“เฟยเอ๋อ!”
หลินเซี่ยวเหมิงตกใจอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียงกระจกที่เเตกบนพื้น และเมื่อเขาได้เห็นเศษกระจกที่กระจายอยู่บนพื้น ความกังวลของเขาก็เริ่มเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ในขณะนั้น เขาก็เรียกชื่อหลานสาวของเขาอย่างเสียงดังน่าตกใจ หลังจากที่เขาเศษกระจกระจายอยู่เต็มพื้น ในไม่ช้าเขาก็เห็นอาการของหลินเสี่ยวเฟยเหมือนนางกำลังหมดสติเเละล้มลง เขาจึงรีบเข้าไปประคองตัวของเธออย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นหลานสาวของเขาคงล้มลงบนเศษแก้วเหล่านั้น
หลักจากนั้นหลินเสี่ยวเฟยก็ล้มลงบนแขนของเขาโดยไม่รู้สึกตัวอีก ริมฝีปากของเธอที่มักจะเป็นสีแดงตอนนี้กับกลายเป็นสีขาวซีดลง เมื่อเวลาผ่านไป หลินเซี่ยวเหมิงได้รีบเรียกสาวใช้มาช่วยเขาทันที
“ใครก็ได้ รีบมาช่วยข้าที เฟยเอ๋อเป็นลม!” เขาตะโกนสุดเสียงขณะที่เขาเขย่าเรียกเด็กน้อยในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ แต่ดวงตาของหลานสาวเขานั้นกลับปิดสนิท
…
“หลานสาวของข้าเป็นอย่างไรบ้าง หมอเฟิง?” หลินเซี่ยวเหมิงถามอย่างกังวลใจ ในขณะที่หมอเฟิงกำลังเอาผ้าชุบในอ่างน้ำเเละเช็ดไปตามใบหน้าเเละลำตัวของเธอ
หมอเฟิงเป็นหมอของตระกูลหลินและเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมเเละเก่งกาจในโลกแห่งการแพทย์ หลายคนพยายามจะเป็นศิษย์ของเขา แต่เขาไม่รับผู้ใดเป็นศิษย์ของเขาเลย
หมอเฟิงเขาเป็นนักเดินทาง ก่อนที่เขาจะผันตัวมาเป็นหมอของตระกูลหลิน เขามักจะเดินทางไปในอาณาจักรต่างๆ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้คนมากมาย และยังได้รับการเสนอให้เป็นแพทย์ของจักรพรรดิ อย่างไรก็ตาม เขาก็มักจะปฏิเสธข้อเสนอเพราะเขาสัญญากับหลินเซี่ยวเหมิง สหายผู้ยิ่งใหญ่และผู้อุปถัมภ์ของเขา ว่าจะตอบแทนด้วยชีวิตและรับใช้เฉพาะเขาและตระกูลหลินเท่านั้น
“หลินเสี่ยวเฟยหลังจากที่นางได้ล้มป่วยมาเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายของเธออ่อนเเอเเละเธอมีความเครียดเป็นอย่างมาก การที่เธอสามารถฟื้นตื่นจากอาการที่น่าเป็นห่วงเช่นนี้ได้ มันช่างเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก แม้ว่าไข้จะลดลงแล้ว แต่ข้าก็ไม่สามารถรับปากได้ว่าเด็กสาวจะสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้” หมอเฟิงได้กล่าว
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หลินเซี่ยวเหมิงตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของหมอเฟิง เขาตกใจเเละค่อนข้างสับสน
หมอเฟิงถอนหายใจและลูบเคราของเขา ในขณะที่เขายังคงอธิบายต่อไปว่า “ด้วยอาการของเธอ เธออาจจะมีท่าทางเเปลกๆ เเละเเสดงอาการสับสนในบางสิ่งไปบ้าง แต่พฤติกรรมแปลก ๆ เหล่านี้จะคงอยู่ไม่นาน อาการเเปลกๆของนางก็จะหายดี เเละนางก็จะกลับมาแข็งแรงเเละเป็นปกติ”
หลินเซี่ยวเหมิงพยักหน้าเเละเข้าใจกับคำพูดของเหมอเฟิง เเต่เขาไม่ทราบสาเหตุที่เห็นหลินเสี่ยวเฟิงตกใจเมื่อเธอได้เห็นใบหน้าของเธอเองในกระจก เเล้วทรุดตัวลงไป
นางเห็นอะไร? หลินเซี่ยวเหมิงอดไม่ได้ที่จะถามตัวเอง แต่เขาไม่ได้รับคำตอบในขณะที่เขามองไปที่หลานสาวที่นอนหมดสติอยู่
“ข้าขอบใจเจ้ามาก ที่มาช่วยดูอาการของหลานข้าที่นี่ และได้โปรดอยู่ที่นี่ จนกว่าพายุจะหายไป รอให้อาการของหลานสาวข้าดีขึ้น” หลินเซี่ยวเหมิงกล่าวก่อนจะหันไปหาหัวหน้าพ่อบ้านและพูดว่า
” ไปจัดเตรียมที่พักให้หมอเฟิง”
หมอเฟิงพยักหน้ารับตอบ และเดินออกไปพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน ในขณะที่หลินเซี่ยวเหมิงก็เดินตามออกไปด้วย เเละได้พูดคุยเพียงลำพังกับหมอเฟิง ถึงอาการของหลานสาวของเขา
เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้อง จู่ๆ เด็กสาวบนเตียงก็ลืมตาขึ้น นัยน์ตาสีดำสนิท เเววตานิ่งสงบก็จับจ้องมองไปยังข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ เธอตกใจมากกับการที่เธอได้รู้ความจริง และเธอต้องยอมรับความเป็นจริงกับการเกิดใหม่ภายในร่างหญิงสาวของตระกูลหลิน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอฟื้นเธอเองก็เริ่มเเน่ใจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เธอจึงไม่แสดงความตกใจเเต่กลับรู้สึกว่าพูดไม่ออกมากกว่า
สิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน?
เธอได้ตายไปเเล้ว หลังจากที่เธอถูกทรมานเป็นเวลาหลายเดือนภายในห้องขังใต้ดินนั่น เสี่ยวเฟยยังได้คิดอีกว่า เธอจะต้องไปสู่ชีวิตหลังความตาย แต่ใครจะคิดว่าเมื่อเธอลืมตา เธอก็กลายเป็นหลินเสี่ยวเฟย
หลินเสี่ยวเฟยเปรียบเสมือนไข่มุกแห่งตระกูลหลิน ไม่มีเหตุผลอันใดที่เธอจะต้องตาย เว้นแต่มีบางอย่างที่เป็นต้นเหตุเเละเบื้องหลังในการเสียชีวิตของเธอ โดยที่ไม่มีใครรู้เห็นในเรื่องนี้
สิ่งที่น่าเเปลกใจที่สุดคือ ทำไมวิญญาณของเธอถึงเข้ามาอยู่ในร่างของหลินเสี่ยวเฟยหรือเป็นเพราะหญิงสาวทั้งสองใช้ชื่อเดียวกัน?
เสี่ยวเฟยยอมรับความตายของเธอแล้ว และไม่ต้องการอะไรอีก นอกจากจะดำเนินชีวิตต่อไปในปรโลก ทว่าสวรรค์ดูเหมือนจะเล่นตลกกับเธอ และย้ายจิตวิญญาณของเธอไปไว้ในเปลือกที่ว่างเปล่าของหลินเสี่ยวเฟย
พระเจ้าเบื้องบนคงมีความเกลียดชังต่อเธอเป็นอย่างมาก?
