การปะทะกันของคนตีสองหน้า ตอนที่ 5 ชีเฟิงตัวจริงหรือตัวปลอม

5 : ชีเฟิงตัวจริงหรือตัวปลอม

ใกล้จะเปลี่ยนฤดู ชีเฟิงอ้างว่า ‘ซื้อเสื้อใหม่’ หลอกหลิงเข่อออกมาเดทกับตัวเอง ทั้งสองกินหม้อไฟหม่าล่าเสร็จก็เดินชอปปิงกันอย่างหวานชื่น
หลิงเข่อเห็นชีเฟิงเลือกเสื้อยืดสีขาวตัวหนึ่งจากบนตู้ จึงอดแขวะไม่ได้ “นายมีเสื้อยืดตั้งเยอะแยะ ยังจะซื้อเสื้อยืดอีกเหรอ”
“ไม่ ซื้อให้นาย” ชีเฟิงหยิบเสื้อขึ้นมาหมายจะลองเทียบบนตัวหลิงเข่อ
“ฉันไม่เอา ฉันมีเยอะแล้วเหมือนกัน!” หลิงเข่อถอยหลังไปเล็กน้อย
“นายไม่คิดว่าตัวนี้มีความพิเศษเลยเหรอ” ชีเฟิงกางเสื้อตัวนั้นออกเล็กน้อย แล้วกะพริบตาปริบๆ ให้หลิงเข่อ
หลิงเข่อจึงเพิ่งค้นพบว่ามีลายปักใบเมเปิลเล็กๆ อยู่ตรงแขนเสื้อ เพราะว่าตำแหน่งที่ปักนั้นเห็นไม่ชัด เขาเลยไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรก
“นายคงไม่ได้อยากให้ฉันใส่เสื้อแบบนี้ไปเรียนหรอกนะ” เขาใบหน้าร้อนผ่าว “ถูกคนอื่นเห็นเข้าจะทำยังไง หรือว่าในเว็บบอร์ดของมหา’ลัยยังมีโพสต์กอสซิปของเราไม่มากพอ”
ชีเฟิงพูดทั้งยิ้ม “ไม่อยากใส่ออกไป ใส่เป็นชุดนอนอยู่บ้านก็ดีเหมือนกัน”
หลิงเข่อ “พอแล้วน่านาย…”
ชีเฟิงไม่สนใจข้อโต้แย้งของเขา หันไปเลือกอีกหลายตัวแล้วไปจ่ายเงิน ตอนออกจากร้านหลิงเข่อถามเขาถึงราคาเสื้อยืด เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่แพง แค่ 299”
“299!?” แถมยังพูดว่า “แค่” 299!!?
หลิงเข่อไม่เชื่อ จึงหยิบป้ายราคาบนเสื้อยืดออกมาดู ก่อนตกตะลึง “เสื้อยืดตัวเดียวก็ 299 เหรอ ฟัค แค่ใบเมเปิลโง่ๆ ใบเดียว สิ้นเปลืองเกินไปแล้ว!”
“บะ ใบเมเปิลโง่ๆ?” หัวใจของชีเฟิงแตกสลาย
หลิงเข่ออธิบายกับเขาอย่างตั้งใจ “นายดูลายปักนี้สิ ก็แค่ใบเมเปิลโง่ๆ ใบเดียว”
ชีเฟิงสูดหายใจ บ่นอุบอิบ “ซื้อก็ซื้อมาแล้ว นายใส่ก็คุ้มแล้วไม่ใช่เหรอ”
หลิงเข่อเถียงเขาไม่ชนะ จึงยัดเสื้อยืดกลับไปในถุงอย่างช่วยไม่ได้ ถามว่า “ดื่มชานมไหม”
ชีเฟิงเข้าไปเกี่ยวมือของเขา “นายจะเลี้ยงฉันเหรอ”
“อยู่ข้างนอกก็อย่าเข้าใกล้ฉันขนาดนี้” หลิงเข่อเตือนเขาหนึ่งประโยค คิดดูแล้วก็รู้สึกไม่ยินยอม จึงพลิกมือไปเกี่ยวเขากลับ “…อืม นายซื้อเสื้อให้ฉันแล้วนี่นา”
“งั้นนายยังลงไม้ลงมือกับฉันอีก” ชีเฟิงเกี่ยวเขากลับ
“นายทำก่อน…” ขณะที่ทั้งสองกำลังเกี้ยวพาราสีกันอยู่ พลันเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังจ้องมาที่พวกเขา หลิงเข่อรีบกล่าว “เลิกเล่นได้แล้ว มีคนมองเราอยู่นะ”
เขาพยายามออกห่างจากชีเฟิง ทว่าคนคนนั้นไม่เพียงไม่เคลื่อนสายตาไปทางอื่น แต่ยังเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วย
ขณะที่หลิงเข่อกำลังสงสัยว่าพวกเขารู้จักกันหรือไม่ อีกฝ่ายก็เรียกชื่อของชีเฟิงออกมา… “ชีเฟิง?”
คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น หากเป็นฟู่เหยียนเซิง เขาเดินไปหยุดยืนที่เบื้องหน้าชีเฟิง น้ำเสียงฉายแววดีใจ “คิดไม่ถึงว่าจะได้พบคุณที่นี่”
ชีเฟิงหยุดฝีเท้าลงอย่างงุนงง “คุณคือ…”
ฟู่เหยียนเซิงก็งงงันเช่นกัน…หมอนี่ชื่อ ‘ชีเฟิง’ จริงๆ!?
ในความเป็นจริงตั้งแต่โทรหา ‘ชีเฟิง’ ฟู่เหยียนเซิงก็สงสัยว่าเด็กหนุ่มในบาร์เหล้าอาจจะให้ชื่อกับเบอร์โทรปลอมตัวเองมา
เพราะว่าเจ้าของเบอร์โทรศัพท์นั้นไม่ยอมรับว่าเคยพบเขา อีกทั้งเสียงในสายของอีกฝ่ายก็ไม่ค่อยเหมือนกับในความทรงจำของเขาเท่าไร
และเพราะว่าช่วงนี้เพิ่งเปลี่ยนงาน มีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะ และข้อมูลเกี่ยวกับคนคนนี้ก็น้อยมาก ฟู่เหยียนเซิงจึงพักเรื่องนี้ไว้ก่อน จวบจนวันนี้ได้เจอ ‘ตัวจริง’ จึงตัดสินใจมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง
ทว่าเมื่อมองดูคนผู้นี้ในระยะใกล้ ทั้งๆ ที่หน้าตาเหมือนกับคนความทรงจำทุกอย่าง แต่ฟู่เหยียนเซิงกลับรู้สึกแปลกพิกล
เขาพินิจมองชีเฟิงด้วยสายตาเย็นชา พลางแต่งเรื่องขึ้นมาอย่างลึกซึ้งเพื่อแสดงละครต่อไป “คุณจำผมไม่ได้แล้วเหรอ ผมชื่อฟู่เหยียนเซิง เราเคยเจอกันที่บาร์เหล้าสกายไลน์”
“…หา?” ชีเฟิงก็พินิจพิเคราะห์อีกฝ่ายเช่นกัน ถึงขั้นที่ในใจรู้สึกวิตกกังวล กังวลว่าตัวเองลืมคนสำคัญคนไหนไปหรือเปล่า อย่างไรผู้ชายคนนี้ก็แต่งตัวดี ท่าทางภูมิฐาน ดูไปแล้วไม่เหมือนคนที่เข้ามาหาเรื่อง
ฟู่เหยียนเซิงเหลือบตามองหลิงเข่อเล็กน้อย ก่อนถามอย่างแฝงความนัยลึกซึ้ง “นี่คือ…เพื่อนคุณเหรอ”
หลิงเข่อไม่ได้ซื่อบื้อเหมือนชีเฟิง เรดาร์ศัตรูหัวใจของเขาส่งเสียงร้องตั้งแต่วินาทีที่ฟู่เหยียนเซิงปรากฏตัวขึ้นแล้ว
เขาสอดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกง แก้ไขสถานะของตัวเองอย่างจริงจัง “เป็นแฟน”
อุณหภูมิในดวงตาของฟู่เหยียนเซิงลดฮวบลงทันใด เขาหันมาซักถามชีเฟิง “คุณมีแฟนแล้ว ทำไมตอนนั้นยังให้ผมจูบคุณ นี่น่ะเหรอเหตุผลที่คุณไม่รับสายผมเลยสักครั้ง”
คำถามสองประโยคนี้ทำเอาชีเฟิงมึนตึ้บ…
“คุณ…คุณพูดบ้าอะไรเนี่ย!?” บาร์เหล้าอะไร จูบอะไร ไม่รับสายอะไร
หลิงเข่อก็เสมือนถูกฟ้าผ่าแสกหน้าเช่นกัน หันมาถลึงตาใส่ชีเฟิงด้วยความตกใจ
เดี๋ยวนะ ชีเฟิงดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ พลันชี้ที่อีกฝ่ายแล้วโพล่งออกมา “อ๊ะ! คุณคือคนที่…”
แต่สีหน้าถึงบางอ้อของเขาในสายตาคนรักยิ่งเหมือนเป็นสัญลักษณ์ยืนยันการ “นอกใจ” หลิงเข่อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “ชีเฟิง นาย…!”
