การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 60

บทที่ 60 – มรสุมที่กำลังก่อตัว

 

หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้คุยกับเลวี่อีกเลย ถ้าจะพูดให้ถูกคือฉันไม่มีความกล้าที่จะคุยเธออีกต่อไป พอมาคิดๆ ดูแล้ว

การที่เธอสุดยอดขนาดนั้นแต่ยอมเรียกฉันที่ขี้ขลาดว่าพี่ก็น่าจะเป็นเรื่องเกินจริงแล้วล่ะนะ ฉันคิดแบบนั้น

เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนเริ่มที่จะเดินทางกลับเยี่ยมบ้านเกิดของตัวเอง แม้แต่อาจารย์ก็ไม่เว้นเช่นกัน เพราะดูเหมือนว่าอาจารย์ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ไม่ต่างกัน

วันที่หนึ่งหลังจากวันที่ทุกคนต้องกลับบ้านเกิดจากคนหลายพันคนในโรงเรียน แน่นอนว่านับรวมพวกรุ่นพี่ที่อยู่เขตปีสูงกว่าด้วย

ในตอนนี้เหลือนักเรียนเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น แบะเวลาวันที่สองและสามผ่านไป คนเองก็เริ่มทยอยกลับเช่นกัน

อย่างที่รู้ๆ ว่านี่คือเทศกาลล่า แต่หลังจากนี้ก็มีการประลองอีกเพื่อที่จะต่อสู้ในศึกที่จะจัดขึ้นระหว่างโรงเรียนเกรงว่านับจากนี้จนถึงปิดเทอมคงไม่มีเวลาให้พักสบายใจแล้ว

เพราะหลังจากนี้บทเรียนคงจริงจังขึ้น อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ฉันคาดเดาไว้ ดังนั้นในโรงเรียนจึงเหลือแค่ครูบางคนและนักเรียนอีกไม่กี่สิบคนเท่านั้น

ดูเหมือนคนที่จะไม่กลับจะมีแค่อาจารย์ที่ชื่อชิสุนั่น นอกนั้นกลับหมด อืมม.. อีกคนรู้สึกจะชื่อริวที่ชอบอยู่ด้วยกันก็ยังหายไปเหมือนกัน

และผู้อำนวยการก็จากไปเหมือนกัน ฉันจะบอกว่าฉันเห็นผู้อำนวยการออกไปกับเด็กใหม่มี่อยู่ห้องเดียวกับฉัน รู้สึกว่าจะชื่อโรสแหละมั้ง

เลวี่ไปกับอิซานะ ส่วนซิลเวียกับลาน่าเองก็เหมือนจะมีธุระ ถึงจะพอรู้ว่าซิลเวียไปพร้อมกับเลวี่และอิซานะเพราะอยากกินอาหารของเผ่ากึ่งมนุษย์

แต่ทางด้านลาน่านี่ไม่รู้เลย คงไปวางแผนอะไรไว้ละมั้ง ก็เป็นมือสังหารนี่น่า ฉันได้แต่เพิ่มความระมัดระวัง

แต่ตอนนี้ภายในห้องแห่งนี้ก็มีแค่ฉันแล้ว ถึงจะเป็นช่วงเวลาไม่กี่วันก็เถอะ แต่ฉันน่ะเตรียมพร้อมที่จะวางกลไกลการป้องกันตัวเพิ่มนั่นแหละ

เพราะที่นี่มีคนไม่กี่สิบคนทำให้ตอนเย็นนั้นเงียบกว่าปกติ แม้จะมีแสงไฟจากอุปกรณ์เวทมนตร์แต่ความเงียบก็ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวอยู่ดี

เพราะเวลาตอนนี้เป็นตอนเย็นฉันคิดว่าฉันจะออกไปฝึกที่ภูเขาน้ำแข็งสักหน่อย ตามปกติที่ภูเขาน้ำแข็งคือเขตฝึกของพวกปีสองขึ้นไป

เพราะรู้สึกว่าเจ้าภูเขาน้ำแข็งนี่จะเป็นอาร์ติแฟ็คชนิดหนึ่ง มีกลไกลการออกแบบเพื่อฝึกการต่อสู้และเอาตัวรอดโดยเฉพาะ

ถึงฉันจะไม่สามารถดึงพลังอาร์ติแฟ็คนี้ได้ แต่ก็น่าจะเปิดการทำงานของโกเล็มน้ำแข็งได้ เจ้าโกเล็มนี่เหมือนจะแข็งแกร่งมากพอสมควรด้วย

ฉันเดินเท้าไปยังภูเขาน้ำแข็งด้วยความตั้งใจแบบนั้น ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เดินถึงภูเขาน้ำแข็งซะแล้ว แต่ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่พุ่มไม้

“แกร๊ก!”

ฉันตกใจ แต่ก็ดีดตัวถอยหลังทันที ที่โรงเรียนตอนนี้การป้องกันน่าจะต่ำมาก และด้วยความที่นักเรียนมีน้อย คงไม่มีใครออกมาเดินเพ่นพ่านตอนกลางคืน

และบังเอิญเจอกันพอดีหรอก อีกอย่างดูเหมือนจะตั้งใจซ่อนแต่แรกอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่พยายามซ่อนฉันต้องสัมผัสถึงทันที

ดังนั้นทันทีที่ฉันดีดตัวถอยห่างพลังเวทก็ถูกเสริมเข้าที่ร่างกายและมือขวาเริ่มใช้เวทมนตร์ในการแทรกแซงโครงสร้างมิติโดยตรง

ถึงจะพอเข้าใจพื้นฐานของโลกนี้แล้ว แต่พวกที่กล้าลักลอบเข้าโรงเรียนที่ดังที่สุดในห้าโรงเรียนคงไม่ใช่คนธรรมดา

“…..”

ความเงียบปกคลุมแต่ในตอนนั้นเอง ทวนก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้ตรงดิ่งใส่ฉันด้วยความเร็วสูงเกินที่จะประเมินได้

ฉันถึงกับผงะเล็กน้อย เพราะความเร็วระดับนี้หากไม่เสริมด้วยเวทมนตร์ไว้ก่อนคงหลบไม่ทันแน่ ฉันบิดข้อเท้าก่อนจะลากขาออกด้านข้างและบิดตัวหลบอย่างฉิวเฉียด

นี่คือความรู้ที่ได้มาจากที่เรียนในโรงเรียนนี้ การเคลื่อนไหวโดยไม่เสียเปล่า แต่ว่าเหมือนศัตรูจะรู้ทักษะนี้เช่นกัน

เงาสีดำพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ มันเร็วจนแม้แต่แสงก็ส่องใส่ตัวแทบไม่ทัน ทำให้ฉันเห็นเพียงแค่ร่างสีดำมืดที่พุ่งมา

ฉันยกมือที่เตรียมเวทไว้และยิงไปดักหน้า โครงสร้างมิติบิดเบี้ยวก่อนจะพังทลาย อย่างไรก็ตามเงานั้นหายวับไปอย่างน่าประหลาด

และในแทบจังหวะเดียวกันร่างนั้นก็ลอยอยู่เหนือหัวฉันและจับทวนที่ฉันพึ่งหลบอยู่พร้อมแทงลงมา…

“หลบไม่ทัน! …”

ฉันคำนวณความเร็วศัตรูต่ำเกินไปเลยใช้เวทเสริมน้อยไป เพราะกลัวว่าจะเป็นเหมือนครั้งนั้นที่พลั้งมือฆ่าคนไป

แต่อีกฝ่ายเร็วจนเหมือนกับการเทเลพอร์ตเลยทีเดียว! อย่างไรก็ตามถึงจะหลบไม่ได้แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดไม่ได้

‘ข้าม’

ทันทีที่ฉันพูดแบบนั้นหอกก็พุ่งแทงลงหน้าผากของฉันและทะลุผ่านหลังหัวไปทันที! เอ๊ะ.. ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าแฮะ

เวทมนตร์เมื่อกี้คือเวทมนตร์ที่แทรกแซงโครงสร้างมิติ ใช่ ที่ฉันทำไม่ใช่เพื่อทำลายโครงสร้างมิติ แต่เพื่อใช้เวทมนตร์นี่นั่นแหละ

หากจะให้อธิบายง่ายๆ หากทุกอย่างเป็นผืนผ้าละก็ การเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งต้องใช้ระยะและเวลา

แต่ท่านี้จะพับกระดาษนั่นเข้าหากัน ความหมายก็คือพับจุดที่อยู่และปลายทางให้ติดกัน เพียงแค่นี้ระยะทางที่ต้องเดินก็ต้องใช้เพียงแค่หนึ่งก้าว

ใช่นี่คือการใช้ทฤษฎีนั้นในการทำให้อาวุธทุกชนิดที่โจมตีมาทะลุข้ามตัวฉันไปโดยปริยายยังไงละ แต่จากแรงที่อีกฝ่ายแทงเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจฆ่า

แล้วที่แทงเหมือนจะเป็นด้ามทวน..

“ท่านเลทิเซีย ข้าขอโทษจริงๆ ค่ะ!”

“เธอมัน ผู้หญิงที่ชื่อทสึรุ..?”

ฉันแปลกใจทันทีเพราะคนที่โจมตีฉันคือทสึรุ เมื่อกี้ยัยนี่ไม่ใช่ได้ใช้เวทมนตร์เลยสักนิดด้วยซ้ำ… นี่หมายความว่า

ถ้าฉันไม่มีเวทมนตร์ฉันถูกเธอหักคอไปง่ายๆ แล้ว อันตราย! ฉันถอยห่างจากทสึรุโดยสัญชาตญาณทันที ทสึรุทำหน้าลำบากใจ

“คือว่าข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ.. แต่เพราะเมื่อท่านเลทิเซียตั้งท่ารบมันทำให้สัญชาตญาณการต่อสู้ของข้าตื่นน่ะ..”

“….”

อสูรนี่น่ากลัวนะ แค่ตั้งท่าสู้ก็จะเอาทวนไล่แทงซะยับแล้ว ทางที่ดีคือการไม่อยู่ใกล้ ไม่งั้นโดนปาทวนใส่หน้าตอนไหนก็ได้ไม่รู้ตัว

……….

ในขณะเดียวกันที่ไหนสักแห่งในดินแดนมนุษย์ ถ้าเลวี่อยู่ที่นี่ด้วยคงจะจำชายคนนี้ได้ มันคือ รัชทายาทแห่งจักรวรรดิมังกร

“รีบๆ กำจัดมันหน่อยสิ ชักช้าเดี๋ยวข้าทิ้งแกไปให้พวกทาสเล่นซะหรอก ท่านพ่อโกรธขึ้นมาข้าจะสับแกให้เป็นชิ้นๆ”

มันกำลังสั่งเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ให้สู้กับฝูงมดที่มีขนาดตัวเท่าหมาป่านับพัน และยืนสั่งอย่างเจ้ากี้เจ้าการ

“….”

ดวงตาที่ไร้วี่แววแสงนั้นยังคงว่างเปล่า แต่มือกับขยับแทงใส่ฝูงมดไม่หยุด ทว่าทุกครั้งปากของมดก็จะกัดแขนขาเธอจนเป็นรอยแผลขนาดใหญ่

แต่สุดท้ายมันก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ดำเนินไปโดยไม่รู้จักจบ…

“รอไปก่อนเถอะ.. ไอ้พวกสวะในดินแดนนี่ต้องก้มหัวให้จักรวรรดิมังกรของพวกข้า.. นังมหาปราชญ์โง่เง่าสุดท้ายแล้วทุกคนต้องรับบาปแทนแก ฮ่าๆ”

…………

ในทวีปแผ่นดินใหญ่ที่แบ่งออกเป็นหลายเขตหลายดินแดน มีเกาะแห่งหนึ่งตั้งอยู่ใจแถวๆ ชายฝั่งของรอยต่อระหว่างแดนปีศาจและแดนมนุษย์

บนเกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่หวงห้ามคนภายนอกเข้าโดยเด็ดขาดเพราะคนภายในนี้นั้นมีอำนาจมากพอที่จะหยุดและสั่งคนอื่นได้

และเขาเป็นเหมือนผู้ป้องกันสัตว์อสูรจากนอกทวีปบินมาช้านาน พวกเขาเป็นเหมือนป้อมปราการขนาดใหญ่ที่หยุดฟ้าหยุดลมก่อนจะมาถึงแผ่นดินใหญ่..

แต่ในวันนั้น.. วันเดียวกันที่มีมังกรตนหนึ่งบินข้ามมหาสมุทรมาดูเหมือนจะได้รับการบาดเจ็บสาหัส… ร่างกายเน่าเปื่อยของมันเหมือนกับซากศพ

ดวงตาของมันกลับเต็มไปด้วยไฟแค้น.. แต่ก็ร่วงลงไปยังเกาะดังกล่าวและหายสาบสูญไปจากโลกตลอดกาล

ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่า ราชันแห่งหายนะ.. จักรพรรดิแห่งมังกร…

บัดนี้ได้กลายเป็นอาหารของผู้พิทักษ์ทวีปยักษ์ไปเสียแล้ว

 

…………

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!
Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset