เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูคล้ายกับกำลังสับสน เธอจึงยิ้มหวานที่สุดให้กับพวกเขา แต่ไม่ได้กล่าวอะไรเพื่อชี้แจงและอธิบายคำพูดของเธอ และกล่าวด้วยถ้อยคำที่ดูสบายใจ ว่า
“มันดึกมากแล้ว แขกที่เคารพ ท่านตาของข้าและข้าเหนื่อยมาก และคงจะไม่ส่งพวกท่านเเล้ว”
คำที่เธอกล่าวหมายถึง กำลังจะบอกให้พวกเขากลับไป และปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะผู้บุกรุก ไม่ใช่ในฐานะแขกผู้มีเกียรติ
ปกติคนที่เป็นเจ้าของบ้าน อย่างน้อยต้องมีเวลาที่จะส่งแขกออกไป หรือไม่ก็พร้อมที่จะชี้ทางให้ หรือพูดคุยอย่างเป็นมิตร อย่างไรก็ตาม ความคิดของหลินเสี่ยวเฟยที่มีต่อพวกเขาเเละคำพูดของเธอก็กล่าวขึ้น เพื่อบอกตระกูลซู ว่าพวกเขาไม่พอใจและไม่ต้อนรับหากอยู่เกินเวลาที่จะสมควร
ทำให้ใบหน้าของคุณหญิงซูเเสดงถึงความเกลียดชังของเธอ
เธอตกตะลึงในตอนแรก ในรูปลักษณ์ที่สวยงามของหญิงสาวตรงหน้าพวกเขา เธอมองไม่เห็นอดีตของหลินเสี่ยวเฟยที่เคยมีนิสัยหยาบคายและไร้มารยาท จากหลินเสี่ยวเฟยตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เธอยังคงตกใจกับความไม่กระวนกระวายใจของหลินเสี่ยวเฟยเลยเเม้เเต่น้อย ในเมื่อการหมั้นหมายของเธอเพิ่งพังลง แต่เธอกลับดูเหมือนจะไม่รีบไปหาชายที่เหมาะสมที่จะแต่งงานใหม่กับเธอ
เป็นเวลาสามปีเเล้ว ที่หลินเสี่ยวเฟยไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะ ผู้คนลืมไปว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร และแม้ว่าพวกเขาจะยังจำได้ ผู้คนก็จะรู้สึกว่ามันช่างเเตกต่างจากหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า
เธอแตกต่างจากหลินเสี่ยวเฟยที่ทุกคนรู้จัก และหากเธอโดนผู้คนเยาะเย้ย หญิงสาวผู้นี้ก็ไม่อาย แม้จะอยู่ต่อหน้าใครก็ตาม
แน่นอนว่าหลินเสี่ยวเฟย รู้สึกตระหนักดีถึงเรื่องนี้เพราะ เธอไม่ใช่หลินเสี่ยวตัวจริง และเป็นผู้ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เธอไม่เคยเป็นคนประเภทที่จะก้มหัวให้ใครก็ตาม เพียงเพราะพวกเขามองมาที่เธอ และพยายามที่จะทำให้เธอกลัว
เธอเป็นแบบนั้นตอนที่อยู่กับหยูเฟิงซู แต่หลังจากเกิดใหม่ เเต่ ณ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอได้เป็นตัวของเธอเองและเธอจะไม่กลับไปอยู่ในจุดที่เลวร้ายเหมือนที่เธอเคยดำดิ่งลงไปในอดีตอีก
หลินเสี่ยวเฟยหันกลับมาหาหลินเซียวเหมิง เเละโต้เถียงกันเรื่องการแสดงท่าทีไม่สุภาพต่อตระกูลซู แต่เมื่อคิดถึงการตัดสินใจที่รีบร้อนและไม่ยุติธรรมของพวกเขา ที่ได้ยุติการหมั้นโดยไม่ได้ปรึกษากับตละกูลหลินในเรื่องนี้
และความจริงที่ว่าพวกเขาให้รายชื่อบุตรชายผู้สูงศักดิ์ระดับสามแก่เขา หลินเซียวเหมิง จึงตัดสินใจปฏิบัติตามการตัดสินใจของหลินเสี่ยวเฟย
“นี่…”
ฮุหยินซูถึงกับพูดอะไรไม่ออก!
เมื่อหลินเสี่ยวเฟยและหลินเซียวเหมิงหันหลังให้กับพวกเขา ฮูหยินซูก็รู้สึกกระสับกระส่ายและกล่าวขึ้นทันทีว่า “แม่ทัพหลิน ช้าก่อน!”
หลินเซียวเหมิงหยุดและหันศีรษะเล็กน้อย “มีอะไรอีกหรือ ฮูหยินซู?”
“นี่เป็นครั้งแรก ที่พวกข้าเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลหลิน ดังนั้น พวกข้าจึงไม่รู้ว่าทางออกของเราไปทางไหน” เธอหยุด “เเละเนื่องจากท่านแม่ทัพหลินเเละคุณหนูสี่รู้สึกเหนื่อย ท่านแม่ทัพหลินจะส่งสาวใช้นำทางให้พวกเราได้หรือไม่”
หลินเสี่ยวเฟยรู้สึกประหลาดใจมาก ที่รู้ว่าฮูหยินซูเพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามาเยี่ยมตระกูลหลิน แล้วเช่นนี้เธอจะเป็นคนดีได้อย่างไรกัน?
หลินเสี่ยวเฟย ไม่ยอมให้หลินเซียวเหมิงกล่าวตอบฮูหยินซู หลินเสี่ยวเฟยกล่าวต่ออย่างรวดเร็วว่า “ตระกูลซูมีความเฉลียวฉลาดอยู่เสมอ และบุตรชายของตระกูลซู ก็ติดอันดับหนึ่งในการสอบ ข้าคิดว่าเขา น่าจะสามารถจดจำทางออกได้”
“ถ้าหาทางออกไม่เจอ ก็เดินย้อนรอยตอนเดินเข้าก็มาได้” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวต่อ และสะบัดแขนเสื้อของเธอ และไม่สนใจพวกเขาอีก
เธอต้องการที่จะเตือนพวกเขาว่า พวกเขาไม่สามารถมีอะไรเทียบกับตระกูลหลินได้ พวกเขาอาจมาจากตระกูลขุนนางชั้นสูง แต่พวกเขาก็ต้องได้รับการตักเตือนว่า ครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยมาจากครอบครัวเล็กๆ เเละในตอนนั้นพวกเขาก็ยังไม่สามารถสบตากับตระกูลหลินได้เลย
เเละในเมื่อก่อน พวกเขาก็ยังไม่ได้มีระดับสูง แต่ตระกูลหลินก็ยังยื่นมือออกไป เพื่อทำสัญญาการหมั้น และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พวกเขาสามารถขี่วัวทองคำตัวนั้นได้ และยังได้ใกล้ชิดกับตระกูลที่มีระดับสูงเเละมีชื่อเสียง
เเละเนื่องจากพวกเขากล้าที่จะมา และกล้าที่จะเเสดงในสิ่งที่ต้องการ ทำไมหลินเสี่ยวเฟยและหลินเซียวเหมิง ถึงให้อิสระแก่พวกเขาในการจงใจไม่ได้? พวกเขาสามารถหยาบคายได้ แต่ตระกูลหลินนั้น ทำไม่ได้?
หลินเสี่ยวเฟยไม่คิดอย่างนั้น
แม้แต่หลินเสี่ยวเฟย ก็ยังรู้สึกเวียนหัว เมื่อเดินไปตามทางเดินของตระกูลหลิน หลินเสี่ยวเฟยต้องการให้พวกเขาสัมผัสและบอกให้พวกเขารับรู้ถึงอันตรายที่พวกเข้ากำลังจะเจอ และทำให้พวกเขารู้ว่าที่พักอาศัยของตระกูลหลินนั้น ยิ่งใหญ่เพียงใด
เเละพวกเขายังอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเธอเลือกคู่ครองในอนาคต? หลินเสี่ยวเฟยต้องการที่จะตอบแทนความใจดีของพวกเขา และเธอจะทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความรู้สึกที่สูญเสียอีกครั้ง
หยูเฟิงซู ได้บอกความลับมากมายกับเธอ และเธอก็จำความลับแต่ละข้อไว้เพื่อช่วยเหลือเขา อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในช่วงชีวิตที่แล้ว เธอสามารถใช้ความลับที่หยูเฟิงซูบอกกับเธอมาใช้กับตัวเธอเองในตอนนี้ได้
ตระกูลซู ควรระวังหลังให้มากกว่านี้และอย่าไปยุ่งกับเธอเลย เพราะพวกเขาจะต้องได้รับบทเรียนราคาเเพง ที่พวกเขาจะต้องชดใช้อย่างสาสม
หลินเสี่ยวเฟย ยิ้มอย่างเย็นชาและเดินเคียงข้างไปพร้อมกับหลินเซียวเหมิง
เมื่อพวกเขาอยู่นอกห้องโถง หลินเซียวเหมิง กล่าวถามหลานสาวอย่างกังวลว่า “เฟยเอ๋อ เจ้าไม่ได้วางแผนที่จะไม่แต่งงานจริงๆ ใช่หรือไม่?”
เขากังวลว่า สิ่งที่หลินเสี่ยวเฟยกล่าวตอนอยู่ในห้องโถง เป็นเพียงเพราะความโกรธของเธอ และต้องการถามเธอ ว่าที่เธอกล่าวออกมานั้น มันจริงหรือไม่ ที่ว่าตระกูลหลิน จะอยู่เบื้องหลังเธอจริงๆ และจะไม่ปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์ทรมาน หลินเซียวเหมิงก็รู้ดีว่า ตระกูลหลินไม่ชอบหลินเสี่ยวเฟย และถ้าไม่มีเขาไม่อยู่ใกล้ๆอีกต่อไป พวกเขาจะต้องทำอันตรายต่อเธออย่างแน่นอน
เขาต่อสู้กับผู้คนอย่างไร้ความปราณี ฆ่าผู้อื่นและรอดชีวิตมาได้ ดังนั้น เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าตระกูลหลิน คิดอย่างไรกับหลินเสี่ยวเฟย?
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรับหลินเสี่ยวเฟยมาจากตระกูลโจว ที่พักอาศัยของเมืองโจวเต็มไปด้วยงูและสิ่งชั่วร้ายในร่างมนุษย์ ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เพราะลูกสาวของหลินเซียวเหมิง ก็เสียชีวิตอย่างลึกลับที่นั่น และเขามั่นใจว่านี่จะเป็นชะตากรรมต่อไปของหลินเสี่ยวเฟย หากเธอไม่รีบออกมาจากที่นั่น
เขาไม่สามารถพาเธอออกมาจากที่นั่นได้ทันทีที่แม่ของเธอเสียชีวิต เพราะเธอยังเด็กเกินไป ยังเป็นทารก และในฐานะตระกูลของมารดา พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เมื่อกลับถูกตระกูลโจวบ่นกล่าว
ในเวลานั้น พวกเขาเศร้าโศกและไม่มีเวลาให้กับหลินเสี่ยวเฟย เนื่องจากเธอยังเด็กเกินไป ตระกูลโจวละเลยการดูเเลเอาใจใส่เเละไม่ให้ความอบอุ่นแก่เธอ อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเริ่มโตขึ้นเธอจึงแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ไร้เดียงสาและหยาบคายต่อโลก ครอบครัวโจวก็ปล่อยเธอไปอย่างรวดเร็วที่สุด
ตอนนี้หลินเซียวเหมิงก็แก่ชราแล้ว เขาต้องแสร้งทำเป็นเพิกเฉย ต่อการปฏิบัติอันเสแสร้งของคนในตระกูลหลินที่มีต่อหลินเสี่ยวเฟย มิฉะนั้น เขาจะทำให้ทุกคนรู้ถึงเจตนาของเขา และคนชั่วร้ายเหล่านี้ ก็จะต้องซ่อนกรงเล็บของพวกเขาทันที
และนั่นเป็นเหตุผลที่หลินเซี่ยวเหมิง ต้องการรีบให้หลินเสี่ยวเฟยเเต่งงาน เขาต้องการให้เธอแต่งงานกับบุตชายในตระกูลที่ดี เพื่อจะได้คอยช่วยเหลือและปกป้องหลินเสี่ยวเฟย เมื่อเขาต้องจากไป
ในตอนเเรก เขาคิดว่าบุตรชายของตระกูลซู เป็นผู้ที่สมบูรณ์แบบสำหรับหน้าที่นี้และดีใจที่มีพวกเขา แต่ด้วยความตั้งใจของเขา พวกเขากลับที่จะยกเลิกการหมั้น เเละทำให้เกิดการขัดเเย้งกัน กับเหลินเซียวเหมิง
ทันใดนั้น เขาก็จำสิ่งที่หลินเสี่ยวเฟยกล่าวขึ้นในห้องโถง และกล่าวขึ้นทันทีว่า
“เฟยเอ๋อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ที่เจ้ากล่าวว่า เจ้ามีใครบางคนอยู่ในใจเเล้ว เเละอยู่ในฐานะคู่แต่งงานของเจ้า?”