กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess – ตอนที่ 14 ไป่ฮัวโหลว

หลินเสี่ยวเฟยหยุดและหันมามองเขา “อ่อ สิ่งที่ข้ากล่าวไปนั้น ท่านตาไม่จำเป็นต้องกังวลกับสิ่งที่ข้าได้กล่าวมากเกินไป”

 

เธอมีแผน ที่จะไม่ให้ตัวเองต้องถูกบังคับให้แต่งงาน หรืออาจจะควรจะคิดมากกว่านั้น เเต่เธอที่เธอได้วางแผนทั้งหมด ก็เพราะว่าจะช่วยบรรเทาความกังวลของหลินเซียวเหมิง เนื่องจากทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของเธอ

 

“เอ่อ ท่านตา ข้าอยากออกไปข้างนอกแต่ข้าได้ยินมาว่า ข้าจะออกไปไหนไม่ได้ หากข้าไม่ได้รับอนุญาตจากท่านตา วันนี้อากาศดีมาก เเต่มันคงจะน่าเบื่อถ้าหากข้าใช้เวลาอยู่เเต่ในลานบ้านของข้า”

 

‘แล้วที่เจ้ากล่าวในตอนแรก?’ หลินเซียวเหมิงมองดูเธออย่างมึนงง ก่อนหน้านี้ เธอเพิ่งบอกกับตระกูลซูว่าวันนี้เธอเหนื่อยมากเเล้วและพวกเขาควรจะต้องกลับไป แต่ ณ ตอนนี้เธอกลับมาบอกว่า เธอจะออกไปชื่นชมกับสภาพอากาศภายนอก?

 

หลินเซียวเหมิง ดูหมดหนทาง “แต่!! เฟยเอ๋อ เจ้าจะออกไปที่ใด เจ้าไม่ได้ออกจากลานบ้านมาเป็นเวลาสามปีแล้ว เเล้วนี่!เจ้าอยากจะออกไปได้อย่างไร”

 

” ที่ไหนก็ได้เจ้าค่ะ ” เธอตอบอย่างคลุมเครือ

 

เธอกล่าว อย่างไม่ต้องการให้หลินเซียวเหมิงสงสัยในการกระทำของเธอ เธอเเค่บอกว่าเธอจะไปที่ไหน ตั้งเเต่ที่เธอออกไปนอกบ้านครั้งล่าสุด ก็ผ่านไปสามปีแล้ว

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะให้คนของข้าไปคอยปกป้องเจ้าด้วย เพราะเจ้าไม่ได้ออกไปไหนเป็นเวลานานเกินไปเเละอาจจะมีอันตรายมากมาย ที่คนคนหนึ่งจะพบเจอระหว่างทาง เป็นการดีกว่าที่เจ้าจะต้องมีคนคุ้มกัน เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง” หลินเซียวเหมิง ถอนหายใจและกล่าวต่อ “ข้าจะให้เงินเเก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้เอาไปใช่จ่าย ในสิ่งที่เจ้าต้องการ”

 

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านตา” หลินเสี่ยวเฟยยิ้มให้เขา

 

“ข้าขอตัวก่อน”

 

หลังจากที่เขาพูดว่า

 

หลินเสี่ยวเฟย หันมองกลับไปเเละมองไปยังเเผ่นหลังของหลินเซียวเหมิง รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆหายไปราวกับว่า มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

เธอเสียเวลาไปมากในการเผชิญหน้าทั้งฮูหยินสองและตระกูลซู  หลินเซียวเหมิงทำให้เธอหันเหออกจากแผนแรกของเธอ เพราะพวกเขาและเธอจึงต้องระวังเมื่อออกไปข้างนอกและไม่ให้ใครรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเธอ

 

เเละเธอไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น

 

แต่เธอยังคงต้องการผู้ติดตาม ที่หลินเซียวเหมิงจัดเตรียมไว้ให้เพราะอันตรายจากข้างนอกเป็นสิ่งที่เธอรู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเธอจะไม่เสี่ยง เเละเธอจะทำตามคำแนะนำของเขา

