ภายในห้องโถงรับแขก
หลินเซียวเหมิง มองคนสองคน ที่นั่งตรงข้ามเขาอย่างมืดมน
เมื่อเขาได้ยินว่าตระกูลซูจะมาเยี่ยม เขาก็มีความสุขเล็กเพียงน้อยเพราะทั้งสองตระกูลขาดการติดต่อกันเป็นเวลานาน และการที่พวกเขามาเยี่ยมตระกูลหลิน ก็หมายความว่าตระกูลซูมีมารยาทและคงจะปล่อยให้เรื่องนี้ เป็นไปตามอนาคตของพวกเขา
หลินเซียวเหมิง รู้ว่าหลานสาวของเขามีบุคลิกที่แปลกประหลาดไปบ้าง แต่บางทีหลังจากแต่งงานแล้ว เธออาจจะเรียนรู้และหัดวางตัวให้เหมาะสมกับการผู้หญิง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความคิดของเขาทั้งหมดนี้ อาจจะเป็นเพียงความปรารถนาของเขา เพราะจุดประสงค์ของการมาเยี่ยมของตระกูลซู คือการมาทำลายการหมั้น!
หลินเซียวเหมิง กำมือแน่น “ตระกูลซู หมายความว่าอย่างไร ยกเลิกการหมั้น ท่านรู้ไหมว่าสิ่งนี้มีความหมายสำหรับเราทั้งสองครอบครัว”
แม้ว่าการหมั้นหมายระหว่างชายหนุ่มกับหลินเสี่ยวเฟยจะไม่ได้รับการเผยแพร่อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีตระกูลระดับสูงบางตระกูลที่รับรู้
ซูหวางจี พยักหน้าด้วยท่าทางไม่แยแส “ข้าได้พูดคุยกับท่านปู่แล้ว และท่านก็อนุญาตให้ข้ายกเลิกการหมั้น แม้ว่าครอบครัวของเราทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กัน แต่ข้าก็ยังหวังว่าเเม่ทัพหลินจะอนุญาต.”
ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับหลินเซียวเหมิง เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนและมีใบหน้าที่ดูดี อย่างไรก็ตาม รูปร่างของเขาดูอ่อนแอเล็กน้อย แต่ท่าทางของเขาทำให้เขามองและคิดว่าสุภาพบุรุษควรมีลักษณะเช่นนี้
หลินเซียวเหมิง ขมวดคิ้ว
ซูหวางจี บุตรของตระกูลซู เขาเป็นหนึ่งในบุตรผู้สูงศักดิ์ ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองหลวง เขาไม่เพียงแต่มีใบหน้าที่ดูดีเท่านั้น แต่เขายังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของการสอบทางวิชาการของสถาบันเซี้ย ซึ่งได้เอาชนะบุตรชายคนอื่นๆในรายการ
และเขา ก็ยังเป็นคู่หมั้นของหลินเสี่ยวเฟยอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้านี้ เนื่องจากชายหนุ่มคนนี้ ไม่ได้มาเยี่ยมคู่หมั้นของเขาเลย หลังจากที่ได้ยินว่าเธอป่วย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยุติการหมั้นหมาย
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าทำเช่นนั้น การหมั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่เจ้าและเฟยเอ๋อจะเกิด ดังนั้นสิ่งนี้จะถูกทำลายโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรได้อย่างไร?” หลินเซียวเหมิง ขมวดคิ้วเเละใบหน้าที่ดูน่ากลัวของเขากลายเป็นสีหน้าที่หมองคล้ำด้วยความไม่พอใจ กับชายหนุ่มผู้นี้ที่นั่งเงียบๆ ตรงข้ามเขา
ราวกับว่า ซูหวางจีไม่สนใจแม้แต่การหมั้นที่ผู้อาวุโสของเขาตั้งขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสของตระกูลซู จะยินยอมให้หลานชายของเขาตัดสินใจยุติการหมั้นหมาย
ในครั้งนี้
เฒ่าตระกูลซู กำลังคิดอะไรอยู่?