ถึงได้ส่งเธอมาอยู่ในร่างของหลินเสี่ยวเฟย
เสี่ยวเฟยกัดริมฝีปากและขมวดคิ้ว
…
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ไป๋ลู่มองไปที่คุณหนู ที่กำลังจ้องมองไปยังสวนหลังบ้านอย่างว่างเปล่า เมื่อไม่กี่วันมานี้สาวใช้ของหลินเสี่ยวเฟย ที่คอยดูแลอาการเธออย่างใกล้ชิด เเละไป๋ลู่สาวรับใช้สังเกตได้ว่ามีบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากหลินเสี่ยวเฟย
หลังจากเธอฟื้นขึ้นจากการสลบไปนั้น หลินเสี่ยวเฟยเริ่มตั้งคำถามแปลกๆ กับสาวใช้ที่คอยรับใช้ข้างๆเธอ อย่างเช่นว่า เธออยู่กับใคร ทำอะไร และพูดอย่างไร
สาวที่อยู่รับใช้เธอทั้งไป๋หลู่และซูถัง ก็สับสนกับคำถามของเธอ แต่พวกนางก็ยังคงให้คำตอบกับเธอตามหน้าที่
สาวใช้ทั้งสอง รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เเละรีบไปเเจ้งอาการของเธอให้กับผู้อาวุธโสหลิน หนึ่งชั่วโมงต่อมา หมอเฟิงก็ถูกเรียกให้เข้าไปดูอาการของหลานสาวของเขาอีกครั้ง
เเต่น่าเเปลกใจที่หมอเฟิง ตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ นอกจากกล่าวว่าหลินเสี่ยวเฟยยังคงมีพฤติกรรมที่แปลกไป
ก่อนหน้านี้ เขาเคยได้พบกับบุตรสาวของตระกูลหลิน และรู้ว่าเธอมีบุคลิกที่หยาบกระด้างเเละมีวาจาที่หยาบคาย เธอมองเหยียดทุกคน ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนที่ด้อยกว่าเธอ แม้แต่หมอเฟิงที่ได้รับความเคารพจากตระกูล เธอก็ไม่เว้นที่จะเเสดงความหยาบคายของเธอออกมา แต่มองกลับกันเเล้ว สภาพของเธอในตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะกลายเป็นคนอื่นซึ่งมันไม่ใช่ตัวตนของเธอเลย
เธอเอาเเต่นั่งนิ่งเงียบ ในขณะที่เขาตรวจดูอาการของเธอโดยไม่เอะอะอะไร แต่ในเเววตาของเธอเป็นสิ่งที่ทำให้หมอเฟิงรู้สึกราวกับถูกจับหัวใจของเขาไว้แน่น
หลินเสี่ยวเฟยได้ถามอาการของเธอจากหมอเฟิง เเท้จริงเเล้วไม่ว่าหมอเฟิงจะมีฝีมือมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านจิตวิญญาณของบุคคลได้ และไม่สามารถบอกได้ว่ามีคนอื่นอาศัยอยู่ในร่างของหลินเสี่ยวเฟย
“หลินเซี่ยวเหมิงได้หยิบเสื้อคลุมหนาๆไปคลุมไหลของหลิวเสี่ยวเฟย” อย่างไรก็ตามหลินเสี่ยวเฟย ก็ไม่ตอบสนองหรือแสดงอาการใดๆ เเละใช้สายตาจ้องมองไปยังด้านนอกเท่านั้น
นอกหน้าต่างนั้นหิมะกำลังโปรยปราย ทั้งสระน้ำ ลำธารในสวนก็กลายเป็นน้ำแข็ง แม้แต่แมวจรจัดก็ไม่กล้าเดินท่ามกลางอากาศเช่นนั้น
หลินเสี่ยวเฟย มองดูทิวทัศน์ตรงหน้าเธออย่างสงบ แต่มือของเธอก็กำหมัดแน่น เล็บของเธอจิกเนื้อเเน่นเเละสร้างรอยคล้ายพระจันทร์เสี้ยว บนฝ่ามือเธอ
“ชีวิตนี้ข้าจะให้ทุกคนต้องชดใช้”