เมื่อหลินเสี่ยวเฟยกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิน เธอก็สั่งให้คนรับใช้ทุกคนในลานบ้าน ห้ามมารบกวนเธอและไล่ให้พวกเขาออกไปทั้งหมด
หลังจากที่เธอปิดประตู ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนรับใช้ที่เดินจากไป หลินเสี่ยวเฟยรู้สึกว่าพลังงานของเธอถูกระบายออกไปทั้งร่าง และนั่งลงบนพื้นอย่างเฉยเมย
ภายในห้องสว่างไสวด้วยเทียนหอมที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่ความเจ็บปวดในใจของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอเย็นลงไปถึงกระดูก
เหตุผลที่เธอไปที่ไป่ฮัวโหลว ก็เพื่ออยากไปดูว่าชูชูเป็นอย่างไร และพูดคุยเกี่ยวกับกล่องที่เธอขโมยมาจากพระสนมเซียน อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นเพื่อนของเธออยู่ในสภาพเช่นนั้น หลินเสี่ยวเฟยไม่รู้เลยว่าเธอจะหันไปร้องไห้กับใครได้
เธออยากจะบอกกับชูชู ว่าเธอคือเสี่ยวเฟย แต่เธอคิดว่ามันจะทำให้ชูชูสับสน หลินเสี่ยวเฟยจึงไม่ได้ดำเนินการตามแผนของเธอ
ใครจะเชื่อ ว่าเธอได้เกิดใหม่ และกลายเป็นคุณหนูหลินเสี่ยวเฟย?
แต่เมื่อได้เห็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอที่อยู่กับเธอมาเป็นเวลานานต้องมีสภาพเป็นเช่นนี้ มันทำให้จิตใจของหลินเสี่ยวเฟยรู้สึกแตกสลาย
น้ำตาในดวงตาของเธอไหลอาบแก้ม เธอพยายามปกปิดความเจ็บปวดและความโศกเศร้าด้วยการหนีออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันยากที่เธอจะสงบสติอารมณ์ลงได้
เธอคร่ำครวญอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน
ทั้งชีวิตที่ยุ่งเหยิง เเละความยากจนของเธอเมื่อตอนเธอยังเด็ก เธอยังต้องมาเจอกับชีวิตที่แสนทรมานหลังจากแต่งงานกับหยูเฟิงซู ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อก่อนมากนัก เธอยังคงต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด มองหาที่พักพิง และหัวใจของเธอยังคงเจ็บปวดเสมอ
มันคงไม่เป็นไรมากนัก หากมีเพียงเธอผู้เดียวจะที่ได้รับความความเจ็บปวด แต่หยูเฟิงซูไม่ละเว้นชูชู เธอไม่รู้สาเหตุว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกับชูชู แต่เธอรู้ถึงวิธีการของหยูเฟิงซูมันคงจะส่งคนของมันไปทำร้ายจิตใจของชูชูโดยการบอกเล่าเรื่องราวจุดจบของเสี่ยวเฟย
เธอสูญเสียสิ่งต่างๆมากมายในชีวิตที่แล้ว แต่การสงบสติอารมณ์และคงสติไว้ยังคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่ดี แม้หลังจากเธอเกิดใหม่แล้วก็ตาม
และกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ หลินเสี่ยวเฟยรู้สึกหมดหนทาง
หลังจากนั้นไม่กี่นาที หลินเสี่ยวเฟยก็ลุกขึ้นยืนและล้มตัวนอนลงบนเตียงของเธอ โดยที่ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า
เธอบังคับตัวเองให้หลับใหลเพื่อหนีจากความเจ็บปวด
…
ในลานตะวันตก
ฮูหยินสองซงหยานยี่ และฮูหยินหนึ่งหวู่จิงหยาน กำลังทานอาหารว่างที่ลานบ้านของฮูหยินสอง
บ้านหลังนี้ เป็นที่ที่ซงหยานยี่และหลินซาง อาศัยอยู่กับลูกสองคนของพวกเขา
ลานบ้านของพวกเขานั้นหรูหรา และเต็มไปด้วยสิ่งสวยงาม เมื่อเทียบกับลานตะวันออกที่หลินเซียวเหมิงอาศัยอยู่ มีของเก่าและเฟอร์นิเจอร์มากมาย ที่ประดับประดาอยู่ในลานบ้าน ทำให้สามารถบอกได้ว่าตระกูลหลินสาขาสองของหลินซางนั้น เขากำลังรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของการเป็นตระกูลผู้สูงศักดิ์ระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ฮูหยินหนึ่งหวู่จิงหยานอาศัยอยู่อยู่ส่วนแรกของคฤหาสน์และอยู่ตรงข้ามกับลานที่สอง แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่กับฮูหยินสองในเวลานี้?
