บทที่ 51 – ลูเซีย
ก่อนหน้านั้น
หลังจากฉันกลับมาถึงห้องเรียนแบบพอดีกับตอนที่ทุกคนกำลังจะแนะนำตัว ในห้องเรียนพิเศษมีนักเรียนอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
หากรวมฉันด้วยก็มีแค่สิบคนเท่านั้นคนโดยรวม แน่นอนว่าพอพวกเรามากถึงก็ได้แนะนำตัวกันอย่างสุภาพกัน
ฉันไปอยู่หลังห้องแต่ก็มีคนเริ่มแนะนำตัวกันแล้ว คนแรกคือเลวี่น้องสาวของฉันที่อยู่ห้องเดียวกัน
“ข้ามีชื่อว่า เลวิเนีย อายุสิบสามปี ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
ว่าแล้วเธอก็ย่อตัวโค้งอย่างมีมารยาท ก่อนที่จะมีเสียงตบมือดังตามมาเป็นจังหวะพอดิบพอดี
ต่อจากเลวี่ก็คือโคลเอ้
“ข้ามีชื่อว่า โคลเอ้ เป็นนักดาบอายุสิบสี่ปี ยินดีที่ได้รู้จัก!”
แม้จะทำท่าทางเหมือนอัศวินแต่โคลเอ้ก็ไม่ได้โตมากเลยรู้สึกว่าไม่น่าเกรงขามเท่าไหร่นัก จะว่าไปพอมานึกๆ ดูแล้วในห้องนี้น่ะ..
มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเลย จะว่าไปห้องพิเศษมันแบ่งออกเป็นสองห้องโดยจะเป็นห้องของชายล้วนกับหญิงล้วน
แปลว่าในห้องพิเศษจะไม่มีเพศตรงข้ามนั่นเอง จากที่ฟังมาเหมือนผู้หญิงกับผู้ชายมีความแตกต่างกันมากกว่าคำว่าเพศอยู่
ซึ่งความต่างนั้นมันมากกว่าความต่างของเผ่าพันธุ์ซะอีก จากที่ฉันพอจะรู้มาเหมือนว่าในโลกนี้จะมีหลักความเชื่อว่า
แต่เดิมแล้วผู้ชายและผู้หญิงคือหนึ่งเดียวกัน แต่ได้ทำให้พระผู้เป็นเจ้าทรงเกรี้ยวโกรธจึงถูกแยกออกเป็นสองเพศ
เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ชายและผู้หญิงถึงต้องการกันและกันอะไรแบบนั้นน่ะนะ จะว่าไปตอนอยู่โลกเดิมก็พอได้ยินเรื่องเล่าแบบนี้อยู่บ้าง
“ฉันมีชื่อว่า ชาร์ล็อต กอร์แด ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
ชาร์ล็อตเธอแนะนำตัวอย่างสุภาพและเป็นกันเองมาก ชาร์ล็อตเป็นคนที่ใครๆ ก็เข้าถึงง่ายเหมือนเลวี่หรืออาจจะมากกว่าเลวี่อีกมั้ง
ฉันคิดแบบนั้นนะ แล้วก็มีคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่อีกนั่นคือ ทสึรุกับอิซานะผู้หญิงที่พึ่งปรากฏตัวเมื่อเช้านี้ก็อยู่ห้องเดียวกัน.. นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ?
ส่วนอีกคนหนึ่งเหมือนฉันเคยเห็นที่ไหนน้า นึกไม่ออกแฮะเธอแนะนำตัวด้วยท่าทางที่แข็งๆ เหมือนไม่ค่อยชิน
“ข้ามีชื่อว่า สเตฟานี่ เอเลซิส.. เอ่อ.. ถึงจะอ่อนแอแต่ก็จะพยายามค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ!”
