ทันทีที่หลินเสี่ยวเฟยแต่งตัวเสร็จ เธอและสาวใช้ของเธอได้เดินออกไปที่ลานตะวันออก ที่หลินเซี่ยวเหมิงอาศัยอยู่
ทางไปลานตะวันออกนั้น เต็มไปด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยว และทางเดินค่อนข้างสับสนเเละทำให้เธอปวดหัว
เปรียบเทียบกับที่อยู่อาศัยของหยูเฟิงซู ก็ไม่ซับซ้อนถึงเพียงนี้!
เเต่ที่อาศัยของหลินเซี่ยวเหมิงนั้นกลับดูลึกลับ เปรียบเสมือนเขาวงกต
หลังจากเดินไปได้สองสามนาที พวกเขาก็ได้เดินมาถึงหน้าลานด้านตะวันออก และกำลังจะเข้าไป เเต่กลับเจอคนกลุ่มหนึ่ง
“คุณหนู นั่นคือฮูหยินรองเเห่งตระกูลหลิน” ไป่ลู่กล่าวเบาๆ ใบหน้าของเธอแสดงถึงความเป็นห่วง
หลินเสี่ยวเฟยเหลือบไปมองไปที่คนกลุ่มนั้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินไป๋ลู่กล่าว ดวงตาของเธอเหลือบไปมองสาวใช้ ที่สวมชุดสีเขียวหลายคน ก่อนที่เธอจะสะดูดตาไปที่หญิงสาววัยกลางคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วมที่สวมชุดสีเหลืองอยู่ตรงหน้า
เธอคนนี้คือ ฮูหยินสองเเห่งตระกูลหลิน
เธอสวมชุดผ้าไหมสีเขียวและใส่เสื้อคลุมจิ้งจอกสีเหลือง เธอดูใจดีและมีเมตตาตั้งแต่แรกเห็น แม้แต่หลินเสี่ยวเฟยก็คิดเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ที่ไป่ลู่กล่าวกับเธอเมื่อสองสามวันก่อน ฮูหยินสองพยายามจะควบรวมธุรกิจของเธอและมักจะแอบรังแกหลินเสี่ยวเฟยอย่างลับๆ
ถึงแม้ว่าหลินเสี่ยวเฟยจะเป็นบุตรคนโปรดของตระกูลหลิน อย่างที่ใครๆว่า แต่ความเป็นจริงเเล้วก็ค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน
เเต่ในความเป็นจริงเเล้ว มีเพียงเเต่หลินเซี่ยวเหมิงผู้เดียว ที่ให้ความสำคัญกับเธอ
เมื่อหลินเซี่ยวเฟยล้มป่วยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีเเต่เพียงหลินเซี่ยวเหมิงผู้เดียว ที่มาเยี่ยมเธอบ่อยๆและเป็นห่วงเธออย่างแท้จริง ส่วนสมาชิกในตระกูลหลินบางคน ก็เเค่แวะผ่านมาและส่งสมุนไพรมาให้เท่านั้น และเหตุผลที่พวกเขาทำเช่นนั้นเพียงเพราะว่า ถูกหลินเซี่ยวเหมิงบังคับให้ไปเยี่ยม เเต่พวกเขาไม่ต้องการเปิดเผยจิตใจที่ต่ำทรามของพวกเขา พวงเขาจึงต้องทำตาม
ตระกูลหลินมีเพียงสองสาขา สาขาแรกเป็นของบุตรชายคนโตของตระกูลหลิน ,หลินเฟิง ในขณะที่อีกสาขาเป็นของบุตรชายคนรองหลินซาง แต่ในขณะนี้เสี่ยวเฟยไม่เคยพบเจอกับลุงของเธอทั้งสองเลย
หลินเฟิงและหลินซาง ไม่ได้เดินตามรอยเท้าของพ่อ แต่กลับกลายเป็นนักกวีวรรณกรรมและมักจะอยู่ในราชสำนักเพื่อคลายความกังวลขององค์จักรพรรดิ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เริ่มเข้าร่วมกับองค์ชายบางคนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
ดวงตาของหลินเสี่ยวเฟย มองตรงไปในทิศทางของพวกเขาเป็นเวลาสองสามวินาที ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเมินเฉยต่อพวกเขาโดยสิ้นเชิง
หลินเสี่ยวเฟยคนเดิม เขานั้นไม่เคยชอบคุณหญิงรองอยู่เเล้ว และแน่นอนว่าตอนนี้เธอกลายเป็นหลินเสี่ยวเฟยคนใหม่แล้ว เธอจึงไม่อยากทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมหรือแก้ไขความสัมพันธ์ในอดีตที่เกี่ยวกับเธอและ เธอก็ไม่มีความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นด้วย
“ไปกันเถอะ.” เธอพูดเเละเดินหลบหลีกไปจากอีกฝ่ายโดยทันที
เมื่อหลินเสี่ยวเฟยและสาวใช้ของเธอกำลังจะเดินผ่านไป สาวใช้ของซงหยานยี่ก็กระทืบเท้าของเธอและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “คุณหนูสี่ เห็นคุณนายแล้ว แต่เธอก็ทำเหมือนไม่สนใจ เธอนั้นช่างมีนิสัยหยาบคายยิ่งนัก!”
ซงหยานยี่ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนและพูดว่า “เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ คุณหนูที่ไร้อำนาจ มีอะไรต้องสนใจ ปล่อยให้นางเข้าไปด้านในเพื่อท่านตาของนางเถอะ “
ที่เธอกล่าวเเบบนั้นเธอหมายความว่าอย่างไร เพราะในตระกูลหลิน รู้กันอยู่ว่าหลินเซี่ยวเฟยมีเพียงหลินเซี่ยวเหมิงเท่านั้น ที่คอยอยู่เบื้องหลังเธอ?