 

 

“คุณหนู เราควรจะทำเช่นนี้จริงหรือ ท่านผู้อาวุโสจะคิดอย่างไรถ้าเขารู้เรื่องนี้” ไป๋ลู่กระซิบเบา ๆ

 

ขณะนี้ พวกเขาอยู่ในรถม้า ที่หลินเซียวเหมิงเตรียมไว้ หลังจากที่หลินเซียวเฟยได้กล่าวกับเธอว่า

เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดี ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนรถม้าของเธอ โดยไม่มีสัญลักษณ์รูปเสือ ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตระกูลหลิน

 

ตระกูลขุนนางชั้นสูงแต่ละตระกูล ต้องมีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เเตกต่างจากกัน มังกรและนกฟีนิกซ์เป็นของราชวงศ์ สิงโตเป็นของดยุค นกอินทรีเป็นของข้าราชการ และไก่ฟ้าเป็นของสามัญชน

 

เเต่เสือ จะเป็นสัญญาณของตระกูลหลินเท่านั้น เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ สุจริตและความจงรักภักดีเเละความเข้มแข็ง ซึ่งจะประเคนให้แก่ราชวงศ์จักรพรรดิ และเนื่องจากเป็นสิ่งที่จักรพรรดิองค์ก่อนมอบให้หลินเซียวเหมิง สำหรับการรับใช้ที่มีคุณค่าสำหรับอาณาจักร

 

อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเฟยเลือกที่จะนั่งรถม้าที่ไม่มีเครื่องหมาย ซึ่งระบุว่าเธอไม่ได้อยู่ในตระกูลขุนนางใด ๆ

 

“ไม่เป็นไร ตราบใดที่เขายังไม่รู้” หลินเสี่ยวเฟยกล่าว เสียงของเธอค่อนข้างดัง ซึ่งคนขับรถม้าที่หลินเซียวเหมิงส่งมาอาจจะได้ยิน

 

เธอต้องการบอกให้พวกเขารู้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรหรือไปที่ไหน คนขับรถม้าก็จะไม่พูดอะไรกับหลินเซียวเหมิง และคงจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่ให้ผู้ใดรู้

 

พวกเขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าจะถึงที่หมาย

 

ข้างหน้าพวกเขาคือไป๋ฮัวโหลว หอนางโลมที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง หอนางโลมนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงและมีเหล่าขุนนางผู้มั่งคั่งหลายคน มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

 

ต่างจากหอนางโลมอีกเก้าเเห้ง ที่ธุรกิจของพวกเขาขายเนื้อเท่านั้น (หญิงโสเภณี) ไป๋ฮัวโหลวมีผู้หญิงมากมายที่มีความเชี่ยวชาญในวรรณกรรมทั้งสี่ และกริยาท่าทางพวกนางเทียบได้กับหญิงสาวจากตระกูลผู้สูงศักดิ์

 

อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาความสุข ความบันเทิง เเต่เธอมาที่ ไป๋ฮัวโหลว เพื่อ ‘กล่อง’ ที่เธอขโมยมาจากพระสนมเซียน

 

หลินเสี่ยวเฟยรู้ว่า ชีวิตของเธอจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย หลังจากที่ขโมยกล่องนี้ไป หลินเสี่ยวเฟยจึงมอบกล่องนี้ให้กับคนที่เขาไว้ใจ

 

‘คนที่เธอไว้ใจนั้น’ คนนี้ๆเป็นคนที่เธอรู้จักในอดีตของเธอ และเธอค่อนข้างที่จะสนิทสนมกับคนคนนั้นมาก ก่อนที่จะแต่งงานกับหยูเฟิงซู

 

เเละเมื่อเธอกำลังจะก้าวเข้าไปในประตูของไป๋ฮัวโหลว ซูถังก็หยุดชะงัก และกล่าวอย่างกังวลว่า “คุณหนู จะเข้าไปที่นี่จริงๆหรือ?”

