บทที่ 40 ท่านพี่ถูกเสมอ…
พวกเราเดินมาถึงร้านค้าเล็กๆ ตะวันก็ใกล้จะลับขอบฟ้าไปแล้วเสียงเฮฮาดังขึ้นมาจากในร้านค้าดังกล่าว
ก่อนที่ประตูร้านจะถูกเปิดออกแล้วมีร่างหนึ่งกระเด็นออกจากร้านกลิ้งลงพื้นมานอนกระอักเลือดอยู่ต่อหน้าฉันกับชาร์ล็อต
ผู้ชายคนนี้น่าจะอายุเยอะกว่าฉันตอนอยู่โลกเดิมซะด้วยสิ แถมมีหูแปลกๆ เหมือนกับจิ้งจอกเลยด้วย จะว่าไปมันเหมือนกับหูของเด็กที่ชื่อชิเอลเลยด้วย
“พ่อ!!”
ชิเอลร้องออกมาพร้อมกับก้มลงไปหาพ่อตัวเอง ว่าแล้วเชียว.. แต่นี่โดนเล่นหนักนะเนี่ย ฉันคิดแบบนั้นเพราะว่า
ร่างกายของเขาคนนี้เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เอาจริงๆ นี่มันการกระทืบฝ่ายเดียวเลยนี่น่า
ชาร์ล็อตที่เห็นสิ่งนี้ เหมือนมันไปกระตุ้นสัญชาตญาณบางอย่างของเธอทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก ทั้งๆ ที่เธอไม่ใช่คนโกรธง่ายแท้ๆ
“ช…ชิเอล… กลับ… มาที่นี่..ทำไมลูก.. ค่อก!”
ชายคนนั้นยังไม่หมดสติเขากระอักเลือดคำโตออกมาทำเอาชิเอลถึงกับร้องเสียงหลงออกมาทันที “คุณพ่อ?!”
รุนแรงจริงๆ แต่คนที่ลงมือโจ่งแจ้งและทำอะไรแบบไม่คิดแบบนี้ บางทีมันอาจจะถูกชักจูงอยู่จริงๆ ละมั้ง
ฉันคิดแบบนั้นพลางมองเข้าไปในร้านที่มีแสงไฟจากเทียนส่องออกมาก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจ
“บังอาจมากนะ ไอ้หมาโสโครกคิดจะมากินอาหารร้านเดียวกันกับมังกรที่ยิ่งใหญ่นี่มันเหิมเกริมจริงๆ”
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ฉันถึงกับเลิกคิ้ว ชายคนที่เดินออกมาอายุประมาณสิบห้าปีเท่านั้น
สวมชุดรุงรังน่ารำคาญประดับประดาด้วยอะไรไม่รู้ หลับตามองฉันก็รู้ทันทีว่าไอ้หมอนี่.. องค์ชายของอาณาจักรไหนสักแห่งแน่ๆ
“มังกร..?”
ฉันพยายามครุ่นคิด.. มองมันยังไงก็มีรูปร่างเป็นมนุษย์ไม่มีเศษเสี้ยวของมังกรเลยด้วยซ้ำ
ฉันที่กำลังคิดนั้น ชาร์ล็อตก็เดินไปหาชายคนนั้นพร้อมกับถามขึ้นด้วยเสียงที่ฉันฟังแล้วแยกไม่ออกว่าตอนนี้เธอคือมารีหรือชาร์ล็อตกันแน่
“ฉันขอถามสักหน่อยว่า.. เหตุผลที่นายทำแบบนี้มีแค่นั้นใช่ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว รัชทายาทแห่งจักรวรรดิอย่างข้า ไม่ควรมีลูกหมามานั่งกินข้าวด้วยหรอก ว่าแต่แกเป็นใคร?”
“งั้นเหรอ..?”
ชาร์ล็อตเหมือนได้ฟังแค่นั้นแล้วมีดเล่มเล็กก็ดึงออกมาตอนไหนไม่รู้ แล้วแทงเข้าไปที่คอของมันอย่างรุนแรง
ไม่รู้ว่าฉันฟังพลาดไปเองหรือเปล่าแต่เหมือนจะได้ยินว่า “การรังแกผู้อ่อนแอ.. ไม่สมควรเป็นผู้นำ.. ต้องถูกปฏิวัติ”
ฉันได้ยินแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกคุ้นกับชาร์ล็อตมากขึ้นไปอีก หรือว่าเป็นแค่เดจาวูเฉยๆ กันนะ..? ขณะที่คิดแบบนั้นคมมีดสั้นก็เกือบจะปักใส่คอชายคนนั้น
“เหอะ ลูเซีย!”
ฉันตกใจทันทีที่ได้ยินเจ้ารัชทายาทอะไรนั่นมันเรียก หัวใจฉันเต้นตึกตักอย่างช่วยไม่ได้
มันหัวเราะออกมาแล้วก็พูดขึ้นในตอนนั้นเงาสีดำพุ่งมาจากด้านหลังของมันพร้อมกับ ใช้มือฟาดไปที่มีดสั้นเล่มนั้น
“เปรี้ยง!” คมมีดปะทะกับฝ่ามือ.. คำตอบคือมือขาดแน่นอนอยู่แล้ว แต่น่าตกใจที่คมมีดกับแตกกระจายพร้อมกับร่างของชาร์ล็อตถูกกระแทกจนกระเด็น
เมื่อร่างของชาร์ล็อตกระเด็นฉันเลยโดดไปรับร่างเธอไว้ก่อนจะค่อยๆ ยืนบนพื้นฉันตรวจสอบดูเหมือนจะไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากและสายตาก็หันกลับไปมอง
ร่างที่ว่านั้นสวมปลอกคอโลหะพร้อมกับปลอกแขนปลอกขา.. ผมสีดำสนิทเหมือนกับสีผมของฉันซึ่งหายากในโลกใบนี้
แม้ฉันจะยาวกระเซอะกระเซิงจนไม่เห็นใบหน้าก็ตามแต่ก็คงรู้ว่าหน้านั้นน่าจะงาม เธอไม่สูงมากนักแต่ก็สูงกว่าฉันนิดหนึ่งเห็นจะได้…
“แค่กๆ .. ทาสงั้นเหรอ..”
จู่ๆ ชาร์ล็อตก็ไอออกมาอย่างช่วยไม่ได้.. เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น.. ทาสมีอยู่บนโลกใบนี้ในบางอาณาจักร
ทาสนั้นมีระดับที่แตกต่างกันหลายระดับ และทาสที่สวมปลอกแขนปลอกคอนับเป็นทาสระดับต่ำมากพอสมควร
แถมทาสระดับนี้นั้น ถูกระงับความนึกคิดไม่ให้คิดใดๆ ทั้งสิ้น เป็นทาสที่ต้องทำตามคำสั่งเหมือนถูกสะกดจิต
“ล… ลู…เซีย”
ตอนนี้ร่างกายฉันแข็งทื่อไปเรียบร้อยขณะมองร่างดังกล่าวอย่างเหม่อลอย.. มันเป็นอะไรที่ไม่สามารถพูดออกมาได้นอกจากคำว่า… ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไร?’
……..
ข้าคือ เลวิเนีย.. ตอนนี้เริ่มเย็นแล้วแต่ท่านพี่ไม่ยอมกลับมาสักทีทำให้ข้าต้องออกไปตามหาท่านพี่กับโคลเอ้
พวกเราหากันทั่วเมืองแล้วก็ไปเห็นท่านพี่ยืนอุ้มผู้หญิงที่ได้อยู่ห้องเดียวกับท่านพี่อยู่มันทำให้ข้ารู้สึกอึ้งและหงุดหงิด
แต่ในตอนนั้นเองชายคนหนึ่งที่ทองท่านพี่และผู้หญิงที่ชื่อชาร์ล็อตก็พูดขึ้น
“พวกแกสองคนเป็นใคร ถึงกับกล้าต่อต้านข้าคนนี้? คงไม่อยากรักษาชีวิตแล้วมั้ง?”
ทำเอาข้าขมวดคิ้วกับท่าทางของมัน แต่ข้าก็ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปกว่านี้เช่นกัน เพราะเผลอฆ่าคนไปมีหวังโดนไล่ออกจากโรงเรียนแน่ๆ (?)
ข้าหันไปมองหน้ากับโคลเอ้ก่อนที่พวกเราจะพยักหน้าและรีบพุ่งตัวไปยืนอยู่ตรงหน้าท่านพี่แล้วก็พูดขึ้น
“เป็นใคร? คงไม่รู้จักรองค์หญิงแห่งอาณาจักรอาเดฟ อย่างเลทิเซีย ทีน อาเดฟ กับ เลวิเนีย ทีนอาเดฟ งั้นเหรอ?”
ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดชื่อออกไปแม้จะมีกฎห้ามอวดฐานะก็ตาม แต่นี่มันอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องหยุดไว้แค่นี้
อย่างน้อยข้าก็คิดแบบนั้นในตอนนี้ เจ้าผู้ชายคนนั้นก็หยุดคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา
“ที่แท้ก็คิดว่าใคร ที่ไหนได้เป็นองค์หญิงใหญ่นี่เอง.. ข้าคือรัชทายาทแห่งจักรวรรดิมังกร”
จักรวรรดิมังกร ข้าถึงกับอึ้งไปพักหนึ่งก่อนที่จะรู้สึกขำอย่างช่วยไม่ได้.. จักรวรรดิมังกรที่ล่มสลายมันยังกล้าทำตัวแบบนี้อยู่อีกเหรอ?
เห็นแบบนี้ข้าก็พอรู้จักสถานที่ต่างๆ และในครั้งที่ยุติสงครามระหว่างเผ่ามีเพียงประเทศเดียวที่ยังดูถูกผู้อื่นเสมอ นั่นคือ จักรวรรดิมังกร
ว่ากันว่ามันเป็นจักรวรรดิที่สืบเชื้อสายมาจากเผ่ามังกรแม้จะอ่อนแอมาก แต่ก็นับว่าเป็นเผ่ามังกร
และที่สืบทอดผ่านสายเลือดมาเหมือนจะมีแค่นิสัยอันแสนเย่อหยิ่งของมัน ทำให้เมื่อหลายร้อยปีก่อนถูกปราชญ์แห่งวีรสตรีล้างบางไปจนเกือบหมดทั้งจักรวรรดิ
เรียกได้ว่าใครจะบี้อาณาจักรนี้ก็ทำได้ง่ายมาก แต่เพราะมีสนธิสัญญาระหว่างประเทศห้ามรุกรานกันและกันทำให้ไม่สามารถทำอะไรมันได้
แต่พวกมันในตอนนี้ไม่ถูกรับเป็นประเทศด้วยซ้ำ.. แต่ทว่าด้านความแข็งแกร่งเหมือนพวกมันจะมีอะไรปิดซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อ
ดังนั้นทุกคนจึงระวังมันมาก แต่หากมีเรื่องกับอาณาจักรไหนจริงๆ เกรงว่าพวกมันคงเริ่มทำสงครามบดขยี้เป็นแน่
“ข้าเพียงแค่มีเรื่องกับพวกชั้นต่ำ แต่เหมือนคนของน้องสาวองค์หญิงจะมาขัดขวางข้านะ เรื่องนี้คงไม่บอกว่าข้าผิดนะ? ใช่ไหมองค์หญิงเลทิเซีย?”
มันพูดขึ้น จะว่าไปแล้วถึงข้ากับท่านพี่จะไม่เป็นที่รู้จัก แต่ในด้านข่าวคราวของชนชั้นสูงทุกคนแทบจะรู้จักเรา
แต่เหมือนไอ้บ้านี่จะคิดว่าข้าเป็นท่านพี่นะ (ตัวเลวี่สูงพอๆ กับเลทิเซียในตอนนี้ แต่ก็กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เหมือนคนพี่มากกว่า)
“ขอแก้ไขก่อนว่า ข้าไม่ใช่ท่านพี่เลทิเซีย และขอชี้แจงอีกอย่างว่า..”
ข้ายิ้มออกมา
“เรื่องที่ท่านพี่ทำ คือเรื่องที่ถูกต้องเสมอ”
……..
[ผู้ผดุงความนุติธรรมที่พยายามจะจับมีดแทงคอคนต่อหน้าเด็ก]