“แม่ทัพหลิน เป็นไปได้อย่างไร!” หลินเสี่ยวเฟยอ้าปากค้างและดูตกใจจนหน้าซีด
เธอเอามือปิดปากไว้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธที่เธอไม่ได้ปกปิด
เมื่อเห็นดังนั้น เค่อซ่ง ก็รีบเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ “ข้าถูกคนใช้นำทางมายังที่นี่ ใครล่ะที่อำนาจที่สุดในคฤหาสน์นี้ หากไม่ใช่แม่ทัพหลิน?”
‘โอ้? ดูเหมือนว่าเขาจะฝึกฝนมามาก จนสามารถพูดออกมาได้อย่างราบรื่น’ หลินเสี่ยวเฟยคิด อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนแปลง และเธอยังคงดูเหมือนตกใจมาก กับสิ่งที่เขาพูด
ขณะที่เธอกำลังขบคิด เค่อซ่งก็สาปแช่งเธออยู่ในหัวใจ และเขารอโอกาสที่จะกลับสถานการณ์ของเขา ‘ถูกตัอง! จงกังวลต่อไป รอก่อนเถอะรอให้เจ้าลดความระมัดระวังลง! ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้กับสิ่งนี้ และจะทำในสิ่งที่เจ้าไม่เคยคิด ว่าข้าจะทำกับหญิงสาวได้ลงคอ!
เขาเกิดในซ่องโสเภณีและรู้ว่าสิ่งเลวร้ายเป็นเช่นไร เพราะเขายังเคยอยู่ในซ่องที่มีระดับต่ำที่สุด
เมื่อหญิงสาวถูกขายให้กับซ่องโสเภณีระดับต่ำ พวกนางจะถูกบังคับให้ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน กับแขกที่แตกต่างกันเพื่อหารายได้ ค่าจ้างของพวกนางยังน้อยอย่างมาก เเละสามารถกินอาหารได้เพียงวันละสองครั้ง และจะต้องทำงานทันทีหลังจากที่กินอาหารเสร็จ
พวกเขาไม่มีเงินเหลือเลยและไม่มีเวลาแม้กระทั่งพักผ่อน มิฉะนั้น พวกเขาจะถูกทุบตีโดยผู้จัดการซ่อง และที่แย่ที่สุด พวกเขาจะถูกขายให้กับพวกโจร บางคนเลือกที่จะปลิดชีพตัวเองมากกว่าที่จะรับใช้เหล่าโจรที่โหดร้ายพวกนั้น
เค่อซ่ง เคยได้ยินวิธีเลวทรามอีกสองสามวิธี ที่ใช้กับหญิงสาวจากซ่องระดับต่ำให้ต้องทนทุกข์ทรมานเมื่อพวกนางไม่เชื่อฟัง
ด้วยความรู้มากมายในเรื่องนี้ เค่อซ่งอาจจะไม่เคยทำมาก่อน แต่เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเขาจะใช้มันเพื่อทรมานลงโทษหญิงสาวที่ทำให้เขาตาบอดข้างหนึ่งนี้อย่างแน่นอน
เค่อซ่ง กำลังจะกล่าวขึ้น แต่แล้วเมื่อเขาลืมตาขึ้นเพื่อสังเกตุการแสดงออกของเธอ เขาก็เหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็นทันที เขาเห็นถึงความเฉยเมยเเละไม่แยแสบนใบหน้าของเธอ – แต่มันกลับชวนให้น่าหลงใหลอย่างยิ่ง
ดวงตาของเธอ ซึ่งเป็นดวงตาสีน้ำตาลแดงรูปอัลมอนด์งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น มันมีความโค้งเล็กน้อยเนื่องจากสายตาที่เย่อหยิ่งและยังเป็นประกายอยู่เล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของเธอที่งดงามจนไม่มีใครเทียบเคียงได้ ช่างดูเย้ายวนยิ่งนักเมื่อได้พบเห็น
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น จะเห็นเพียงความมืดมิดและความว่างเปล่า
ที่เค่อซ่งมีลางสังหรณ์ว่า เขาน่าจะพ่ายแพ้ในเกมนี้
เค่อซ่ง สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัวและใช้กำลังทั้งหมดของเขาเพื่อผลักหลินเสี่ยวเฟยออกไป ไม่ใช่ว่าเขาต้องการทำเรื่องชั่วร้ายกับเธอ แต่เพียงเพราะเขาต้องการหนี
ยิ่งเขามองดูใบหน้าที่สวยงามของเธอมากเท่าไหร่ เค่อซ่งก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังเห็นยมทูตยิ้มให้กับเขา มันเหมือนความตายที่เข้าใกล้เขามาทุกที
เค่อซ่ง กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ไม่! ไม่!” เขาพยายามคลานออกไปพร้อมตะโกน “ช่วยด้วย!”
หลังจากถูกผลัก หลังของหลินเสี่ยวเฟยไปก็กระแทกที่มุมเตียง เธอตกใจมากกับพฤติกรรมแปลกๆของเค่อซ่ง ราวกับว่าเขาเพิ่งเห็นผีที่อยู่บนใบหน้าของเธอ
เธอขมวดคิ้ว และมองไปยังเค่อซ่งที่กำลังคลานอยู่บนพื้นและพยายามที่จะหนีไป ในขณะที่เขาชี้มาที่เธอแล้วกรีดร้อง “นังปีศาจ! เเก…อย่าเข้ามาใกล้ข้า!”
เขายังคงมีเลือดไหลออกจากดวงตา ที่มีปิ่นปักผมปักคาอยู่ ในขณะที่เขามีเสื้อผ้าเพียงน้อยชิ้นที่ยังปกคลุมร่างกายของเขาอยู่ เขามีรูปร่างที่ดูดีมาก อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้เเสดงอาการเหมือนหญิงสาวปกติที่เห็นชายเปลือยกาย เเล้วต้องปิดตาและหน้าแดง
นอกจากนี้ รูปร่างแบบนั้นก็ไม่ใช่รสนิยมของเธอ และเป็นไปได้ว่าหญิงที่จะต้องน้ำลายสอใส่เขา คือหญิงที่มีอายุมากกว่าหรือบางคนที่มีรสนิยมแปลกๆ
เหงื่อหยดเล็กๆค่อยๆไหลลงจากแผ่นหลังของเค่อซ่ง ขณะที่เขากำลังพยายามคลานถอยหลังออกไป เสียงกรีดร้องของเขาก็ดังขึ้นมันฟังดูคล้ายกับหมูที่กำลังจะถูกฆ่าในขณะที่เขากำลังจะคลานไปถึงประตู และจะเปิดประตูเพื่อหลบหนี แต่แล้ว เขาก็ได้ยินเสียงของหลินเสี่ยวเฟยพูดอยู่ข้างหลังเขา
“หุบปาก ถ้ามีคนได้ยินเสียงเจ้า พวกเขาก็จะเเห่กันมาที่นี่…” เธอถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกขยะแขยง และกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็สัญญาไม่ได้ ว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เค่อซ่งก็รีบหุบปากทันที เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมร่างกายของเขาถึงเชื่อฟังคำพูดเธอ แต่เนื่องจากบาดแผลของเขา เขาจึงไม่สามารถคิดอะไรได้อีก
ความเจ็บปวดในตาซ้ายของเขา ทำให้การมองเห็นและความคิดของเขาเริ่มพร่ามัว เเละการตัดสินใจของเขาก็ยุ่งเหยิงไปหมด
เขาอยู่ห่างจากประตูเพียงฟุตเดียว และหากเขาเดินไปอีกเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็จะสามารถออกไปยังประตูทางเข้า เเละหนีไปจากลานบ้านหลังนี้ ไปให้พ้นจากปีศาจที่น่าสยดสยองในที่แห่งนี้
ทันใดนั้น ความมุ่งมั่นก็พุ่งเข้ามาในจิตใจของเขา และเค่อซ่งก็ค่อยๆขยับตัว อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถทำในสิ่งที่เขาคิดให้เสร็จสิ้นได้ และก่อนที่เขาจะรู้ตัว เขาเห็นเก้าอี้กำลังจะฟาดเข้ามาที่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็วจนเขาไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ทัน
และสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยิน ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินการมองเห็นของเขา คือ “หลับไปเถอะ ไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลเจ้าเอง”
ไม่นานเสียงของเก้าอี้ก็ตกลงบนพื้น พร้อมกับเค่อซ่งที่กำลังล้มลงไปนอนจมกองเลือด
หลังจากที่ หลินเสี่ยวเฟยใช้เก้าอี้ที่อยูข้างเตียงของเธอ ฟาดไปที่หัวของเค่อซ่ง เธอก็ยกมือที่อ่อนล้าขึ้นมาปัดฝุ่น และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เอาล่ะ ข้าจะทำอย่างไรต่อไปดี”