 

นอกจาก หลินเสี่ยวเฟยดูมั่นใจ ที่จะก้าวเข้าไปในประตูของไป๋ฮัวโหลว แล้วซูถังซึ่งเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างๆเธอ เธอกังวลอย่างมาก เกี่ยวกับชื่อเสียงของคุณหนูของเธอ

 

เธอกังวลว่า ถ้าหากมีผู้พบเห็นกล่าวลือเกี่ยวกับหลิวเสี่ยวเฟยที่เข้าไปในไป๋ฮัวโหลว แม้แต่หลินเซียวเหมิงที่เป็นห่วงเป็นใยเธอ ก็อาจจะหมดสติไปด้วยความตกใจกับเหตุการณ์นี้

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ซูถัง ต้องกล่าวถามหลินเสี่ยวเฟย ว่าเธอต้องการเข้าไปข้างในนั้นจริงๆใช่หรือไม่

 

หลินเสี่ยวเฟย เพียงแค่เหลือบตามองเธอ เเละกล่าวว่า “ใช่”

 

“แต่คุณหนู นี่ไม่ใช่สถานที่ปกติ แต่เป็น…. แต่เป็น…” ซูถังทำหน้าบึ้ง “ยังไงก็ตาม คุณหนูไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปข้างในนั้นเอง เพียงเเค่สั่งให้ข้าเข้าไปข้างในนั้นเเทน”

 

“ไม่.” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวอย่างเย็นชา

 

น้ำเสียงของเธอทำให้ซูถังไม่เชื่อฟังเธอยาก

 

หลินเสี่ยวเฟย มาที่ไป๋ฮัวโหลวโดยสวมเสื้อผ้าผู้ชาย เธอพบว่าความกังวลของซูถังนั้นถูกต้อง แต่น่าเสียดาย ที่มันใช้ได้เฉพาะกับหญิงสาวที่ไร้เดียงสาและมีภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ  น่าเศร้าที่หลินเสี่ยวเฟยไม่ใช่หนึ่งในนั้น และเธอก็คิดว่า เธอเองก็ไม่ใช่หญิงสาวที่สมบูรณ์ทั้งทางจิตใจและจิตวิญญาณ

 

และเหนือสิ่งอื่นใด หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้ออกไปข้างนอกเป็นเวลาสามปี ใบหน้าของเธอน่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย และถ้ามีใครเห็นเธอและจำเธอได้ พวกเขาอาจจะต้องสงสัยในสติของเธอเอง

 

แม้ว่าหลินเสี่ยวเฟยจะดูโง่เขลา แต่เธอก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าไปใน ไป๋ฮัวโหลว ซึ่งเป็นสถานที่เเปลกๆเช่นนั้น แล้วทำไมผู้คนถึงจะต้องคิดว่าเป็นเธอ

 

ด้วยเหตุนี้ หลินเสี่ยวเฟยจึงดูมั่นใจ เมื่อเธอเดินเข้าไปในประตูของไป๋ฮัวโหลว

 

เธอมีรูปร่างที่สูงกว่าหญิงสาวทั่วไปโดยธรรมชาติ เมื่ออายุสิบหกหรือสิบเจ็ดปี และจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขุนนางหนุ่ม  เเละข้างหลังเธอซูถังได้สวมชุดบุรุษที่ทรุดโทรมเล็กน้อยและเดินก้มศีรษะลง

 

หญิงวัยกลางคนในห้องโถงที่ต้อนรับลูกค้า เห็นพวกเขาเข้ามาและรีบเข้าไปหาพวกเขา “นายท่าน! ท่านมาที่นี่ เพื่อเลือกหญิงสาวของเราใช่หรือไม่?” เธอใช้เวลาสักครู่เพื่อมองไปรอบๆ เเละหลินเสี่ยวเฟย ก็กล่าวว่า “ข้าพึ่งมาที่นี่เป็นครั้งเเรก เเละข้าต้องการสาวงามมาบริการเเก่ข้า”

 

หญิงคนนั้นสวมเสื้อผ้าสีแดงบางๆ และเสื้อคลุมไหล่ของเธอ เผยให้เห็นผิวที่ขาวนวลของเธอ ทำให้ชายใดที่เห็น ก็ต่างพากันจ้องมองเธอ