ฮูหยินซู ที่มากับบุตรชายก็พูดขึ้นทันทีว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเองแม่ทัพหลินในวันที่ข้าพาจีเอ๋อไปวันเกิดของสหายข้าท่านหนึ่ง และในตอนนั้น ข้าเองก็ไม่สามารถรู้ถึงอนาคตที่ข้าก็คาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าสิ่งเหล่านั้นจะตกมาถึงหลานสาวของท่านเเละบุตรชายของข้า”
ในขณะนี้ หลินเซียวเหมิง ไม่เอยากฟังเรื่องไร้สาระของฮูหยินซูอีกต่อไป เพราะนางอยากให้ซูหวางจีเเต่เเต่งงานกับบุตรสาวของขุนนางอีกคนที่ชอบซูหวางจี เเท้ที่จริงแล้ว คำพูดของคุณหญิงซูกล่าวเหมือนกับว่าซูหวางจีบุตรชายของเธอนั้น เขามีหญิงสาวที่เขาชอบอยู่เเล้ว ดังนั้นเธอจึงเดินทางมาที่นี้เพื่อยกเลิกการหมั้น
ทว่าบุตรสาวของตระกูลขุนนางท่านอื่นๆที่เขากำลังเพ้อฝันอยู่นั้น จะเข้ามาทำให้ทั้งสองตระกูลนั้นเกิดความเเตกเเยก ซูหวางจูเขาก็มิบังอาจที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่ถ้าหากคิดในสถานการณ์ตอนนี้กลับกัน หากซูหวางจีชอบหญิงสาวผู้นั้นจริงๆ มันก็กลับกลายเป็นเหตุผลที่ถูกต้อง
แต่ทำไมพวกเขาต้องบิดเบือนในคำพูด?
สิ่งนี้ทำให้หลินเซียวเหมิง ได้ลิ้มรสความขมในปากของเขา
การสู้รบเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และหากอนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้อย่างที่พวกเขาพูด จะดีกว่าไหมถ้าพวกเขายุติการสู้รบในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเเล้ว
สิ่งนี้ทำให้หลินเสี่ยวเฟย รู้สึกว่าเรื่องนี้มันยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก เเต่เนื่องจากเธออยู่ในวัยที่เธอควรจะแต่งงานแล้ว ไม่ใช่เเค่ก็หมั้นกับใครสักคน แต่ถ้าการหมั้นของเธอถูกยกเลิกไป สิ่งต่างๆที่มามันจะแย่ลงกว่าเดิม
เเต่ด้วยข่าวลือต่างๆของเธอ หลินเสี่ยวเฟยจะไม่สามารถที่จะแต่งงานกับบุตรชายของตระกูลที่มีชื่อเสียงและมีตำแหน่งสูงได้
“ข้ายังไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้”
“แต่ท่านแม่ทัพหลิน ผู้เฒ่าของเรายินยอมในเรื่องนี้แล้ว” ซูหวางจีเขาไม่สนใจใยดีกับคู่หมั้นของเขาและเขาก็ไม่ชอบเธอเเม้เเต่น้อยเลย ข่าวลือมากมายในตัวเธอ มันจะทำให้มันทุกอย่างดูเเย่ไปเสียหมด ถ้าหากเขาต้องเขาหมั้นกับเธอ สหายที่เคยร่วมงานกับซูหวางจีจะต้องหัวเราะเยาะเขาและเยาะเย้ยเขา ที่มีภรรยาในอนาคตที่โง่เขลาและนิสัยเสียเช่นนี้
เป็นเวลาหลายปี ที่เขากลืนความเย่อหยิ่งและไม่กล่าวอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแต่แอบพร่ำเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาได้คิดอยู่ในใจเสมอว่าทำไมเขาถึงต้องหมั้นหมายกับหลินเสี่ยวเฟย ผู้หยิ่งผยองนิสัยไม่ดีเเถมยังไม่มีพรสวรรค์ใดๆติดตัวอีกเลย