เธอก็เเค่ต้นไม้ที่มีกิ่งไม้เพียงกิ่งเดียว เมื่อถึงเวลาหักโค่นขึ้นมา ก็จะไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งเธอไว้
ซงหยานยี่รู้สึกเกลียดหลินเสี่ยวเฟย ที่นางเป็นคนหยาบคายและเย่อหยิ่ง ทั้งสองเวลาเจอหน้ากันก็จะพูดจาดูหมิ่นกันโดยไม่เสแสร้งทำดีใส่กัน แต่เพราะหลินเสี่ยวเฟยมีหลินเซี่ยวเหมิงอยู่เบื้องหลัง เธอจึงทำได้เพียงเเอบวางแผนทำลับหลังของทุกคน และรังแกหลินเสี่ยวเฟย
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีข่าวเกี่ยวกับอาการของหลินเสี่ยวเฟย ทำให้ทุกคนในตระกูลหลิน ยกเว้นหลินเซี่ยวเหมิง มีความสุขมากและสวดมนต์อ้อนวอนในห้องสวดมนต์เพื่อสาปเเช่งให้เธอไม่ต้องฟื้นขึ้นมาอีก
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องผิดหวัง ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่พวกเค้าคิด หลินเสี่ยวเฟยไม่ตายและมีชีวิตรอดมาได้
เมื่อหลินเสี่ยวเฟยมาถึงบ้านตระกูลหลินครั้งแรก ทุกคนต่างพากันสงสัยในตัวเด็กสาวที่ถูกส่งมาจากเมืองหลวงเเละมีมารยาทที่ไม่ดี พวกเขาจึงพากันไปพบเธอ เเต่ในตอนแรกนั้นพวกเขาก็ยังไม่เชื่อในข่าวลือ แต่หลังจากที่ได้พบเธอ พวกเขาก็ต่างพากันเกลียดเธอทันที และเริ่มพูดจาเย็นชาใส่เธอ
ชื่อเสียงที่ไร้ค่าและความเย่อหยิ่งของเธอ ไม่ได้ทำเธอให้ดูดีขึ้น เพราะเธอมักจะดูหมิ่นพวกเขา พวกเขาอยากจะให้ตระกูลโจวพาเธอกลับไป
ที่น่าประหลาดใจคือ ตระกูลโจวไม่สนใจเธอหรือพูดอะไรสักคำ เเละเมื่อหลินเซี่ยวเหมิงพา
หลานสาวของเขาไป ตระกลูโจวกลับรู้สึกดีใจด้วยซ้ำ ที่เขาพาเธอไปและพวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเด็กสาวที่ทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้อีกต่อไป
สิ่งนี้ทำให้ตระกูลหลินรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของตระกูลโจว ความเกลียดชังของพวกเขาจึงถูกส่งต่อไปยังหลินเสี่ยวเฟย ซึ่งเป็นรุ่นเยาว์ของตระกูล
เมื่อไหร่ก็ตาม ในขณะที่หลินเซี่ยวเหมิงอยู่ด้วย พวกเขาก็จะแกล้งยิ้มและแสร้งทำเป็นว่าพวกเขาห่วงใยเธอ
หลินเสี่ยวเฟยก้าวเท้าเข้าไปในลานตะวันออก
ลานตะวันออก เป็นที่ที่หลินเซี่ยวเหมิงอาศัยอยู่ บ้านหลังใหญ่โตแต่ดูเรียบง่าย มีเพียงผนังสีขาวและกระเบื้องสีดำมีเฟอร์นิเจอร์ไม่มาก ช่วยให้ลานบ้านดูน่าดึงดูดใจผู้มาเยือนมากขึ้น ในแต่ละด้านของลานบ้าน มีที่นั่งเพียงไม่กี่ที่นั่งเท่านั้น และตรงกลางมีที่นั่งสำหรับผู้นำตระกูล
เก้าอี้ถูกทาด้วยสีดำ แต่การแกะสลักของเก้าอี้นั้นส่งกลิ่นอายที่ทรงอำนาจ หนังเสือที่อยู่ถูกปูอยู่บนเก้าอี้เป็นเครื่องย้ำเตือนว่า ถึงแม้หลินเซี่ยวเหมิงจะเกษียณไปเเล้ว แต่เขาก็ยังเป็นคนที่สามารถทำให้ศัตรูของเขา คุกเข่าลงและขอความเมตตาจากเขาได้
หลินเสี่ยวเฟยมองไปรอบๆอีกครั้ง และเห็นสาวใช้ที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ที่มุมห้องโถง เธอเดินเข้าไปใกล้ๆและถามว่า “ท่านตาของข้าอยู่ที่ไหน”
ทันใดนั้น สาวใช้ที่กำลังหันหลังให้หลินเสี่ยวเฟย เธอได้ยินเสียงจากด้านหลัง เธอก็สะดุ้งตกใจและใบหน้าของเธอก็ขาวซีด
“คุณหนูสี่!” คนใช้พูดแล้วก้มหน้าลง
หลินเสี่ยวเฟยขมวดคิ้ว “ข้าถามว่าท่านตาของข้าอยู่ที่ไหน”
นัยน์ตาตาของสาวใช้สั่นไหวและกล่าวว่า “ท่าน… ท่านผู้อาวุโสไม่อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”
“แล้วเขาอยู่ที่ไหน”
“ท่านผู้อาวุโส อยู่ในห้องโถงรับแขก เเละท่านกำลังมีแขกอยู่เจ้าค่ะ ”