 

อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้มองดูชุดบางๆของหญิงสาวผู้นั้น และพยักหน้า “ขอบใจ เจ้าช่วยจัดเตรียมที่พักให้ข้าก่อน ได้หรือไม่”

 

“ได้เจ้าค่ะ.” หญิงผู้นั้นจับมือเขา และพาพวกเขาไปยังห้องพักที่ถูกจัดเตรียม

 

ซูถัง ที่ยืนอยู่ด้านหลังหลินเสี่ยวเฟย ก็กล่าวขึ้น “ทำไมจู่ๆ คุณหนูถึงมองหาหญิงสาวสวยล่ะ เจ้าคะ?”

 

“มีเหตุผลอะไรอีกล่ะ แน่นอนว่าในฐานะที่ข้ามาใช้บริการที่นี่ ข้าก็ต้องการความสนุกจากเหล่าสาวงาม” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวตอบ ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

 

อย่างไรก็ตาม ซูถังก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ ดังนั้น จิตใจของเธอก็รู้สึกสับสนเเละสงสัยเกี่ยวกับความชอบของคุณหนูของเธอ

 

เป็นไปได้ไหม ว่าตอนนี้คุณหนูของเธอมีรสนิยมที่ต่างไปจากเดิม หลังจากที่เธอต้องอยู่ในคฤหาสน์มานานถึงสามปี? ซูถังคิดและใบหน้าของเธอเริ่มแดง

The Birth of a Villainess

The Birth of a Villainess

กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess “เจ้าไม่ได้ตัวคนเดียว เราเป็นหุ้นส่วนในอาชญากรรม หากเจ้าเป็นแม่มด ข้าก็จะเป็นพ่อมดของเจ้า” … หลังจากการตายอย่างโหดร้ายของเธอ เสี่ยวเฟยพบว่าตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของคุณหนูที่งดงามจากตระกูลหลินผู้สูงศักดิ์ที่มีชื่อเดียวกันกับเธอ เธอเกิดมาพร้อมกับใบหน้าอันงดงามที่ไม่มีใครเทียบได้ เอาชนะใจชายทุกคนและแม้แต่ผู้หญิงก็ต่างอิจฉาในชีวิตที่แล้วของเธอ แต่เธอกลับตกหลุมรักองค์ชายอย่างโง่เขลา และถูกลิขิตให้ตายอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของคนที่เธอรัก ในชีวิตและร่างกายใหม่นี้ กลอุบายอันชั่วร้ายและเรื่องอื้อฉาวก็ยังวนเวียนอยู่รอบตัวเธอ แม้จะเกิดใหม่แล้วก็ตาม เธอก็เริ่มทำแบบเดียวกันกับคนเหล่านั้นและจะโหดเหี้ยมต่อผู้ที่คิดต่อต้านเธอ ชายหนุ่มและและหญิงสาวต้องโค้งคำนับ บัลลังก์ทองคำต้องถูกส่งต่อ อาณาจักรจะต้องถูกพิชิตและเผาทำลาย หัวใจต้องถูกแย่งชิง ด้วยยุคอันโหดร้ายเช่นนี้ ผู้คนทำได้เพียงพยายามบังคับและป้องกันตนเองจากอันตราย อย่างไรก็ตาม ใครจะคิดว่าชายที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและเย่อหยิ่งจะเข้ามาในชีวิตของเสี่ยวเฟยอย่างกะทันหัน? และเขายังกระซิบข้างหูของเธออย่างไร้ยางอายว่า “ศัตรูของภรรยาข้าก็คือศัตรูของข้า และความปรารถนาของภรรยาข้าก็คือความปรารถนาของข้าเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้ายังมีความปรารถนาอีกอย่างหนึ่งที่มีแต่ภรรยาข้าเท่านั้นที่จะมอบให้แก่ข้าได้” “นั่นคือภรรยาข้าต้องกลายเป็นอาหารเช้า กลางวัน เย็น ให้แก่ข้า” เสี่ยวเฟย: “……”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset