บทที่ 38 เลทิเซียผู้สมบูรณ์แบบ?
ฉันรีบออกมาจากร้านหนังสือเพราะกลัวว่าจะถูกมาเฟียคนนั้นฆ่าทิ้ง พอฉันวิ่งออกมาก็ชนกับชาร์ล็อตที่ยืนรออยู่
“โอ๊ย… เลทิเซีย.. เธอรีบอะไร…”
ทางที่ดีคือไม่อยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงคนนั้นฉันไม่ลังเลที่จะรีบหนีไปในทันที แต่จะบอกว่ามีมือสังหารลอบฆ่าฉันก็คงไม่ถูก
ฉันเริ่มคิดว่าจะบอกยังไงดี แน่นอนว่ามันเป็นเวลาสั้นๆ ที่ฉันใช้สมองเหมือนกับระบบคิดเลขในคอมพิวเตอร์
“มีคนที่น่ากลัวอยู่ในนั้น”
ฉันตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น ถึงจะแค่พูดส่งๆ แต่พิจารณาแล้วว่ามันเป็นสถานการณ์เหมาะแก่คำพูดนี้
และฉันไม่กลัวฝูงชนอีกต่อไปจับแขนชาร์ล็อตได้ก็วิ่งหนีทันที! ในขณะที่สายตาของชาร์ล็อตจ้องมาที่ฉันแล้วพูดขึ้น
“เลทิเซียเนี่ยกลัวพวกแต่งตัวเหมือนปีศาจเหรอคะ?”
“ห๊ะ?”
ฉันอึ้งๆ พูดอะไรของเธอเนี่ยจะว่าไปผู้หญิงที่ฉันกลัวจนวิ่งหนีก็สาบานได้ว่าเป็นคนที่น่ารักคนหนึ่งเลยแหละ
เธอไม่ได้แต่งตัวเหมือนปีศาจอะไรนี่น่า หรือว่าชาร์ล็อตมองคนน่ารักแบบนั้นเป็นปีศาจ…?
แต่ไม่เห็นมองเลวี่เป็นปีศาจเลยนี่น่า เลวี่ก็น่ารักเหมือนกันแถมชาร์ล็อตเองก็สวยไม่แพ้กัน ฉันไม่ค่อยเข้าใจตรรกะความคิดของคนในโลกนี้เท่าไหร่เลยแฮะ
แต่ก็อย่างว่าเพราะไม่เข้าใจนั่นแหละถึงน่ากลัว! มนุษย์น่ะอ่อนแอ..เอ๊ะ ฉันไม่ใช่มนุษย์นี่แต่เอาเป็นว่าอ่อนแอ (แน่ใจ?)
ความไม่รู้นั้นน่ากลัวเหนือสิ่งอื่นใดเพราะงั้นฉันถึงพยายามเดาความคิดให้มากขึ้น แต่ก็ไม่อาจเข้าใจได้
(อันที่จริง โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าวัฒนธรรมอยู่คล้ายกับฮาโลวีน.. หรือคริสต์มาส วัฒนธรรมเหล่านี้มีมานานแสนนาน โดยไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนเริ่มต้นวัฒนธรรม
แต่มันก็แทรกแซงอยู่ในประวัติศาสตร์มานานแสนนาน และเร็วๆ นี้กำลังจะมีเทศกาลประจำปีการล่าสมบัติคล้ายแต่งตัวเป็นโจรสลัด
โดยมีคนแต่งตัวเป็นปีศาจประจำทะเลมาเล่นด้วย ดังนั้นชาร์ล็อตเห็นคนแต่งตัวเป็นปีศาจประจำทะเลเข้าไปในร้านหนังสือก่อนที่เลทิเซียจะวิ่งออกมา
ซึ่งพอเลทิเซียบอก ‘คนที่น่ากลัว’ เธอก็ดันเข้าใจผิดไปว่าเลทิเซียกลัวคนแต่งตัวเป็นปีศาจไปโดยปริยาย)
แต่ฉันไม่อยากพูดต่ออย่างน้อยกลับโรงเรียนได้ก็น่าจะปลอดภัยแหละ ฉันเชื่อแบบนั้นแต่พอกำลังจะเดินไปถึงทางที่เชื่อมไปยังโรงเรียน
มันเป็นทางตรงยาวที่มีทางเดียวและฉันก็เห็นผู้หญิงผมสีทองเดินกลับไปโรงเรียนอยู่! ทำไมเธอเร็วขนาดนั้น!
ฉันขมวดคิ้วทันที การจะเดินไปตอนนี้เธอต้องสังเกตเห็นฉันแน่ๆ ดังนั้นจึงมีทางเลือกเดียวคือรอให้เธอผ่านไปก่อน
ไม่อยู่ด้วนกันนั่นแหละน่าจะดีที่สุดฉันตัดสินใจก็หยุดลง
“เอ๊ะ.. หยุดทำไมเหรอ?”
แล้วชาร์ล็อตก็ถามฉันด้วยความสงสัย ฉันหันหลังให้เธอพลางคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงแข็งๆ
“ฉันจะรออยู่ตรงนี้ก่อน”
“เอ๊ะ?”
เธอเหมือนแปลกใจมาก นั่นสินะ สงสัยละสิว่าจะยืนรอทำไม ฉันถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่อยากอธิบายด้วยสิ
อธิบายไปก็กลัวฟังไม่ขึ้นเพราะไม่รู้จักตรรกะความคิดของคนในโลกนี้มันจะวิเคราะห์ไปทางไหนกันแน่
ดังนั้นฉันจึงหันหลังให้ชาร์ล็อตอยู่แบบนั้น ทำให้มันน่าจะบอกกับเธอเองว่า คิดเอาเอง! อะไรแบบนั้นซึ่งไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแต่ก็อธิบายได้..
โดยความคิดของเจ้าตัวน่ะนะ.. แล้วควรจะเป็นแบบนั้นฉันไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ชาร์ล็อตก็ก้มลงดึงฉันไปจับหน้าอก
“เลทิเซีย.. เธอนี่เหมือนอ่านใจฉันได้เลยนะ ขอบคุณนะ”
ฉันหันหน้าไปมองชาร์ล็อตด้วยสีหน้างงงวย เอ๊ะ นี่ฉันไปทำอะไรถึงขอบคุณละเนี่ย แต่ไม่รู้ว่าทำไม
เธอไม่ได้มองหน้าฉันแต่หันหลังให้ฉันแล้วก็พูดขึ้นว่า
“งั้นเดี๋ยวฉันมานะ”
“เอ๊ะ.. สรุปนี่มันยังไงกันเนี่ย?”
ฉันได้แต่ยืนงงไม่เข้าใจ เดี๋ยวก็ขอบคุณเดี๋ยวก็บอกว่าฉันอ่านใจได้.. เดี๋ยวนะ อ่านใจได้… เอามือไปแตะหน้าอก…
ร..หรือว่า ที่ฉันพูดว่า ‘รอตรงนี้ก่อน’ มันไปตรงกับอะไรที่เธอกำลังคิดอยู่งั้นเหรอ เพราะแบบนั้นเลยเอามือฉันไปใส่หน้าอกสินะ (?)
แต่มันไปตรงกับอะไรในใจเธอล่ะ อ่า โธ่ ไม่เข้าใจเลยสักนิดให้ตายสิ!
……
ฉันมีชื่อว่า ชาร์ล็อต กอร์แด ฉันในตอนนี้กำลังวิ่งออกมา เร็วๆ นี้ฉันได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งเธอชื่อว่าเลทิเซีย
เธอเป็นคนที่ร่าเริงมาก จะว่าไงดีละทำตัวกระฉับกระเฉงตรงกันข้ามกับคนแบบฉันเลยแหละ แถมเธอยังเหมือนกับคนที่ฉันรู้จักในอดีตมากเลย
ถึงจะจำหน้าไม่ค่อยได้ แต่ฉันรู้สึกว่าเหมือนกันมาก แถมยังมีความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดพออยู่กับเลทิเซีย
และวันนี้ฉันได้เจอกับเธอที่ข้างนอกโรงเรียน อันที่จริงพวกเราเจอกันทุกวันเพราะพักอยู่ห้องเดียวกัน แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอทำท่ากลัวผู้คน
ซึ่งแปลกจากบุคลิกของเธอที่ฉันเคยเห็นมาตอนอยู่กับน้องสาวเธอเลวิเนียมาก ฉันเองก็จะมาซื้อของใช้ส่วนตัวเลยพาเธอไปซื้อของด้วย
ฉันคิดแบบนั้นแต่เธอก็กลัวคนสวมชุดปีศาจแบบวิ่งหนีไม่คิดชีวิต ขนาดฝูงคนจำนวนมากยังหยุดเธอไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเธอกลัวมาก (?)
ไม่คิดว่าเธอจะกลัวขนาดนี้ แต่ฉันยังมีเรื่องต้องทำอยู่นี่ ฉันคิดแบบนั้นแต่เลทิเซียก็ไม่หนีไปคนเดียวเธอจับแขนฉันไปด้วย
แม้เธอจะกลัวมากๆ เธอก็ไม่ทิ้งฉันทำให้ฉันเข้าใจว่า เธอเป็นคนดีมากคนหนึ่งเลยล่ะ… แต่อย่างว่าฉันมีเรื่องต้องทำอยู่นี่น่า
แต่จะบอกให้เธอหยุดก็คงไม่ได้.. ฉันเลยคิดว่ากลับไปพร้อมกับเธอก่อนที่จะย้อนกลับมาอีกครั้งก็ไม่เสียหายอะไร แม้มันจะเริ่มมืดและอันตรายขึ้นก็ตาม
ถึงแม้ในเมืองนี้จะมีกฎของโรงเรียนคอยควบคุมอยู่ แต่ด้านนอกเมืองไม่มีกฎครอบคลุมและขณะเดียวกันก็ไม่ขึ้นตรงต่อประเทศไหนๆ
ดังนั้นความอันตรายของมันจึงค่อนข้างสูง แต่ว่าฉันไม่คิดมากเรื่องนั้นเท่าไหร่เพราะฉันมีมารีอยู่แน่น่า
พอคิดได้แบบนั้นก็ตัดสินใจ แต่จู่ๆ เลทิเซียก็หยุดลงแล้วบอกว่าจะรออยู่ที่นี่ก่อน เธอบอกแค่นั้นแล้วไม่หันหน้ามามองฉัน
เธอทำเหมือนไม่ยอมบอกเหตุผลว่าทำไมถึงหยุด.. แต่เหมือนกับเธออ่านใจฉันได้.. เธอบอกให้ฉันไปซื้อของก่อนแม้ว่าเธอจะกลัวขนาดนั้น
แต่เธอก็ไม่ลืมปัญหาของฉันเช่นกัน.. ฉันคิดว่าเธออ่านใจได้จริงๆ แต่ถ้าอ่านใจไม่ได้… มันคงเป็นเพราะว่าอะไรล่ะ…
(เพราะว่า.. “คิดเรื่องของชาร์ล็อตมากเช่นกัน” … ซึ่งผิดไปละทิศเลยก็ว่าได้)
คิดได้แบบนั้นฉันก็เริ่มหัวใจเต้นแรงแปลกๆ อดไม่ได้ที่จะยกมือของเลทิเซียมาแตะที่หน้าอกที่มีหัวใจกำลังเต้นรัวอยู่ตอนนี้ แต่ฉันลืมไปว่าพวกเราอาจจะไม่ได้สนิทขนาดนั้น
พอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกอายขึ้นมาก็รีบหันหน้าหนีทันที เพราะกลัวว่าเธอจะเห็นใบหน้าของฉัน
ฉันตัดสินใจวิ่งออกมาและไปซื้อของทันที… แน่นอนว่าของที่ฉันซื้อของของที่ใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มเติม
ฉันกลัวเลทิเซียจะรอนานเลยรีบใช้จ่าย ก่อนจะรีบกลับ แต่เห็นร้านเค้กเปิดอยู่เลยซื้อมาด้วย
รีบกลับไปหาเลทิเซียและก็เห็นเลทิเซียยืนอยู่จุดเดิมแทบไม่ขยับไปไหนเลยสักนิด ที่น่าตกใจคือเธอกำลังทำสีหน้ากระวนกระวายอยู่
แล้งทำท่าทางเหมือนไม่รู้จะแสดงออกยังไง ใกล้ๆ มีเด็กผู้ชายกำลังยืนร้องไห้อยู่..
“แงๆ ท่านแม่ ท่านแม่อยู่ที่ไหนกัน อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียวสิ”
ก็อย่างที่คิดดูเหมือนจะมีเด็กพลัดหลงกับพ่อแม่ บางทีเลทิเซียอาจจะอยากช่วยแต่คงไม่รู้ว่าควรทำยังไงสินะ
ก็นะเธอเป็นองค์หญิงนี่น่า จะรู้จักวิธีรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ก็คงแปลกๆ และนี่อาจจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เธอเห็นเด็กหาย
ทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้เลย วันนี้ทำให้ฉันเห็นข้อด้อยของเลทิเซียเยอะเลย ตอนแรกฉันคิดว่าเธอไม่มีข้อด้อยเลยซะอีกนะ แบบเป็นคนที่สมบูรณ์แบบโดยสิ้นเชิง อะไรแบบนี้น่ะ
ก็แบบแม้จะเก่งกาจแต่ไม่หยุดฝึกหรือดูถูกคนอื่นเลย วันจะอยู่แต่กับตัวเองไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใคร แถมดูเหมือนจะหัวดีมาก
แต่เธอเหมือนจะไม่ได้ไม่อยากสุงสิงกับใคร.. แต่แค่สุงสิงกับใครไม่เป็นสินะ..
(ไม่นะ! เธอไม่อยากจริงๆ ต่างหากเล่า! แล้วที่กระวนกระวายก็เพราะนี่อาจจะมีคนส่งเด็กร้องไห้มาหลอกลวงแล้วก็ซุ่มโจมตี อะไรแบบนี้?)
……….