การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 50

บทที่ 50 – ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?

 

แต่พอเสียงเงียบลงฉันก็พบว่ามันเป็นแค่เสียงเหล็กตกในห้องจนดังสะท้อนกลับไปมาจนเสียงเริ่มที่จะแหลมขึ้นด้วยตัวมันเอง

พอเราเปิดประตูเสียงที่ไม่มีที่ไปเลยถูกเปิดออกมาก็วิ่งมามันเลยดูเสียงดังเหมือนเด็กผู้หญิงร้อง

“อะไรกัน เป็นแบบนั้นเองเหรอคะ?! ให้ตายสิ ทุบทิ้งซะดีไหมเนี่ยห้องใต้ดินบัดซบนี่!”

ซิลเวียเหมือนจะกลัวจริงๆ ถกแขนเสื้อเตรียมจะทุบห้องทิ้งไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำจริงๆ น่ะนะ ฉันกับซิลเวียเดินเข้าไป

ห้องแห่งนี้เป็นห้องที่มีทรงกลมโดยมีร่องบนพื้นดินเหมือนทางไหลของน้ำ แต่เป็นระเบียบ เหมือนกับวงแหวนเวทมนตร์

แถมแต่ละจุดที่เป็นมุมของวงเวทเหล่านี้ยังมีรอยเทียนสีขาวที่โดนละลายไปหลงเหลืออยู่ แถมที่ในร่องดังกล่าวยังมีคราบสีแดง

“นี่มัน.. คราบเลือดสินะ..”

ฉันก้มลงแตะดู ซิลเวียเองก็ทำท่าทางกระวนกระวายพร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางกังวลว่า

“เดี๋ยวเถอะ อย่าแตะมั่วซั่วสิ เกิดติดคำสาปขึ้นมาจะแย่เอานะเลทิเซีย!”

ฉันไม่ได้สนใจซิลเวียเดินไป ตรงกลางห้องมีทวนสีแดงเล่มหนึ่งวางทิ้งอยู่ ทวนเล่มนี้มีสีแดงเลือด

“นี่มันหอกในเรื่องเล่านั่นนี่น่า”

หอกที่ทำให้เกิดเสียงกรีดร้องคือหอกสีแดงเลือด ที่ถูกหล่อหลอมจากเลือดของใครสักคนเส้นสังเวยทั้งดวงวิญญาณเพื่อสร้างมันขึ้นมา

แต่ว่าตามตรงเรื่องเล่านี้ไม่มีตรรกะใดมาอ้างอิงแค่ใช้เลือดจะเสียวิญญาณนั่นแทบเป็นไปไม่ได้เลยล่ะ ดังนั้นเรื่องเล่าอาจจะเป็นเรื่องเล่าปากต่อปาก

ไม่ก็หากใช้หลักการที่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่คงจะได้แหละมั้ง ยังไงก็ตามฉันคิดว่าหอกต้นเหตุทำไมถึงอยู่ที่นี่ไม่มีคนเอาออกไปเลยเหรอ

ทำไมทางโรงเรียนถึงได้ปล่อยปละละเลยขนาดนี้ ขณะฉันคิดแบบนั้นก็เอื้อมมือไปจับหอกสีแดงเล่มนั้น…

“เปรี้ยง!!”

จู่ๆ มุมมองฉันก็มืดมัวลงแต่ก็แตกออกทันที สติฉันหายไปชั่ววูบ ฉันรีบถอยออกมาโดยสัญชาตญาณ

“เลทิเซีย?!”

“เมื่อกี้มันอะไร?”

ซิลเวียก็เหมือนจะเห็นที่หอกจู่ๆ ก็ดีดออกจากมือฉัน ฉันเองก็รู้สึกกลัวขึ้นมาถ้ามันไม่กระเด็นออกจากมือฉันเมื่อกี้ฉันคงสติหลุดไปแล้ว

นี่คงเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครเอามันออกไปสินะ.. ขณะที่ฉันกับซิลเวียกำลังงุนงงนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

“ตึก.. ตึก … ตึก”

เสียงฝีเท้านี้มันทำเอาฉันกับซิลเวียถึงกับตกใจ ฉันหันไปมองหน้ากับซิลเวีย เพราะเรื่องเมื่อกี้นี้ทำเอาฉันกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว

“เพื่อเธอมาหาหรือเปล่า…” (เลทิเซีย)

“ไม่มี..” (ซิลเวีย)

“แม่บ้าน?” (เลทิเซีย)

“ไม่ทำความสะอาดชั้นใต้ดิน” (ซิลเวีย)

“แล้วเสียงใคร …” (เลทิเซีย)

“นั่นแหละคำถาม..” (ซิลเวีย)

ฉันกับซิลเวียมองหน้ากันก่อนจะกลืนน้ำลาย ตอนนี้มีสิ่งเดียวที่เราทำได้คือซ่อนตัว! แต่ห้องนี้มีจุดซ่อนตัวที่ไหน?!

ฉันกัดฟันใช้เวทมนตร์อำพรางโดยการหักเหแสงใช้หลักการเดียวกันกับแสงส่องผ่านแก้วนั่นแหละ ทำให้เหมือนพวกเราหายตัวอยู่เลย

เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา.. ใกล้เข้ามา หอกเองก็ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็สั่นทำเอาฉันเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาด้วย

ถ้าผีเป็นแค่วิญญาณโง่ๆ ที่ทำอะไรไม่ได้ก็ไม่น่ากลัวอะไรหรอก แต่ถ้าสามารถฆ่าฉันได้นั่นสิน่ากลัวของแท้

เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ก่อนที่ประตูจะเปิดดังปัง ฉันกับซิลเวียหลับตาแทบพร้อมกัน หัวใจเริ่มเต้นตึกตัก

เสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา ฉันเอามือปิดปากตัวเองและซิลเวีย อาจจะเพราะกลัวเลียไม่กล้าลืมตา… เสียงฝีเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าแทบจะหายใจรินหน้าฉัน..