เหมือนจะชื่อสเตฟานี่ หลังจากที่ทุกคนทำความรู้จักกันเสร็จเหลือแค่ฉันและคนอีกสองคน.. และคนหนึ่งในนั้นคือคนที่เป็นมาเฟียในต่างโลก
ไม่สิ อีกคนก็เหมือนจะเป็นมาเฟียเหมือนกันนี่น่าตอนเจอครั้งแรกก็ทำท่าทางเหมือนมาเฟียแห่งโลกมืดอะไรแบบนี้ด้วย ตอนมาถึงโรงเรียนแรกๆ น่ะ
แน่นอนว่าผู้หญิงสองคนนั้นคือคนที่ฉันเคยเห็นมาแล้ว คนหนึ่งรู้สึกจะมีชื่อว่า อเล็กเซีย ได้ยินมาจากครูที่ชื่อชิสุ
คนนี้คือคนที่พูดกับฉันตอนมาถึงเมืองแห่งนี้เหมือนอ่านใจได้ ส่วนอีกคนคือคนที่เจอเมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้หญิงผมสีทองไม่ทราบชื่อ
เธอเหมือนจะกำลังอ่านหนังสือไม่สนอะไรเลย จนสุดท้ายผู้หญิงที่ชื่ออเล็กเซียถึงเปิดปากพูดสักที
“ฉันมีชื่อว่า อเล็กเซีย”
พอแนะนำเสร็จปุบก็นั่งลงทำเอาคนอื่นถึงกับงงว่า แนะนำแค่นี้จริงเหรอ? ในขณะที่บรรยากาศในห้องเริ่มแย่ลงนั้น
ประตูก็ถูกเปิดออก “ปัง!” พร้อมเสียงรีบร้อนของเด็กผู้หญิงที่ค่อนข้างแหลมพอตัวดังขึ้นมา
“ขอโทษที่มาสายค่าาาาา!”
แล้วเธอก็วิ่งมาหาผู้หญิงผมสีทองแล้วก็บ่นให้
“มะม๊า ทำไมถึงไม่ยอมปลุกหนูด้วยล่ะ?!”
มะม๊า? เดี๋ยวนะ … นี่อายุเท่าไหร่เนี่ยมีคนมาเรียกว่ามะม๊าเหรอ ไม่สิแรกเริ่มเดิมทีในโรงเรียนนี้มันโกงอายุเข้าเรียนได้ด้วยเหรอ
ระ..หรือว่านี่เป็นพลังของโลกใต้ดินในโลกใบนี้? น่ากลัวจริงๆ ถึงสามารถแทรกแซงโรงเรียนระดับประเทศได้เนี่ย
จะว่าไปดูจากรูปร่างอายุก็ไม่ต่างกันนี่น่า จะมีลูกได้ยังไงกัน อืมมม.. มองไม่ออกเลยแฮะ ต้องระวังตัวเพิ่มอีกแล้วสิ
“หนวกหูนะริต้า เธอชอบตื่นสายนี่”
เธอคนนั้นตอบกลับสั้นๆ ทำให้เด็กผู้หญิงที่ผมสีแดงคนนั้นถึงกับแก้มพองแล้วก็พูดขึ้น
“อย่าพูดเหมือนฉันเป็นตัวขี้เกียจสิคะ!? โธ่!”
แล้วเธอก็เหมือนจะพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ไหนก่อนจะพูดขึ้น
“อ๊ะ ขอโทษที่รบกวนกันนะคะ. ฉันมีชื่อว่าริต้า โอเรียนน่า และมะม๊าชื่อว่า โรส โอเรียนน่าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
สรุปคือชื่อโรสกับริต้านี่เอง แต่ว่าชื่อมันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนเลยแฮะ อืมมม แต่คิดไม่ออกเลยแฮะช่างมันแล้วกัน แต่คนนี้คือคนที่ฉันต้องระวังมากที่สุดไม่แพ้กัน
“ท่านพี่คะๆ เหลือแค่ท่านพี่นะที่ยังไม่แนะนำตัว”
“เอ๊ะ ฉันต้องแนะนำตัวด้วยเหรอ?”
ฉันคิดว่าคงไม่มีคนจำชื่อฉันอยู่ดีนะ เหมือนสมัยก่อนแนะนำตัวไปก็ไม่มีคนสนใจอยู่ดี แต่ถ้าเลวี่บอกแบบนั้นละก็นะ..
“ฉันชื่อว่า เลทิเซีย ยินดีที่ได้รู้จัก”
แล้วก็นั่งลง.. แค่นั้นแหละทุกคนก็กลับมาเงียบจนในที่สุดก็มีคนเริ่มหัวข้อสนทนาโดยคนที่เริ่มคือเลวี่ที่สงสัย เดินไปหาเด็กผู้หญิงที่ชื่อริต้า
“นี่ๆ ทำไมถึงเรียกคุณโรสว่าเป็นมะม๊าล่ะ”
“อืม.. มะม๊าก็คือมะม๊าไงล่ะ! มะม๊าสอนทุกอย่างให้ริต้าด้วย!”
“….”
เป็นแม่ลูกกันจริงๆ หรือเปล่านะ แต่ก็มั่นใจไม่ได้แต่ก็คุยกันถูกปากถูกคอแล้วเลวี่ก็เริ่มมีเพื่อนคุย ในห้องบรรยากาศเริ่มสนุกสนานขึ้น
ในห้องเรียนนี้แบ่งโต๊ะเก้าอี้เป็นแถว แม้คนจะน้อยแต่ห้องก็กว้าง โดยแต่ละแถวจะสูงเป็นชั้นบันไดขึ้นไปจากต่ำไปสูง
หน้าจะต่ำสุดแต่เห็นชัดสุด หลังจะสูงสุดแต่ไกลสุด เพื่อไม่บดบังวิสัยทัศน์ของคนที่อยู่ข้างหลังแหละนะ
ส่วนฉันได้นั่งอยู่แถวหลังติดหน้าต่างกระจกบานใหญ่พอดี ที่นั่งนี้ไม่ได้เลือกเองแต่โรงเรียนจัดตำแหน่งตามความเหมาะสมเรื่องการเรียนรู้
“โรงเรียนนี่สนุกจังเนอะ”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น.. ฉันหันไปเจอชาร์ล็อตที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอยิ้มให้ฉัน ดูเหมือนว่าโต๊ะหนึ่งที่นั่งหนึ่งสำหรับฉันอีกที่สำหรับรูมเมจด้วยสินะ
“นั่นสินะ..”
ฉันตอบกลับไป.. ฉันไม่เข้าใจหรอกว่าโรงเรียนสนุกไหม ตั้งแต่โลกเดิม.. แต่ว่าถามฉันว่าฉันสนุกกับการไปโรงเรียนบ้างหรือเปล่า
ก็ใช่ถ้าฉันได้เจอกับน้องสาวของฉันในชาติก่อนนั่นแหละคือความสนุกที่ฉันไม่สามารถหามันได้จากตอนทำงานเลย…
สำหรับฉันมันเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่ามาก.. จะว่าไปก่อนที่ฉันจะตายฉันก็ไม่ค่อยได้คุยกับลูเซียเลย.. ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ
ฉันหันไปมองเลวี่.. บางที..ช่วงเวลาที่เห็นรอยยิ้มของเธอนั้นอาจจะไม่มีอีกเมื่อฉันโตขึ้น เหมือนกับตอนโลกเดิม… ดังนั้นฉันจึงเปลี่ยนคำตอบ
“ไม่สิ.. มันสนุกมากเลยล่ะ”
ฉันยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ใช่.. มันควรจะเป็นแบบนั้น…
ฉันไม่ควรจะได้เจอกับเธออีกแล้ว
ลูเซีย.. ฉันมาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก อยู่ในโลกที่โหดร้าย
ลูเซียใช้ชีวิตอยู่ในอีกโลก พวกเราอยู่ห่างกันมากเกินไป คำพูดสุดท้ายที่ฉันพูดกับเธอคืออะไรกันนะ?
ฉันไม่รู้ ฉันจำไม่ได้.. แต่ตอนนี้… เวลานี้… ลูเซียกลับมายืนอยู่ตรงนี้ ในโลกใบนี้ ใบหน้าที่แสนคุ้นเคย อ่อนโยนและใจดีนั่น
“ลูเซีย…”
ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้กันแน่?