ฟู่เหยียนเซิงแค่นหัวเราะ “นึกออกแล้วสินะ”
“ไม่ใช่นะหลิงเข่อ!” ชีเฟิงตั้งสติแล้วรีบแก้ตัว “ฉันไม่รู้จัก! เขาเลยด้วยซ้ำ!”
แต่ถ้อยคำแบบนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีน้ำหนักมากพอ บรรยากาศยังคงตึงเครียดไม่เปลี่ยนแปลง
น้ำเสียงเย้ยหยันของฟู่เหยียนเซิง สายตาโกรธขึ้งของหลิงเข่อ ราวกับมีดล่องหนเล่มแล้วเล่มเล่า ตรึงชีเฟิงที่แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นไว้ตรงกลางแล้วแล่เนื้อเถือหนัง
ชีเฟิงในตอนนี้กล่าวได้เลยว่าทำอะไรไม่ถูก เขาไม่สนใจภาพลักษณ์ การอบรมสั่งสอนอะไรทั้งนั้น อธิบายกับหลิงเข่ออย่างละล่ำละลัก “คนคนนี้แอดวีแชทฉันมาเมื่อเดือนที่แล้ว ฉันไม่ได้กดรับ หลังจากนั้นเขาก็โทรหาฉัน พูดว่าบาร์เหล้าสกายไลน์อะไรสักอย่าง แต่ฉันไม่เคยไปที่นั่นเลยสักครั้ง คิดว่าเขาเป็นโรคจิต ก็เลยบล็อกไปแล้ว! ถ้านายไม่เชื่อ ฉันให้นายดูประวัติในมือถือก็ได้…”
ฟู่เหยียนเซิงยกมือขึ้นกอดอก เริ่มรู้สึกสงสัยว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ามีสองบุคลิกหรือเปล่า…ไม่อย่างนั้นจะแสดงละครอย่างสมจริงขนาดนี้ได้ยังไง
ขณะที่เรื่องราวใหญ่โตจนไม่อาจคลี่คลายลงได้ หลิงเข่อเป็นฝ่ายสงบสติลงก่อน เขามองชีเฟิงที่แสดงออกอย่างลึกซึ้งจริงใจ ก่อนหันไปมองฟู่เหยียนเซิงที่ยืนปรายตาดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ พลางกล่าวเสียงนอบน้อบ “ขอถามหน่อยครับ คุณช่วยบอกได้ไหมว่าเจอชีเฟิงเมื่อไหร่”
ฟู่เหยียนเซิงชะงักไปเล็กน้อย รีบตอบออกไป “วันที่ 17 เดือนที่แล้ว เวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง”
“วันที่ 17 เมษายน?” หลิงเข่อนึกย้อนเล็กน้อย ทั้งยังเลื่อนหาปฏิทินในมือถือ ก่อนเงยหน้ามองฟู่เหยียนเซิงอย่างแปลกใจ “คุณแน่ใจเหรอ”
ฟู่เหยียนเซิง “อืม”
หลิงเข่อ “วันนั้นดูเหมือนจะเป็นวันจันทร์ ถ้าผมจำไม่ผิด วันนั้นผมกับชีเฟิงกลับมหา’ลัยแล้วก็อยู่ในหอพักตลอด คุณจะไปเจอเขาได้ยังไง”
ชีเฟิงได้ยินก็โล่งอกราวกับได้รับอภัยโทษ พยักหน้ารัวเร็ว “นั่นน่ะสิ! ผมไม่เคยเจอคุณจริงๆ!”