เอ๊ะ..? ฉันตัวเตี้ยมากๆ นี่น่า ผีคุณครูต้องตัวสูงกว่าฉันสิ..? เอ่อ.. ฉันกัดฟันก่อนจะลืมตาทันที

แต่พอลืมตาก็สะดุ้งทันที

“เฮ้ย?!”

เสียงฉันสะดุ้งนั้นทำเอามีเสียงตกใจดังขึ้นจากปากของคนที่น่าจะเป็นผี ทำเอาซิลเวียกรีดร้องออกมา

“กรี๊ด!!!”

“หนวกหูว้อย!”

ซิลเวียกับผีแทบกรี๊ดแข่งกัน เอ่อ อันที่จริงไม่ใช่ผีหรอกนะ คนตรงหน้าฉันคือทสึรุคนที่ตัวโตพอๆ กับฉันทั้งๆ ที่อายุแปดขวบนั่นแหละ

“เอ๊ะ?”

ทั้งคู่ก็เงียบลงพอเห็นหน้ากันและกัน..

“คุณเลทิเซีย?! แล้ว… เอ่อ.. ใครเหรอคะ?”

“นั่นมันคำถามฉันตั้งหากล่ะ เธอนั่นแหละเป็นใคร?! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

ซิลเวียที่ดึงสติกลับมาก็เหมือนจะโกรธที่ถูกหลอก ไม่ได้หมายความว่าหลอกหลอน แต่โดนหลอกให้กลัวน่ะนะ!

“เอ๊ะ ฉันชื่อทสึรุ ฉันมาฝึกที่นี่ทุกคืนนะ..”

“…..”

ฉันกับซิลเวียถึงกับอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะมองหน้ากันและกันแล้วก็สอบถามทสึรุ ถึงเรื่องราวทุกอย่าง.. สรุปคือว่า..

เมื่อคืนหลังจากเลวี่นอนเธอก็แอบออกมาฝึกเพราะก่อนจะเข้าเรียนเธอนอนอยู่ที่นี่ฝึกที่นี่ ดังนั้นเมื่อคืนเลยมาฝึกที่นี่

อันที่จริงแค่จะมาเอาทวนเท่านั้น แต่มันดันเผลอฝึกไปโดยไม่รู้ตัว แล้วพอฝึกเสร็จก็ต้องรีบกลับจนลืมเอาทวนไปด้วย

พอรู้สึกตัวว่าลืมเอามาเลยจะมารีบเอาทวนกลับก่อนจะเริ่มเรียนนั่นเอง จะว่าไปมีทวนอีกเล่มสีเงินที่ดูธรรมดาวางอยู่ใกล้ๆ

“ฉันจำได้ว่าเมื่อเช้าฉันวางไว้หน้าประตูนะคะ.. กลิ้งมาอยู่ที่นี่ได้ไงกันนะ?”

“หน้าประตู?”

“ใช่ค่ะ ฉันวางไว้หน้าประตูเสมอก่อนออกจากห้องจะได้ไม่หลงลืมน่ะ”

แบบนี้นี่เองที่พวกเราเปิดประตูไม่ระวังทำให้ทวนล้ม จนเกิดเสียงสะท้อนในห้องนั่นเอง… แล้วที่ทวนมาอยู่จริงนี้คงเพราะกลิ้งนั่นแหละ

สรุปคือ..ไม่มีผีอะไรทั้งนั้น

ซิลเวียกับฉันถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก…

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ”

ฉันสูดลมหายใจก็รู้สึกดีใจที่หนึ่งในเจ็ดเรื่องมีเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เพราะบางทีเรื่องเล่าอาจจะเกิดขึ้นเพราะทสึรุเหมือนกัน

ฉันเดินออกไปพร้อมกับดึงประตูที่อยู่อีกผนังกลับมาปิดลง..

โดยไม่รู้ว่าพอผนังที่ถูกประตูปิดทับไว้ในตอนแรกทำให้มองไม่เห็นนั้น…

กำลังมีคนคนหนึ่งยืนยิ้มให้กับความมืดไร้เสียง

“ข้า..อยู่…ตรง…นี้…”

………..

…….

หลังจากนั้นพวกเราก็เข้าชั้นเรียนตามปกติ… มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ .. เพราะว่าเมื่อเปิดเทอมวันแรกก็มีคนย้ายเข้ามาแล้ว

“เอาล่ะ ถึงจะเร็วไปหน่อยแต่นี่คือนักเรียนใหม่ของห้องพิเศษมีคะแนนมากที่สุดเหมือนกับพี่น้องอาเดฟ… เอาล่ะเธอเข้ามาได้”

ครูสาวแนะนำตัวนักเรียนฉันเองก็หันไปมองประตูโดยไม่ได้คิดอะไรมาแต่พอประตูเปิดออก เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

ฉันผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

สายตาหันไปมองเด็กคนนั้น.. คนที่ดูคุ้นตาที่สุดและเป็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกสักครั้งในชีวิตนี้..

ด้วยความตกใจฉันจึงอุทานชื่อของเธอออกมาว่า..

“ละ… ลูเซีย…?”

 

………………

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!
Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset