“ไม่…”
“อย่านะ ข้าขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย!”
“ได้โปรด!”
ด้านหลังประตูที่ปิดสนิท ภายในลานขนาดใหญ่ มีร่างหนึ่งนอนขดอยู่บนเตียง ตัวสั่นและมีหยาดเหงื่อก่อตัวขึ้นบนหน้าผาก
มีสาวใช้สองคนที่อยู่ข้างๆเตียง เดินไปมาอยู่ในห้องพร้อมกับอ่างน้ำและผ้าเช็ดตัว
“ไม่ดีเเล้ว ไข้ไม่ลดลงเลย” สาวใช้คนหนึ่งกล่าวด้วยความเป็นห่วง
“เราควรทำอย่างไรดี พายุหิมะข้างนอกนั้นนั้นรุนแรงขึ้นทุกที แม้แต่ท่านหมอของตระกูลก็ไม่กล้าออกจากบ้าน ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้” สาวใช้อีกคนก็พูดขึ้นทันที “แต่คุณหนูตื่นแล้วหรือ เธอเหมือนกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง ลมหายใจของเธอไม่ปกติ”
สาวใช้คนแรกส่ายหัว แล้วกล่าวขึ้นว่า “คนๆหนึ่งจะตื่นในขณที่ไข้สูงแบบนี้ได้อย่างไร เธอคงจะรู้สึกทรมานมากแน่ๆ”
สาวใช้ทั้งสองคนยังคงเช็ดเหงื่อตามร่างกายของคุณหนู พวกนางใช้ผ้าชุบน้ำเเล้วเช็ดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง
ผ่านไปสองสามนาที ร่างกายที่สั่นเทาของคุณหนูของพวกเขา ที่อยู่บนเตียงก็หยุดสั่นกะทันหัน ดวงตาของเธอที่ปิดสนิทก่อนหน้านี้ ค่อยๆลืมตาเเละได้จ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า แต่แสงที่เย็นวาบทำให้เธอเห็นภาพทุกอย่างชัดเจน
เธอหันศีรษะไปมองสาวใช้ทั้งสอง ขณะที่พวกเขากำลังดีใจ เเละเธอก็อ้าปากค้างก่อนที่น้ำตาของเธอกำลังจะไหลออกมา เธอมองต่อไปรอบๆ พร้อมน้ำตาที่ไหลเอ่อ
เมื่อสาวใช้ทั้งสองเห็นน้ำตาในดวงตาของคุณหนู พวกนางก็ตกตะลึงทันที ในขณะที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ข้าจะรีบออกไปแจ้งท่านผู้อาวุโสว่า ในที่สุดคุณหนูก็ฟื้นแล้ว!”
เสี่ยวเฟยยังคงร้องไห้เมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ทันทีที่เธอมองไปยังที่หน้าต่างภาพของห้องขังที่เเสนสกปรกและมีกลิ่นเหม็นนั้นพร้อมกับความรู้สึกที่เธอถูกทำร้ายและความเจ็บปวดที่เธอได้รับมานั้นคือสิ่งที่เธอเก็บไว้ในใจเเละตอนนี้มันก็ถูกระเบิดออกมาในทันที
ห้องที่เธออยู่แตกต่างจากห้องขังนั่นอย่างสิ้นเชิง เพราะภายในห้องนี้ทุกอย่างดูสวยงามสะอาดและอบอุ่น
อยู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงของคนที่มาจากจากด้านนอก เธอตกใจเเละส่งเสียงโวยวายดังลั่นออกมา ในขณะเดียวกันเธอก็ได้เอื้อมมือของเธอออกไปจับกับมือที่ยื่นออกมาหาเธอ
ไป๋หลู่ซึ่งเป็นสาวใช้ตกใจมาก เมื่อเห็นคุณหนูร้องไห้เหมือนเด็กที่เพิ่งจะหกล้มจนเข่าถลอก เธอไม่เคยเห็นคุณหนูของเธอเป็นแบบนี้ ราวกับว่าโลกได้ทำร้ายเธอมาอย่างหนัก เธอมองดูมือเล็กๆ ที่บอบบางที่กำลังจับมือของเธอไว้
น่าแปลกที่ไป๋หลู่ รู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ เพราะเธอกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเหล่าสาวใช้คนอื่น เธอยังกังวลอีกว่าหลังจากนี้ คุณหนูของเธอจะต้องลงโทษเธอที่เธอบังอาจแตะเนื้อต้องตัวของนาง แต่เธอก็รู้สึกโล่งใจที่เธอกลับไม่เห็นความดื้อรั้นและความเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้เลยว่าคุณหนูตัวจริงของเธอได้หายไปแล้วจากการป่วยครั้งนี้ สิ่งที่อยู่ภายในร่างของคุณหนูคนนั้นก็คือหญิงสาวอีกคน ที่ถูกทำร้ายและทรมานจนตาย
ในตอนนี้ความคิดทุกอย่างได้ไหลเข้ามาในหัวของเสี่ยวเฟยจนเธอปวดหัวและมือไม้สั่น เธอไม่รู้ว่าเลยว่าตอนนี้เธอนั้นอยู่ที่ไหน เธอรู้เเค่ว่าก่อนหน้านี้เธอได้ตายไปแล้ว เเละเธอคิดว่าเธอกำลังใช้ชีวิตหลังความตายและอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ปลอดภัยสำหรับเธอ
‘ปัง!’
ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรงและมีชายชราที่น่ากลัวคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาสวมเสื้อผ้าชั้นดีเมื่อเขาเดินเข้ามาทั่วทั้งห้องก็เงียบลงในทันที
ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นหลานสาวของเขากำลังร้องไห้เหมือนเด็กๆ ภาพนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เขาเดินไปและคุกเข่าลงข้างๆเตียงและมองดูหลานสาวของเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“เฟยเอ๋อ เจ้าเป็นอะไรไป บอกตามาว่าใครทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ ตาจะให้คนไปตามหมอประจำตระกูลมาดูอาการของเจ้า” หลินเซียวเหมิงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
ใบหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างมากเขามีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่บนแก้มขวา ทำให้เขายิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีกและใครก็ตามที่เห็นเขาต่างก็ต้องหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม หลานสาวของเขาไม่ได้สนใจเขาเลยและยังคงร้องไห้เหมือนเดิม ราวกับไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย
นี้คือสิ่งที่ทำให้หลินเซียวเหมิง รู้สึกหมดหนทางอย่างมาก
ตอนนี้เขากำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเด็กสาวอายุระหว่างสิบหกถึงสิบเจ็ดปี โดยไม่สนใจสาตาของเหล่าเหล่าสาวใช้และผู้ติดตามของเขาเเม้เเต่น้อย
พวกเขารู้ว่าหลินเซียวเหมิงรักเเละเป็นห่วงหลานของเขามากเพียงใด แต่เมื่อเห็นฉากนี้ต่อหน้าพวกเขาก็ยังคงรู้สึกตกใจ
หลินเซียวเหมิง คือใคร?
เขาเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอาณาจักรเซิง และด้วยเหตุนี้เขาจึงมีทั้งเงินและชื่อเสียง เขาเพิ่งเกษียณและเลิกเป็นทหารเมื่อสองปีที่แล้ว แต่อิทธิพลของเขาในราชสำนักก็ยังยิ่งใหญ่ แม้แต่ราชวงศ์ก็ยังต้องเกรงใจเขา
และใช่ ตอนนี้เขาพร้อมที่จะละทิ้งศักดิ์ศรีที่จารึกไว้ในกระดูกของเขา เพื่อเด็กสาวคนนี้ที่อยู่ข้างหน้าเขา
“ใครก็ได้ไปตามหมอเฟิงมา แล้วบอกให้เขารีบมาดูอาการหลานสาวของข้า” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
“แต่นายท่าน ท่านหมอเฟิงเพิ่งออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว และตอนนี้พายุหิมะก็รุนแรงอย่างมากมันอาจจะกลบถนนไปแล้ว มันคงจะยากสำหรับรถม้าหรือแม้แต่คนที่จะเดินทางในสภาพอากาศเช่นนี้” หัวหน้าพ่อบ้านอันหลี่แจ้งต่อเจ้านายของเขา
พายุหิมะในคืนนี้รุนแรงเกินไป ไม่มีใครที่จะกล้าพอจะต่อต้านมัน แม้แต่ทหารก็อาจจะหนาวสั่นและตายก่อนที่จะได้ฆ่าศัตรู
หลินเซี่ยวเหมิงเข้าใจความกังวลของหัวหน้าพ่อบ้าน แต่เขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับอาการของหลานสาวเขายิ่งกว่า
อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องสงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อน ในเมื่อพายุรุนแรงเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะส่งคนไปหาหมอเฟิงได้ แต่ใครจะรู้ว่าพวกคนที่เขาส่งไปอาจจะแข็งตายระหว่างทางก็เป็นได้
หลินเซียวเหมิง ถอนหายใจและส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า “พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้าจะอยู่กับเฟยเอ๋อเพียงลำพัง”
เหล่าสาวใช้ในห้องแยกย้ายกันออกไปในทันทีที่ได้รับคำสั่งและเมื่อประตูปิดลงหลินเซียวเหมิงนั่งบนขอบเตียงข้างหลานสาวของเขา เเละวางศีรษะของเธอบนไหล่ของเขาจากนั้นก็กล่าวว่า
“เจ้าจะไม่เป็นไร ตาอยู่นี่แล้ว”