ลมหนาวเริ่มพัดมาจากทิศตะวันตก
ใบไม้พัดปลิวไสว จิ้งหรีดร้องประสานเสียงกันที่ไหนสักแห่งในสวน
ทันใดนั้น ก็มีร่างๆหนึ่ง รีบวิ่งไปที่ลานด้านหน้าโดยไม่ลังเล เสียงฝีเท้าของร่างๆนั้น ก้าวไปอย่างแผ่วเบาๆและเห็นเพียงแต่เงาที่ไร้เสียง ไม่มีใครในลานบ้านได้ยินแม้แต่น้อย
เมื่อร่างนั้นหยุดลง เขาก็เปิดประตูและปิดอย่างเงียบๆ เเละก้าวเข้าไปในห้องที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด และมีเเค่แสงเทียนที่อยู่ข้างเตียงเท่านั้น เเต่มันก็ดับไปเสียก่อนที่ร่างนั้นจะมาถึง
คนผู้นั้น กวาดตามองไปยังรอบห้อง และรู้สึกทึ่งกับของเก่าและเฟอร์นิเจอร์ที่ราคาแพงภายในห้องนี้ เขาต้องการสัมผัสสิ่งของเหล่านั้น แต่เขาก็คิดขึ้นได้ว่ามีงานอื่นที่จะต้องรีบทำ เขาส่ายหัวและหยุดตัวเองจากอาการฟุ้งซ่าน
เเละค่อยๆเดินไปที่เตียง จู่ๆชายผู้นั้นก็ดึงเข็มขัดและถอดเสื้อผ้าออก ในไม่ช้าเสื้อผ้าก็ร่วงหล่นไปกองอยู่บนพื้น
ชายผู้นั้น ถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย และตอนนี้เขาแทบจะมีอะไรไม่ปิดบังกายของเขา เขาจะหยุดเดินก็ต่อเมื่อเขาได้สัมผัสกับขอบเตียงที่หญิงสาวผู้หนึ่งกำลังหลับใหลอยู่
เค่อซ่ง ชายผู้ที่มาในคราบของขโมย เเละใต้ม่านราตรีเขาเป็นชายโสเภณี เขาได้รับเงินจำนวนมหาศาล เพื่อจ้างวารมาให้ทำลายชื่อเสียงของหญิงสาวผู้นี้
เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนจ่ายเงินให้เขา เพราะเป็นคนรับใช้ที่ไปเจรจากับเขา และเขาก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าหญิงสาวที่เขากำลังจะกระทำนั่นคือใคร
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รู้ว่า เขาจะต้องกลายเป็นโจรขโมยดอกไม้ (หรือที่รู้จักว่า ชายผู้หนึ่งที่กำลังจะเอาดอกไม้พรหมจารีไป โดยไม่ได้รับความยินยอม) เเต่เค่อซ่ง ก็มีความสุขและพอใจเป็นอย่างมาก ในฐานะที่เป็นโสเภณีชายที่พึ่งพาแต่หญิงที่ขี้เหร่และอายุมากที่มาซื้อบริการของเขา เเต่หญิงสาวที่อยู่บนเตียงนั้น เปรียบเสมือนขนมหวานชั้นเลิศ ที่เขาไม่เคยพบเจอ
ไม่เพียงแต่ เขาจะได้รับเงินจำนวนมหาศาลเท่านั้น เเต่เขายังสามารถสนุกสนานกับหญิงสาวผู้นี้ได้อีกด้วย
เมื่อมองลงไปที่ร่างเล็กๆของหญิงสาวผู้นั้น เค่อซ่งเลียริมฝีปากของเขาราวกับสัตว์ร้ายที่หิวโหยและกำลังจะเอื้อมมือไปแตะหญิงสาวบนเตียง ทันใดนั้น เขาเห็นแสงสีเงินวาบอยู่ข้างหน้า และเเสงนั้นกำลังพุ่งมาที่เขา
หญิงสาวบนเตียงที่แต่เดิมนอนตะแคงโดยหันหลังให้กับเค่อซ่ง และเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้เธอ เค่อซ่ง ก็ไม่ทันสังเกตว่าหญิงสาวผู้นั้นได้ตื่นขึ้นเเล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่คิดว่าเธอจะดึงปิ่นปักผม ออกมาและแทงไปที่ตาซ้ายของเขาอย่างโหดเหี้ยม
ปลายของปิ่นปักผมแทงทะลุดวงตาของเขา และในไม่ช้าเค่อซ่งก็กรีดร้องออกมาดังลั่น อย่างไรก็ตาม เสียงกรีดร้องของเขา ดังขึ้นไม่ได้นาน ปากของเขาก็ถูกอุดด้วยผ้าห่ม เพื่อกลบเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสจากตาซ้ายของเขา เค่อซ่งล้มลงบนพื้นในขณะที่เขาดิ้นรน แต่หญิงสาวที่แทงเขาก็ไม่หยุดเพียงแค่นั้น
จนทั้งสองล้มลงกับพื้นเสียงดัง เค่อซ่งลงไปนอนหงายอยู่บนพื้น โดยมีหญิงสาวก็กำลังคร่อมเขาอยู่
ก่อนหน้านี้ หลินเสี่ยวเฟยบังคับตัวเองให้หลับเพราะความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่เธอรู้สึก เเต่ดวงตาของเธอก็ไม่ฟังยอมฟังและยังคงเบิกกว้างอยู่ตลอดเวลา เธอพบว่าตัวเองนอนไม่หลับ หลังจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงวันเดียว
อย่างไรก็ตาม เธอไม่คิดว่าจะมีคนกล้าพอที่จะแอบมายังลานบ้านของเธอ และพยายามจะทำลายดอกไม้พรหมจรรย์
ยิ่งไปกว่านั้น ชายที่เข้าโจมตีเธอ ดูเหมือนเขาจะแน่ใจ ว่าไม่มีใครอยู่รอบๆลานบ้านของเธอ จนทำให้เขาทำอะไรโดยไม่ลังเลเข้ามาในลานบ้านของเธอ
ถึงแม้หลินเสี่ยวเฟย เป็นผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านศิลปะการต่อสู้ แต่เด็กก็ยังรู้วิธีฆ่าเมื่อตกอยู่ในอันตราย
เธอนั่งคร่อมบนหน้าอกของชายคนนั้นและใช้มือของเธออุดผ้าห่มไว้ในปากของเขา ในขณะที่มืออีกข้างของเธอยังคงถือปิ่นปักผม ซึ่งเธอจะไม่มีทางปล่อย แม้ในขณะที่ทั้งสองคนจะล้มลงบนพื้นแล้วก็ตาม
หลินเสี่ยวเฟย พยายามไม่ให้ชายคนนั้นขยับตัวได้ และออกแรงเเทงปิ่นปักผมให้ลึกเข้าไปในดวงตาของเขา เพื่อที่จะทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลง ซึ่งเธอได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดจากเค่อซ่งอีกครั้ง
หลินเสี่ยวเฟย มีชีวิตอยู่มาสองช่วงชีวิตแล้ว และเธอต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากในช่วงชีวิตก่อน เธอรู้ดีว่าเสียงกรีดร้องเช่นนั้นเป็นอย่างไร แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกสงสาร เเละเธอยังอยากทำให้ผู้ชายที่ต้องการทำร้ายเธอรู้สึกเช่นเดียวกัน
ทั้งมือของเธอเเละปิ่นปักผมที่เธอถืออยู่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เค่อซ่งพยายามเอามือของเธอออก เเละเขายังได้ทิ้งรอยถลอกไว้บนข้อมือที่ขาวราวกับไข่มุกของเธอ แต่หลินเสี่ยวเฟยยังคงเพิกเฉยและยังคงดันปิ่นปักผมให้ลึกลงไปอีก
เธอโน้มตัวไปข้างหน้าและกระซิบข้างหูของเค่อซ่งอย่างเย็นชาว่า “ใครส่งเเกมา?”