อย่างไรก็ตาม ตระกูลหลินที่คอยอยู่เบื้องหลังเธอ และตระกูลซูก็ไม่สามารถที่จะหาการสนับสนุนที่ใหญ่กว่าตระกูลหลินได้อีกเเล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เเค่ให้ซูหวางจีมุ่งมั่นและทำให้ดีที่สุด ในการสอบของวิชาการของสถาบันเซี้ย และขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างมีชัยให้ได้
ในฐานะผู้ตรวจสอบระดับสูงในวิชาการของสถาบันเซี้ย สิ่งนี้จะทำให้เขาได้มีโอกาสที่จะไต่อันดับในราชสำนักของจักรพรรดิ เพื่อจะได้มอบเชือกอีกเส้นให้กับตระกูลซูได้มีที่ยึดเหนี่ยวไว้
และแม้ว่า หากเขาจะไม่ได้รับตำแหน่งทางการ ที่สูงกว่าตระกูลใหญ่ๆเเต่อย่างไรก็ตาม ยังมีหญิงสาวที่มีมารยาทดีอีกหลายคน ที่อยากจะครอบครองเขาเเละมาอาศัยอยู่ร่วมกับตระกูลซู
หากพวกเขาสามารถโน้มน้าวให้หลินเซียวเหมิงยุติการหมั้นได้ พวกเขาก็จะสามารถดำเนินการตามแผน เพื่อให้ซูหวางจีหาสตรีผู้สูงศักดิ์อีกคนเพื่อแต่งงาน
“อย่างไรก็ตาม แม่ทัพหลินไม่สามารถบังคับเขาให้รักษาการหมั้นนี้ได้ แม้ว่าการทำลายการหมั้นจะทำให้หลินเสี่ยวเฟยอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ตระกูลซูก็ยังได้เอ่ยปากว่า เขาจะช่วยหาคู่ที่เหมาะสมในการแต่งงานให้กับหลินเสี่ยวเฟย” ในที่สุด ซูหวางจีก็ได้กล่าวและมีความตั้งใจที่จะยุติการสนทนาในครั้งนี้ด้วยข้อเสนอของพวกเขา
ถึงแม้ว่าจะไม่มีบุตรชายผู้สูงศักดิ์ที่เหมาะสมในเมืองหลวงในขณะนี้ แต่ตระกูลซูก็เต็มใจที่จะดูแลและช่วยเหลือพวกเขา เพื่อที่หลินเสี่ยวเฟยจะไม่ได้ถูกทอดทิ้งและไม่ได้เเต่งงานในอนาคต
ใบหน้าของหลินเซียวเหมิงดูแย่เป็นอย่างมาก แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ในเมื่อการตัดสินใจของทั้งสองตระกูลเป็นที่สิ้นสุดไปเเล้วว เเละเขายังสามารถที่จะกล่าวอะไรได้อีก เขาสามารถบอกกล่าวกับผู้คนถึงการกระทำที่หน้ารังเกียจของตระกูลซูได้ แต่เขาไม่อยากที่จะต้องเอาชื่อเสียงของหลานสาวเขา มาตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้ เพราะเขาไม่อยากที่จะต้องลากชื่อตระกูลหลินและหลินเสี่ยวเฟยให้เข้ามาเเปดเปื้อนกับเรื่องเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้หลินเสี่ยวเฟยต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้เป็นเเน่ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำเช่นใด?
เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้อเสนอของตระกูลซูก็ค่อนข้างน่าสนใจ “นี่…” หลินเซียวเหมิงรู้สึกลังเลใจ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ข้าขอคิดเรื่องนี้ดูก่อน—”
อย่างไรก็ตาม เขากำลังจะกล่าวจบในเรื่องราวนี้ เสียงที่นุ่มนวลแต่เย็นชา เป็นของเสียงของหญิงสาวขัดจังหวะเเทรกขึ้นมา
“ไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะท่านตา”
ในขณะนั้น หลินเสี่ยวเฟยมาถึง และยืนอยู่ที่ทางเข้าห้องโถง ด้วยใบหน้าอันงดงามของเธอเเละรอยยิ้มที่เย็นชา ทันใดนั้นเธอก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าต้องการยกเลิกการหมั้นหมาย”