสามารถออกนอกโรงเรียนได้ แต่จันทร์ถึงศุกร์ขต้องอยู่ในโรงเรียน แต่ภายในโรงเรียนมีทุกอย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นร้านค้านั่นค้านี่
แม้แต่ร้านขายนิยายยังมีเลยแหละ ก่อนจะอธิบายเรื่องห้องเป็นรูปธรรม ในโรงเรียนนี้ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น
จะพูดให้ถูกคือ เขาจะไม่บอกว่าคนหัวดีต้องอยู่ห้องคนหัวดี เพราะตรรกะของโรงเรียนนี้คือ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีค่าสมองที่เท่ากัน
แต่เขาสามารถศึกษาได้มากหรือน้อย ไม่ก็อาจจะไม่เอาใจใส่ในการเรียนรู้ ดังนั้นจะมีเพียงความเสมอภาคอย่างแท้จริง
นอกจากนี้เพื่อที่จะให้ห้องเรียนหนึ่งมีนักเรียนทุกรูปแบบเพื่อรักษาความสมดุลและนำมาปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย
ว่าง่ายๆ คือ หากเด็กไม่ฉลาดก็จะสามารถนำมาวิเคราะห์ได้ว่าทำไมเขาถึงไม่ฉลาด เพราะตามคนอื่นไม่ทัน เพราะเริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นอะไรก็ว่าไป
ซึงฉันค่อนข้างชอบในขณะที่อธิบายเสร็จเธอก็หันไปหาคนที่ชื่อริวแล้วแนะนำขึ้น
“เขาเป็นผู้ช่วยของฉัน มีชื่อว่าริว จะนำทางพวกเธอไปที่ห้องพัก เพราะฉันต้องรออยู่ที่นี่สามวันจนกว่าจะจบ ดังนั้นเขาจะนำทางพวกเธอไปเอง”
ผู้หญิงที่ชื่อริวอะไรนั่นเหมือนจะไม่สนใจพวกเราเลยก็เดินนำหน้าไปโดยไม่พูดอะไร ทำให้พวกเราไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลย
ขณะที่กำลังเดินตามหลังอยู่นั้น ชาร์ล็อตเหมือนจะเดินไปหาอเล็กเซียแล้วถามด้วยน้ำเสียงกระซิบ แต่ฉันได้ยินชัดเจนเลย
“ท่านอเล็กเซีย รู้จักคนพวกนั้นด้วยเหรอคะ? ดูแบ้วเหมือนพวกนั้นจะเก่งกว่าผอ. ในโรงเรียนนี้อีกนะคะ”
“อืม.. พอรู้จักนิดหน่อยน่ะ”
เธอตอบแค่นั้น.. และพวกเราก็เดินมาถึงที่พักในที่สุด…
…….
“ทำไมถึงไม่บอกฉันคะ ว่าจะเข้ามาเรียนน่ะ?”
“เธอมันน่ารำคาญนี่”
ในห้องผู้อำนวยการ มีผู้หญิงที่เลทิเซียเคยเห็น เป็นคนที่มาหยุดการต่อสู้ระหว่างเลวี่กับชายปีศาจนั่น
ผู้อำนวยการโรงเรียน ลิลิซ.. จะว่าเธออยู่ในระดับเดียวกับผู้กล้าและจอมมารเลยก็ว่าได้ หรืออาจจะเหนือกว่านั้นอีก แต่ในแง่ความน่านัยถือนั้น
เธอเป็นดุจปราชญ์ที่พระเจ้าทรงประธานลงมายังดินแดนมนุษย์เลยทีเดียว แต่เหมือนผู้อำนวยการกำลังจะให้เกียรติเด็กนักเรียนเข้าใหม่คนหนึ่งมาก
เธอเลทิเซียเห็นภาพนี้คงอุทานว่า.. ลูกบอสแก๊งมาเฟียในต่างโลกแน่ๆ! อย่างแน่นอน
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ .. จริงสิ การแข่งขันล่าสมบัติเปิดเทอมนี้ จะเข้าแข็งขันด้วยไหมคะ?”
“ก็รางวัลมันเป็นหนังสือนี่”
“แต่นั่นแค่รางวัลเสริมพิเศษนะคะ.. อีกอย่างถ้าเธอเข้าก็..”
เด็กผู้หญิงคนนั้นโบกมือก่อนที่ผู้อำนวยการลิลิซจะพูดจบ ก่อนที่จะพูดว่า
“ไม่ต้องห่วง ขนาดอเล็กเซียยังเข้าแข่งได้เลย ฉันก็ต้องเข้าได้สิ”
ผู้อำนวยการขมวดคิ้ว จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นนี่ค่อนข้างจะพิลึกไปหน่อยไหม แต่เหมือนเด็กคนนั้นจะเดาความคิดลิลิซออก
“ผู้หญิงคนนั้นฆ่าเธอได้ด้วยยาเม็ดเดียวเลยนะ คิดว่าคงไม่แปลกใช่ไหม ถ้าจะบอกว่าฉันจะเข้าร่วมเพราะยัยนั่นยังร่วมได้”
“เอ๋..?”
“อีกอย่างผู้หญิงคนนั้น มีชีวิตอยู่มานานกว่าฉันด้วยนะ”
“…”
ลิลิซคิดอยู่หนึ่ง แต่เมื่อมานึกๆ ดูถ้าปล่อยสัตว์ประหลาดที่แม้แต่ผู้อำนวยการยังเอาไม่อยู่ลงสนาม มันจะเป็นการแย่งชิงเหรอ?
“คนอื่นจะไม่โกรธเอานะคะ..?”
“ไม่สน แค่เอาหนังสือก็พอ”
“…. กิจการก็ล้มละลายกันพอดีสิคะ แบบนั้นน่ะ”
ลิลิซถอนหายใจออกมาอย่างปวดหัวแต่ในตอนนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรงมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“มะม๊า ริต้าเองก็ผ่านแล้ว ได้อยู่ห้องเดียวกับมะม๊าด้วยนะ!”
“ริต้า ฟังนะ เรามาที่นี่เพื่อหาหนังสืออ่านเท่านั้น”
“ค่า!!!”
เด็กผู้หญิงสองคนนั้นเดินออกจากห้องด้วยท่าทางกระตือรือล้น ทำเอาลิลิซรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
………
“องค์หญิงคะ ทำไมพวกเราต้องมาอยู่ในโรงเรียนสำหรับเด็กแบบนี้ด้วย?”
ร่างสีดำปรากฏขึ้นพร้อมกับคุกเข่าให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอผมสีชมพูดูแปลกตา หากแต่กลับดูสวยงามและน่ารักในเวลาเดียวกัน
“ฉันจะต้อง… ฆ่าเธอคนนั้นให้ได้… ที่ทำให้โลกนี้เป็นแบบนี้”
เธอยกมือขึ้นแม้มือจะดูอ่อนแอ.. แต่กลับดูน่ากลัวอย่างประหลาดภาพเลือนรางปรากฏขึ้นต่อหน้าของเธอ
หากเลทิเซียมาเห็นภาพนี้.. เธอคงต้องตกตะลึงเป็นแน่แท้.. แต่ด้วยสาเหตุอะไรนั้นไม่มีใครคาดเดาได้เพราะในฟ้องแห่งนี้มืดมิดไร้แสงจนเกินไป
ก่อนที่มือของเธอจะบดขยี้ไปยังยังร่างเลือนรางนั้นจนสลายหายไป…
เธอค่อยๆ เดินไปเปิดผ้าม่านที่ปิดหน้าต่างออกช้าๆ ใบหน้าที่สะท้อนในกระจกเป็นใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคย
อเล็กเซีย!
[จบภาคแรก : โลกใหม่]
…………..