ด้วยความมั่นใจในความทรงจำ สัญชาตญาณของฟู่เหยียนเซิงบอกว่าหลิงเข่อกำลังช่วยชีเฟิงโกหกอยู่
แต่สีหน้าและน้ำเสียงของหลิงเข่อหนักแน่นมาก เขากล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยคเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้โกหก “นอกจากผม รูมเมตอีกสองคนในห้องพวกเราก็เป็นพยานให้ชีเฟิงได้”
ฟู่เหยียนเซิงขมวดคิ้วมุ่น คนรักอาจจะปกป้องชีเฟิงเพราะความรักทำให้ตาบอด แต่คนอื่นจะทำไปเพื่ออะไรล่ะ
ขณะนั้นเอง ชีเฟิงก็สงบสติอารมณ์ลงตามหลิงเข่อ เริ่มครุ่นคิดตรึกตรองว่าทำไมตัวเองถึงเจอเรื่องยุ่งเหยิงแบบนี้ได้
“…วันที่ 17 เดือนที่แล้วเหรอ” เขาลูบคาง “ตอนนั้นเหมือนว่าพี่ชายผมจะอยู่ในประเทศนะ คงไม่ได้เป็นเขาหรอกมั้ง”
เพิ่งสิ้นเสียง เขาก็เหมือนตกใจกับตัวเอง ก่อนหันมาสบตากับหลิงเข่อ
ทันใดนั้นก็เคลื่อนสายตาอันแปลกประหลาดไปที่ฟู่เหยียนเซิงโดยพร้อมเพรียงกัน!
“…ตอนนั้นคุณ เจอคนที่หน้าตาเหมือนผมที่บาร์เหล้าจริงๆ เหรอ” ชีเฟิงสีหน้าเหยเก “จากนั้นพวกคุณก็จูบกัน เขาบอกคุณว่าเขาชื่อ ‘ชีเฟิง’? แถมยังให้เบอร์ผมไปอีก”
เห็นฟู่เหยียนเซิงพยักหน้า สีหน้าของชีเฟิงก็เหยเกอีกครั้ง
“แม่ง…” เขายกมือขึ้นกุมหน้าตัวเอง กุมอยู่สองวินาทีก็เอามือลง หันไปอธิบายกับฟู่เหยียนเซิงด้วยสีหน้าปวดตับ “คนที่คุณเจอน่าจะเป็นพี่ชายผม! …ไม่สิ ต้องเป็นพี่ชายผมแน่!”
ฟู่เหยียนเซิงอึดอัดใจ “พี่ชายคุณ?”
หลิงเข่อพูดเสริมอยู่ข้างๆ อย่างกระอักกระอ่วน “ชีเฟิงมีพี่ชายฝาแฝดอยู่คนนึงครับ”
“…!?”

ฟู่เหยียนเซิงจึงค่อยกระจ่างแจ้งว่าความรู้สึก ‘แปลกพิกล’ ที่เกิดขึ้นตอนแรกมาจากไหนกันแน่!
ก่อนหน้านี้เขาแยกไม่ออก เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าอาจเป็น ‘ฝาแฝด’ เห็นว่าตัวจริงกับชื่อตรงกันก็คิดว่าเป็นคนๆ เดียวกัน ตอนนี้ถูกชีเฟิงเตือนสติ เขาก็สังเกตเห็นทันทีว่าสองคนนี้ไม่เหมือนกัน…
ผมของชีเฟิงคนนี้ค่อนไปทางสีน้ำตาล ดูเหมือนผ่านการย้อมสีผมมา แต่ชีเฟิงตัวปลอมที่เจอในบาร์เหล้าก่อนหน้านี้กลับไว้ผมสั้นสีดำ ชีเฟิงคนนี้ใส่ต่างหูข้างซ้าย แต่ชีเฟิงตัวปลอมคนนั้นเหมือนว่าจะไม่ได้ใส่ ไหนจะน้ำเสียงกับบุคลิก ชีเฟิงตัวปลอมสุ้มเสียงจะทุ้มต่ำกว่าเล็กน้อย สีหน้าก็มีแววเจ้าเล่ห์ ส่วนชีเฟิงคนนี้ดูไปแล้วใสซื่อไร้เดียงสา…
“งั้นคุณหมายความว่าตอนนั้นพี่ชายคุณยืมตัวตนของคุณมาหลอกผม” ฟู่เหยียนเซิงถาม
“ต้องใช่แน่ๆ! นี่เป็นมุกที่เขาชอบใช้ ยังไงคนที่คุณเจอก็ไม่ใช่ผม!” ชีเฟิงพูดพลางโอบไหล่หลิงเข่อแสดงถึงความซื่อสัตย์ “ผมมีแฟนแล้ว ไม่มีทางไปอ่อยคนอื่นหรอก!”
หลิงเข่อ “…”
ฟู่เหยียนเซิงดูเหมือนจะเชื่อแล้ว กล่าวต่อว่า “พี่ชายคุณชื่ออะไร”
“เขาชื่อชีอวี่ ‘อวี่’ ที่แปลว่าหมู่เกาะ!” เนื่องเพราะถูกพี่ชายโยนความผิดให้ ตอนนี้ชีเฟิงก็เลยขายพี่ชายอย่างสุดกำลัง บอกชื่อเสร็จสรรพ แถมยังแนบเบอร์โทรพี่ชายให้เขาไปด้วย “นี่คือไอดีวีแชทของเขา ใครก่อเรื่องก็รับผิดชอบเอง คุณไปหาเขาได้เลย แล้วก็อย่าจำคนผิดอีกละ!”
ฟู่เหยียนเซิงจดเบอร์โทรศัพท์ลงไป แล้วยื่นมือไปขอโทษพวกเขา “เมื่อกี้ผมเสียมารยาทแล้ว”
“ไม่เป็นไรๆ คุณก็ไม่รู้นี่นา…” ชีเฟิงรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้ก็เป็น “ผู้เสียหาย” เหมือนกัน จึงไม่ได้โกรธเคืองอะไร ทั้งสองจับมือกัน ชีเฟิงพลันคิดอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยกำชับว่า “เฮ้อ จริงสิ ถึงตอนนั้นคุณอย่าบอกพี่ชายผมนะ ว่าผมเป็นคนให้เบอร์เขา!”
ฟู่เหยีนเซิงหลุดขำ “ได้ครับ”
เห็นฟู่เหยียนเซิงเดินห่างออกไป ชีเฟิงก็ลากหลิงเข่อไปนั่งยองๆ ที่มุมหนึ่ง ก่อนสบถว่า “เชี่ย” รัวๆ สามครั้งเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความสปาร์ตา[1]ในใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าพี่ชายฉันจะเป็นเกย์เหมือนกัน!”
จิตใจของหลิงเข่อเองก็สับสนมากเช่นกัน “ก่อนหน้านี้นายไม่รู้เลยเหรอว่าพี่นายก็เป็น”
ชีเฟิงทำหน้าปวดตับ “ไม่รู้เลย! พวกเราแยกกันตั้งแต่สิบขวบ ตอนนั้นฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย จะไปมีโอกาสคุยเรื่องพรรค์นี้ได้ยังไง!?”
หลิงเข่อ “ไม่ใช่ ตอนปิดเทอมมอต้นนายก็ไปหาพี่นายบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นก็ไม่ได้คุย?”
“ปกติฉันไปที่นั่นก็เที่ยวอย่างเดียว เขาไม่ได้อยู่กับฉันทุกวันสักหน่อย! มีครั้งหนึ่งไปค่ายเยาวชนทหารด้วยกัน แต่ตอนนั้น…” ชีเฟิงนึกย้อนเล็กน้อย กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะวัดกับเขาว่าใครแข็งแรง ใครทรหดกว่ากัน”
หลิงเข่อ “…? ? ?”
“ยังไงก็ไม่เคยคุยมาก่อน!” ชีเฟิงส่ายหน้า “อีกอย่างเขาก็ชอบแย่งแฟนสาวฉันตั้งแต่เด็ก ฉันคิดว่าเขาเป็นชายแท้มาตลอด…”
“แฟนสาว??” เสียงของหลิงเข่อสูงขึ้นเล็กน้อย
“มะ มะ ไม่ใช่!” ชีเฟิงรีบแก้คำพูดตัวเอง “เป็นพวกผู้หญิงที่ตามจีบฉัน! ไม่เคยคบกันมาก่อน!”
