บทที่ 36 โจรตกงาน
หลายวันต่อมา
ตอนนี้ฉันกับเลวี่กำลังยืนอยู่หน้าป้ายประกาศขนาดใหญ่ ป้ายประกาศนั้นแบ่งเป็นช่อง เป็นช่องอย่างมีระเบียบ
แต่ละช่องจะตีเป็นห้องและชื่อห้องเรียนแต่ละห้องจะถูกเว้นช่องว่างไว้ ตามที่ฉันเข้าใจมาคือ ชื่อห้องจะถูกตั้งและโหวตโดยคนในห้องเมื่อเปิดเรียน
ช่างเป็นโรงเรียนที่อิสระซะจริง ฉันมองหาชื่อตัวเอง แม้ว่าฉันจะอายุเยอะกว่าเลวี่ หรือคนอายุสิบสาม แต่หากพูดกันตามตรงฉันควรอยู่ปีที่สอง
แต่ว่าในเมื่อเข้าโรงเรียนฉันก็ต้องเริ่มจากปีหนึ่งไม่สามารถเรียนข้ามชั้นปีได้นั่นเอง.. และฉันก็เลื่อนสายตาไปเห็นชื่อตัวเอง
อยู่ติดกับชื่อเลวี่เลย แถมอยู่ห้องเดียวกันด้วย นอกจากชื่อแล้วยังมีคะแนนตอนสอบเข้าอยู่เต็มร้อย
คะแนนที่ฉันได้คือ 100 คะแนน.. เอ๊ะจะว่าไปฉันอยู่ที่หนึ่งของห้องเลยนี่น่า.. ทำไมฉันได้คะแนนเต็มละเนี่ย ไม่ได้ทำอะไรเยอะสักหน่อยนี่
ส่วนเลวี่เองก็ได้ 98 คะแนน แต่เหมือนจะเป็นคะแนนจากบททดสอบที่สามนะ เพราะบททดสอบแรกกับสอง เธอไม่ได้ทำอะไรเลยเยอะแยะเลย
แล้วเธอทำอะไรไปบ้างหว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ฉันมองไปที่เลวี่ที่กำลังเกาะแขนฉันอยู่
“ท่านพี่ๆ ชื่อพวกเราติดกันด้วยล่ะ เย้ๆ!”
ดูเหมือนจะไม่ได้ผิดหวังอะไรเลยแฮะ แต่เลวี่ต้องชนะฉันได้แน่ถ้าเธอคิกที่จะทำลายน้ำแข็งก็ทำได้เพราะเธอเข้าใจถึงหลักการดังกล่าว
อีกอย่างตอนอยู่บ้านเธอเรียนเร็วกว่าฉันอีก ถ้าไม่มีความทรงจำจากชาติที่แล้วและพรของเทพธิดา ทั้งยังเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วละก็
ฉันคงไม่มีทางเทียบน้องสาวที่เก่งกาจเกินคนนี้ได้ บางทีเธออาจจะไม่อยากแสดงฝีมือก็ได้ เป็นคนรอบคอบโดยแท้
(อันที่จริงแค่อยากให้ท่านพี่โดดเด่น จนไม่มีใครมาล้อเลียนอีก)
ชื่อรองลงมาคือคนที่ดูคุ้นไม่น้อยสำหรับฉัน นั่นคือคนที่ชื่อ อเล็กเซียได้ 97 คะแนน.. เพราะในบททดสอบที่สามไม่ค่อยได้ทำอะไรละมั้ง
รองลงมาอีกเป็นโคลเอ้ เธอได้ถึง 97 คะแนนเหมือนกัน ง่ากันตามตรงเธออยู่ระดับเดียวกับอเล็กเซียแหละ
แล้วห้องนี้ยังมีชื่ออีกหลายคนที่ดูไม่คุ้นเลย แต่ก็มีไม่ถึงสิบห้าคนด้วยซ้ำจากที่นับดูเหมือนจะมีแค่ 13 คน
แต่คนสุดท้ายคือชาร์ล็อต เธอได้คะแนน 50 คะแนนเท่านั้น ผ่านอย่างฉิวเฉียดเลยเพราะเธอไม่เคยใช้พลังของเผ่าอสูรเลย
เธอปาแค่มีดใส่เป้า และเขียนบทความว่าปามีดธรรมดา และในบททดสอบสุดท้ายเธอได้สร้างสิ่งเหนือความคาดหมายจึงผ่านอย่างฉิวเฉียดละมั้ง
แต่แล้วสายตาฉันก็เลื่อนไปเห็นชื่อห้อง .. ห้องของเราไม่เหมือนห้องอื่นๆ ..เพราะมันเขียนชื่อห้องไว้ให้แล้วว่า…
‘ห้องพิเศษ’
ฉันไม่รู้ว่าพิเศษหมายถึงดีเลิศกว่าคนอื่นมากจนต้องแยกมา หรือเป็นห้องที่ด้อยค่าจนถูกจัดขึ้นโดยเฉพาะเลยกันแน่
“องค์หญิง ขอโทษที่มาช้า!”
ในตอนนั้นเองโคลเอ้ก็วิ่งหอบหายใจมาแต่ไกลผูกฉันทรงหางม้า แถมยังมีเหงื่อเต็มตัว โคลเอ้นี่ฝึกอยู่ตลอดเวลาเลยสิน่า
“อรุณสวัสดิ์ โคลเอ้”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ องค์หญิงเลวิเนีย”
เลวี่ทักทายโคลเอ้ ขณะโคลเอ้ก็ทักทายเลวี่ทั้งคู่ดูสนิทกันดีนะ จ้องตากันเป็นมันเลยด้วย
ขณะที่ฉันคิดแบบนั้นอยู่ ก็นึกอะไรขึ้นได้ จริงสิก่อนจะเริ่มเรียนฉันต้องไปซื้อของก่อน ไม่งั้นต้องรออีกห้าวันกว่าจะออกโรงเรียนไปซื้อของ
“ฉันต้องไปซื้อของก่อน พวกเธอกลับไปรอกันก่อนเลยนะ”
“ข้า/ฉันไปด้วย!”
ทั้งสองต่างพูดกันพร้อมเพรียงพลางจ้องหน้าฉันฉันถึงกับพูดไม่ออก เอาจริงๆ ที่ฉันจะไปซื้อของสิ่งสำคัญนี่น่า
จะให้คนอื่นรู้มันก็แปลกๆ น่ะสิ ที่ฉันจะไปซื้อก็คืออุปกรณ์ในการป้องกันห้องพัก มันอาจจะมีคนแอบลักลอบเข้าไปสังหารยามดึก
ฉันเลยต้องสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ขึ้นมา ถึงจะไม่ถนัดแต่ว่าก็จำเป็นต้องทำเพื่อป้องกันตัวไว้ก่อน ของที่ใช้สร้างอุปกรณ์เวทมนตร์นั้น
ไม่ใช่ของธรรมดา แต่เป็นแกนพลังงานที่ทำให้อุปกรณ์นั้นทำงานในเงื่อนไขต่างๆ เวทมนตร์จะถูกใช้ออกโดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลความรู้อะไรในการปล่อยเวท
ดังนั้นฉันจะให้ทั้งสองรู้ไม่ได้ เพราะมันเป็นความลับสุดๆ
“ไม่เป็นไร ฉันไปไม่นานหรอก”
“แต่ว่า…”
เลวี่เหมือนจะพูดอะไรต่อ สายตาแอบมองไปยังโคลเอ้ที่คอตก บางทีเธออาจจะเป็นห่วงความปลอดภัยฉันสินะ
(อันที่จริงแค่อยากเดทกับเลทิเซียแบบสองต่อสอง แต่ถ้าตัวเองไปหมายความว่าโคลเอ้ก็ต้องได้ไปด้วยเลยลังเลพลางมองโคลเอ้)
ในที่แห่งนี้มันอันตรายมากนี่น่า เพราะงั้นเลวี่ถึงได้เป็นห่วงฉันสินะ ฉันเลยยื่นมือไปลูบหัวเลวี่
“ถึงครั้งนี้จะไม่ได้จริงๆ .. ถ้ามีครั้งหน้าจะเลวี่พาไปด้วยแล้วกันนะ”
ฉันรู้ว่าเลวี่เป็นห่วง แต่ครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ นี่น่า ดังนั้นฉันเลยบอกว่าไว้ครั้งหน้าค่อยไปด้วยกัน รับรองเลวี่ได้ปกป้องฉันแน่ๆ ..
“อืม ก็ได้!”
เลวี่ทำหน้าดีใจออกมาพร้อมพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะลากแขนโคลเอ้จากไปอย่างกระฉับกระเฉง
(เลวี่เข้าใจว่า เลทิเซียเข้าใจว่าตัวเองอยากไปเดทกับเธอ แต่ครั้งนี้เพราะโคลเอ้อยู่ด้วยเลยไม่ได้จริงๆ เพราะงั้นรอวันหน้าแล้วกันนะ จะได้ไปเดทกัน พอคิดแบบนั้นเลวี่ก็ดีอกดีใจมาก)
ฉันก็เดินออกจากโรงเรียนไป แต่กำลังจะเดินออกจากประตูโรงเรียน ก็มีคนเดินโผล่ออกมาจากข้างประตูจนชนเข้ากับฉันอย่างแรงจนล้มทันที “ปัก”
แต่ฉันก็ตอบสนองด้วยความเร็วปานสายฟ้า กระโดดถอยหลังสถานการณ์แบบนี้มันอาจจะเป็นการปล้นโดยการแกล้งเดินชน หรืออาจจะลอบสังหารก็ได้
“โอ๊ยๆ ..”
ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งร้องออกมา เสียงนี่ดูแมนนิดหน่อย แต่เหมือนจะเป็นผู้หญิงฉันรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นๆ แฮะ
แต่คนที่อยู่ตรงหน้าฉัน มีผมสีฟ้าครามที่สั้นๆ พร้อมมั้งใบหน้าที่สมเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งเลยแหละมั้ง
อืม ใบหน้านี่ก็ดูคุ้นตาแปลกๆ ใครกันน้า..
“ขอโทษค่ะ พอดีฉันตื่นเต้นที่ได้เข้าเรียนไปหน่อยน่ะ”
เธอคนนั้นลุกขึ้นมารีบก้มหัวขอโทษให้ฉัน ถึงแม้จะสีท่าทางแบบนั้นแต่ฉันไม่ได้ลดการระวังตัวลงเลย
“อืม ไม่เป็นไร”
แต่เพื่อความเป็นธรรมชาติฉันจึงตอบกลับไป ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาจ้องฉันเธอถึงกับผงะทันที ก่อนจะถอยหลังพรวดทันที
นะ..นี่หรือว่าสัมผัสถึงการเตรียมตัวพร้อมรบของฉันได้เหรอ?! หรือว่ามองการตีหน้าซื่อออกงั้นเหรอ?!
“เธอมัน.. ผู้หญิงเมื่อตอนนั้น.. นี่คิดจะตามมาทำร้ายฉันถึงนี่เลยเหรอ?!”
ผู้หญิงคนรั้นร้องออกมา ฉันพยายามขมวดคิ้วคิด.. เมื่อตอนนั้น? นี่เราเคยเจอกับคนแปลกหน้าคนนี้ด้วยเหรอ
ฉันที่พยายามระลึก แต่ผู้หญิงคนนั้นก็พุ่งเข้าหาฉันด้วยความรวดเร็ว บ้าเอ๊ย ลืมไปเลยว่ามันทำให้ฉันสับสนและลอบโจมตี
มันพุ่งเข้ามาฉันจึงฟาดมือออกไปข้างหน้า แต่เหมือนเธอจะคาดแผนไว้เลยย่อตัวหลบออกด้านข้างพุ่งผ่านหลังของฉันไป
โจมตีจากด้านหลังเรอะ ฉันหมุนตัวอย่างรวดเร็วพร้อมตั้งการ์ดป้องกันแต่ว่า.. พอหันไปก็เห็นแตรความว่างเปล่า…
เอ๋.. หายไปไหนแล้ว.. ไม่ใช่จะโจมตีจากด้านหลังเหรอ ฉันพยายามตรวจสอบด้วยเวทมนตร์ว่าเธอซ่อนตัวอยู่ไหม? แต่ก็ไม่ยักจะเห็นมีเลยแฮะ
เอ๋.. เมื่อกี้วิ่งด้วยความเร็วขนาดนั้นถ้าไม่โจมตีมันก็เหมือนหนีตายสุดชีวิตไม่ใช่เหรอ.. เอ๋ แถมหนีเข้าไปในโรงเรียนด้วย..
อ๋อ.. แบบนี้นี่เองจะหลอกให้ฉันไปสู้ในโรงเรียนแล้วผิดกฎโรงเรียนถูกจับกุม ก่อนจะฉวยโอกาสทำร้ายฉันละสิ ไม่หลงกลหรอก!
ฉันเลือกที่จะไม่ย้อนกลับไป แต่ออกจากโรงเรียนไป.. จะว่าไปนะผู้หญิงคนนั้นดูคุ้นๆ นะ… อืมมม นึกไม่ออกแฮะ
……..
“แฮ่กๆ .. ไม่คิดว่า.. จะเจอ.. ผู้หญิงน่ากลัวนั่นอยู่นี่..”
ข้าขมวดคิ้วพร้อมกับเหงื่อตก.. ใช่ ข้าจำไม่ผิดแน่แม้ความจำจะเลือนราง แต่ผู้หญิงคนนั้น ทำให้ข้าหลงๆ ลืมๆ จำได้แต่เรื่องแย่ๆ!
แถมแค่นั้นยังไม่พอ หากไม่ใช่เพราะเธอข้าคงเป็นโจรที่เก่งกาจไปแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่านึกแผนการเป็นโจรดีๆ ขึ้นมาได้แล้วแท้ๆ แต่ลืมไปหมด
ผู้หญิงคนนั้นคือปีศาจในคราบมนุษย์!
เมื่อพบเจอทางเดียวคือหนีเข้าโรงเรียน ให้เธอทำร้ายข้าไม่ได้ เพราะกฎโรงเรียน.. ฟู่ว โชคดีจริงๆ
ไม่คิดว่าจะตามมาถึงนี่ไม่พอ ยังใช้ทักษะเดินขน ที่เป็นทักษะของโจรมืออาชีพเวลาปล้น เพื่อแอบที่จะฆ่าข้าทิ้งไม่เลิกราสักที
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ทำให้ข้ากลายเป็นคนดีที่ ไม่กล้าปล้น [(อันนีน่าจะ็งเป็นมานานแล้]!)
……………