ก่อนหน้านี้เมื่อซงหยานยี่ไปที่ลานตะวันออก ข่าวที่เธอทะเลาะกับหลินเสี่ยวเฟยได้แพร่กระจายไปในทันทีราวกับไฟลามทุก ทุกคนในคฤหาสน์ตระกูลหลินก็รู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว แต่เขาอยากรู้รายละเอียดทั้งหมด เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในลานตะวันออก ดังนั้น หวู่จิงหยานจึงอยากมาถามเธอ
“น้องสอง จริงหรือไม่ที่ตระกูลซู มายกเลิกการหมั้นหมาย?” หวู่จิงหยานกล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันฟังดูขัดแย้งกับน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวลของเธอ
เรื่องทีตระกูลซูได้มายกเลิกการหมั้น ได้แพร่กระจายออกไปแล้ว หลังจากที่สาวรับใช้ในคฤหาสน์ตระกูลหลินได้นำเรื่องนี้ไปซุบซิบกันระหว่างที่พวกเขาทำงาน และซงหยานยี่ก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้เธอกล่าวว่า “ใช่ ข้าได้ยินเรื่องนี้จากท่านพ่อเช่นกัน ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ได้รู้ว่าคุณหนูสี่อาจไม่ได้แต่งงานเพราะสาเหตุนี้”
“เป็นข่าวที่แย่มากจริงๆ” หวู่จิงหยาน ยกถ้วยชาขึ้นและจิบพร้อมกล่าวต่อว่าจิบชา “แต่นี่เป็นข่าวดีสำหรับเรา”
เมื่อซงหยานยี่ได้ยินสิ่งนี้ เธอเลิกคิ้วขึ้นแต่เธอก็ไม่ได้คัดค้านคำพูดนี้
ในเมื่อการหมั้นของหลินเสี่ยวเฟยพังทลาย หลินเสี่ยวเฟยคงไม่สามารถหาตระกูลผู้สูงศักดิ์ระดับสูงมาแต่งงานกับเธอได้อีกต่อไป
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสาขาแรกและสาขาที่สองของตละกูลหลิน กำลังปวดหัวกับเรื่องการหมั้นของหลินเสี่ยวเฟยกับบุตรชายของตระกูลซู
พวกเขาต่างตกใจเมื่อได้ยินว่าตระกูลซูมาเยี่ยมหลินเซียวเหมิงและต้องการยกเลิกการหมั้นของหลินเสี่ยวเฟย แต่ด้วยข่าวการหมั้นถูกยกเลิกไป ทำให้ทั้งสาขาหนึ่งและสาขาสอง ต่างก็มีความสุขเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีภาระหนึ่งของพวกเขาได้ถูกยกออกจากบ่าของพวกเขาแล้ว ตอนนี้พวกเขาสามารถทำอะไรอย่างเปิดเผยมากขึ้น หากต้องรับมือกับหลินเสี่ยวเฟย
“นี่คงจะเป็นเวลาที่ดี ที่จะทำอะไรบางอย่าง” จู่ๆ หวู่จิงหยานจึงกล่าวถามซงหยานยี่”เจ้าคิดจะทำเช่นไร”
ทั้งฮูหยินหนึ่งและฮูหยินสอง จึงรวมตัวกันเพื่อวางแผน พวกเขาเปรียบเสมือนพี่น้องกัน หลังจากที่พวกเขาใช้เวลาเกือบสองทศวรรษในคฤหาสน์ตระกูลหลิน
และด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาที่ดูจะสนิทสนมกัน จึงทำให้พวกเขากล้าที่จะบอกกันถึงแผนการชั่วร้ายของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีเเผนการบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกับหลินเสี่ยวเฟย
ดังนั้น หวู่จิงหยาน จึงไม่ปิดบังเจตนาอันชั่วร้ายของเธอและบอกกับซงหยานยี่โดยตรง
ไม่กี่นาทีต่อมา ซงหยานยี่กับหวู่จิงหยาน ใบหน้าของเขาทั้งคู่ได้ฉีกยิ้มออกมา เเละรอยยิ้มของพวกเขาดูเป็นที่น่าสยดสยองอย่างมาก เเละเป้าหมายยิ่งดูชัดเจนมากขึ้นเมื่อพวกเขายังคงพูดคุยกันต่อไป