เนื่องเพราะก่อนจะได้ตกลงคบกันก็ถูกพี่ชายแย่งไปหมดแล้ว…
กลัวว่าหลิงเข่อจะคิดมาก ชีเฟิงเลยรีบโอบเขาพลางตีหน้าเศร้า “ตอนนี้นายรู้แล้วใช่ไหมว่าข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับฉันมาจากไหน เป็นฉันนี่ลำบากจริงๆ เฮ้อ ไหนจะเดือนที่แล้วเขากลับมาบอกว่าจะทำความเข้าใจสถานการณ์ ฉันว่าเขาอิจฉาฉันแน่ๆ! มิน่าเขาถึงได้จีบนาย!”
พอนึกถึงเรื่องที่พี่ชายเขาทำกับหลิงเข่อ ชีเฟิงก็โวยวายไม่หยุด…
ท่าทางการพูดที่เลอะเทอะไปหมดก็แสดงออกให้เห็นถึงความตกใจต่อเรื่องที่พี่ชายเป็นไม้ป่าเดียวกัน
หลิงเข่อกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “นายอย่าหึงไปเลยน่า ฉันไม่ได้หนีตามเขาไปสักหน่อย อีกอย่างถ้าพี่ชายนายอยากหาแฟนจริง ด้วยคุณสมบัติของเขาจะหาแบบไหนไม่ได้ ต้องมาขุดมุมกำแพง[2]ของน้องชายแท้ๆ ด้วยเหรอ”
ชีเฟิงกล่าวเสียงเฉียบขาด “ไม่ เขาไปหาแฟนผู้ชายไม่ได้หรอก!”
“ทำไมไม่ได้” หลิงเข่อประหลาดใจ
ชีเฟิงกล่าว “พ่อไม่อนุญาต ฉันได้ยินแม่บอกว่าคราวนี้พอพ่อรู้ว่าฉันคบกับนาย ก็ออกอาการใหญ่โตมาก เขายังโทรมาหาฉันหนึ่งสายด้วย…”
หลิงเข่อพูดด้วยเสียงตึงเครียด “เขาด่านายเหรอ”
ชีเฟิงทำท่าเหมือนถูกตัวเม่นทิ่มฝ่าเท้า “ด่าฉัน? ทะเบียนบ้านฉันอยู่กับแม่ เขามีสิทธิ์ด่าฉันเหรอ”
หลิงเข่อ “…”
“นายไม่ต้องสนใจเขา” ชีเฟิงหยุดไปเล็กน้อย กล่าวต่อ “แต่พี่ชายฉันคงแย่น่าดู พ่อฉันดูแลเขาอย่างทั่วถึง การเรียนเอย สังคมเอย ยังไงก็คาดหวังไว้เยอะมาก อีกอย่างหลังจากพ่อแม่ฉันเลิกกันก็ไม่ได้หาแม่เลี้ยงให้พี่ชายฉัน ตอนนี้พ่อฉันจึงมีแค่เขาเป็นลูกชายในทางกฎหมาย กิจการตั้งใหญ่โตก็ต้องมีคนสืบทอดใช่ไหม พี่ชายฉันก็ต้องมีทายาทให้ตระกูลใช่ไหม …ดังนั้นพี่ชายฉันเปิดตัวว่าเป็นเกย์ไม่ได้หรอก แทบไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ”
หลิงเข่อถาม “ก่อนหน้านี้นายบอกว่าพี่ชายนายชอบใช้มุกแอบอ้างตัวตนของนายเป็นประจำเหรอ”
“ตอนเด็กๆ บ่อยมาก แต่สองปีมานี้ไม่ค่อยมีแล้ว…”
กล่าวตอบเสร็จ ชีเฟิงก็พลันนิ่งอึ้งไป
เนื่องเพราะว่าเขาลองนึกย้อนอย่างละเอียดดูแล้ว เมื่อก่อนที่พี่ชายแอบอ้างตัวตนของเขา ส่วนใหญ่เป็นช่วงมอต้น ช่วงปีนั้นเขากำลังโต เสน่ห์ทางเพศเริ่มเด่นชัด ข้างกายก็มีแต่พวกเจ้าชู้เหลาะแหละ…
พี่ชายกลับประเทศมากี่ครั้งก็มักจะพบกับผู้หญิงที่มาตามจีบเขาถึงบ้าน และก็จะปลอมตัวเป็นเขาเหมือนที่กลั่นแกล้งหลิงเข่อครั้งนี้ไปจีบคนที่มาจีบเขา พอจีบติดก็จะสลัดทิ้งอย่างไม่ไยดี
ถึงแม้ว่าการกลั่นแกล้งเหล่านี้มักจะทำให้เขาหงุดหงิดใจที่สุด แต่พี่ชายก็ไม่ได้สร้างบาดแผลอะไรให้เขาจริงๆ กลับกันยังทำให้เขาเข้าใจว่าที่คนเหล่านั้นพูดว่าชอบ ที่แท้เป็นแค่ผิวเผินเท่านั้น ดังนั้นทุกครั้งที่เจอ อย่างมากเขาก็แค่บ่นนิดหน่อย
สองปีมานี้พี่ชายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งคุณแม่ก็ยังบอกว่าบุคลิกของเขาเหมือนคุณพ่อเข้าไปทุกที ดังนั้นที่ถูกฟู่เหยียนเซิง ‘คุกคาม’ ในครั้งนี้ เขาจึงไม่ทันคิดว่าอาจถูกพี่ชายโยนความผิดให้
ชีเฟิงเงียบงันไปครู่ใหญ่ ก่อนพูดอย่างใจอ่อน “ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันจะทำเป็นไม่รู้แล้วกัน”
หลิงเข่อ “…หืม?”
ชีเฟิง “ฉันเดาว่าพี่ชายฉันน่าจะแค่เล่นสนุก ไม่คิดจริงจังหรอก”
หลิงเข่อครุ่นคิดเล็กน้อย “แล้วเมื่อกี้นายให้เบอร์โทรพี่นายกับคนนั้นไป จะไม่ทำให้เขาเดือดร้อนเหรอ”
พูดถึงเรื่องนี้ชีเฟิงก็ยังรู้สึกเคือง “เขาเป็นคนก่อเรื่องก็ต้องแก้ไขเองอยู่แล้ว จะให้ฉันมารับบาปแทนเขาทุกครั้งไม่ได้หรอกมั้ง” ก่อนจะพ่นลมหายใจ “นายสบายใจได้ พี่ชายฉันรับมือเรื่องพรรค์นี้ได้โหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่าฉันซะอีก ถ้าเขาใจแข็งไม่อยากสนใจอีกฝ่าย ใครก็รบกวนเขาไม่ได้”

ผู้เขียนมีเรื่องจะบอก:
“บทแทรก”

ชีเฟิง: “ไม่ใช่นะเข่อเข่อ! ฉันไม่รู้จักเขาสักนิด! QAQ”
ฟู่เหยียนเซิง: “…” ฝีมือการแสดงไม่เลวเลย ปีศาจน้อย! (*  ̄︿ ̄)
ชีเฟิง: “คนที่คุณเจอต้องเป็นพี่ชายผมแน่!”
ฟู่เหยียนเซิง: ว้อท?
ชีเฟิง: เป็นฉันนี่มันลำบากจริงๆ! ˊ_&gtˋ
หลังจบเรื่องก็กอดหลิงเข่อ พูดอย่างตื้นตันใจ: ยังดีที่นายเชื่อฉัน!
หลิงเข่อ: ช่วยอธิบายเรื่องแฟนสาวด้วย (-_-)
ชีเฟิง: ? ? ?

________________________________________
[1] คำวัยรุ่น แปลว่าบ้าคลั่งแบบชาวสปาร์ตา
[2] ทำให้กำแพงโค่นล้ม หมายถึงโค่นล้มอีกฝ่าย

การปะทะกันของคนตีสองหน้า

การปะทะกันของคนตีสองหน้า

การปะทะกันของคนตีสองหน้า
Status: Ongoing
อ่านนิยายการปะทะกันของคนตีสองหน้าเรื่องย่อ “ชีอวี่” ถูกชายหนุ่มแปลกหน้า เข้ามาขอเบอร์ติดต่อในบาร์เหล้า เพราะมั่นใจว่าคนตรงหน้าจะยอมล่าถอยกับข้อเสนอนี้ เขาจึงท้าให้อีกฝ่ายจูบตนเองเสียก่อน และจะยอมบอกเบอร์ติดต่อ ทว่าเมื่อเสียจูบแรกไปแล้ว อะไรที่สัญญาไว้จึงต้องทำตาม ชีอวี่ให้เบอร์ติดต่อของ “ชีเฟิง” น้องชายฝาแฝดไป แต่คนอย่าง “ฟู่เหยียนเซิง” เมื่อระบุเป้าหมายแล้ว ชีอวี่จะหนีไปไหนพ้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset