ทั้งหวู่จิงหยานและซงหยานยี่ หันไปมองไปยังหญิงสาวที่กำลังยิ้มให้พวกนาง
หลินเสี่ยวเฟยยืนอยู่ มือของเธอพับอยู่ข้างหน้า และไม่ได้ดูกังวลกับสิ่งใดหรือแสดงท่าทีออกมาว่าเธอประสบกับความทุกข์ทรมานเมื่อคืนนี้
เธอยังคงสวมชุดเดรสสีดำ ที่ทำให้ผิวขาวของเธอดูขาวซีดกว่าปกติ แต่ก็ไม่ทำให้ผิวของเธอดูเหมือนคนป่วย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮูหยินทั้งสองก็ตกตะลึงทันทีและไม่สามารถตอบได้เร็วนัก เพราะพวกเขาต่างก็สับสนว่าเหตุใดคุณหนูสี่แห่งตระกูลหลิน ยังคงเดินได้อย่างอิสระและมีชีวิตชีวาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
เมื่อเห็นหลินเสี่ยวเฟย หัวหน้าพ่อบ้านหลิวก็ทำตัวเเข็งคล้ายเป็นหิน เขาวางแผนที่จะแก้ตัวกับนายหญิงทั้งสอง และโกหกพวกนางเกี่ยวกับคนที่ถูกแขวนอยู่บนคาน เขาไม่สามารถบอกให้เจ้านายของเขารู้ได้ว่าเขานั้นทำภารกิจล้มเหลว เป็นไปได้ว่ามีคนในคฤหาสน์ตระกูลหลิน ที่แขวนคอศพไว้ที่ลานตะวันตก โดยเฉพาะ คุณหญิงทั้งสองที่มักจะชอบออกมาเดินเล่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาพูดถึงข้อแก้ตัวของเขาต่อคุณหญิงทั้งสอง
หลินเสี่ยวเฟยก็มาถึงอย่างสบายๆ และยังยิ้มให้พวกเขา ราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หัวหน้าพ่อบ้านหลิว ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ และมีเพียงเค่อซ่งเท่านั้นที่รู้แผนการของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ด้วยศพที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา และหญิงสาวที่งดงามไร้ที่ติที่ยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจของหัวหน้าพ่อบ้านหลิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย
เขามองไปที่นายหญิงทั้งสองที่กำลังตกตะลึง และก้มศีรษะลงเพราะกลัวว่าจะถูกตัดหัวเพราะความล้มเหลวของแผนการทั้งหมด
หวู่จิงหยาน ขมวดคิ้วกับการปรากฏตัวของหลินเสี่ยวเฟย ความกลัวและความสับสนเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจของเธอ
“คุณหนูสี่” ซงหยานยี่ เรียกชื่อหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า เธอเองก็อยากรู้เช่นกันว่าหลินเสี่ยวเฟยยังคงมาที่แห่งนี้ ด้วยสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร ในเมื่อความจริงแล้ว เธอควรจะคร่ำครวญอยู่ในห้องของเธอ หลังจากที่ถูกขโมยดอกไม้พรหมจารีเเละทำให้แปดเปื้อนไปด้วยมลทิน
ด้วยรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของหลินเสี่ยว ระหว่างฮุหยินทั้งสอง ซงหยานยี่เป็นคนแรกที่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และมองไปทางหลินเสี่ยวเฟยอย่างตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเฟยรู้สึกเพิกเฉยต่อปฏิกิริยาของพวกเธอ และค่อยๆเลิกคิ้วขึ้น
ขณะที่เธอกล่าวออกมาว่า “นี่มันอะไรกัน? คนใช้ในตระกูลหลินของข้า ทำไมถึงดูมีอิสระมากขนาดนี้ พวกเขามายืนเบียดเสียดกันที่ลานตะวันตกอยู่ทำไม ไม่ไปหน้าที่ของตนเลยหรือไร ข้าเดาว่าท่านตาคงจะใจดีกับพวกเขามากเกินไป แต่ข้าไม่เห็นเหตุผลใดๆ ว่าทำไมท่านตาถึงยังเก็บคนใช้เหล่านี้ไว้ ในเมื่อพวกเขาไร้ประโยชน์เช่นนี้”
เมื่อเหล่าคนใช้ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดที่รวมตัวกันอยู่ หัวหน้าพ่อบ้านหลิว และคุณหญิงทั้งสองก็ตกตะลึงในทันที ผู้คนเริ่มสลายตัวกันออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเสี่ยวเฟย เพราะพวกเขากลัวว่าพวกเขาจะตกงาน หากคุณหนูสี่รายงานเรื่องนี้ต่อหลินเซียวเหมิง
พวกเขารู้ว่าเมื่อรู้ว่าหลินเซียวเหมิงเอ็นดูเธอมาก พวกเขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกและรีบเดินออกไปโดยถือไม้กวาดและถังของพวกเขาโดยไม่หันกลับมามอง
พวกเขารู้มานานแล้ว ว่าเลือดที่ไม่ดีเกิดขึ้นในตระกูลหลิน นี่คือความรู้สึกที่พวกเขามีต่อหลินเสี่ยวเฟย ไม่ว่าพวกเขาจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องนี้มากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหลินเสี่ยวเฟย ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะเสี่ยงที่จะตกงานนั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ
เหล่าคนรับใช้ต่างก้มศีรษะ ก่อนจะรีบออกจากลานตะวันตกอย่างเงียบๆ
หัวหน้าพ่อบ้านหลิว หวังว่าเขาจะทำเช่นเดียวกับคนรับใช้คนอื่นๆ แต่ความจริงที่ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาทำได้เพียงยืนอยู่ที่นั่น และยอมรับผลจากเเผนการที่ล้มเหลว
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าคุณหนูสี่เเห่งตระกูลหลินนั้นโง่เขลา และหยิ่งผยอง และมักจะแพ้การโต้เถียงกับนายหญิงทั้งสองของเขาอยู่เสมอ และด้วยนายหญิงทั้งสองที่โปรดปรานเขา เขาก็เลยหยิ่งผยองมากเช่นกันและเขาก็อยากจะเห็นหลินเสี่ยวเฟยต้องพ่ายแพ้อีกครับ
สำหรับศพที่อยู่เบื้องหลังนั้น พวกเขาต้องจะปฏิเสธเรื่องความเกี่ยวข้องเป็นธรรมดา และแสร้งทำเป็นว่า พวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าหลินเสี่ยวเฟยจะพูดถึงมันต่อหน้าพวกเขาในทันที:
เมื่อเดินไปข้างหน้าสองก้าว หลินเสี่ยวเฟยเอียงศีรษะเล็กน้อย ขณะที่กล่าวว่า
“โอ้… มันถูกแขวนไว้อย่างดี ท่านตาของข้า ช่างรู้วิธีลงโทษกับผู้คนจริงๆ”
เมื่อหวู่จิงหยานและซงหยานยี่ ได้ยินเช่นนั้น พวกเธอก็รีบหันไปทางหลินเสี่ยวเฟย และมองเห็นร่างกายที่บิดเบี้ยวและน่าขยะแขยง เมื่อมองคิดถึงฐานะหญิงในลานชั้นใน พวกนางไม่คิดว่าจะพบเห็นสิ่งน่ากลัวเช่นนี้ ตั้งแต่เช้า
อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับปฏิกิริยาของคนรับใช้ ฮูหยินทั้งสองต่างรีบปกปิดการแสดงออกเพื่อซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงของพวกเธอทันที เมื่อดวงตาของพวกเธอมองไปยังศพที่แขวนอยู่คาน พวกเธอก็สังเกตเห็นใบหน้าที่มืดมนของหัวหน้าพ่อบ้านหลิว และเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น
หัวใจของซงหยานยี่ อยากจะกระโจนถามหญิงสาว ที่ดูเหมือนไม่ได้รับผลการกระทำใดๆจากซากศพที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาเลย “คุณหนูสี่หมายความว่าอย่างไร?” เธอกลืนน้ำลายอย่างแรงและถามออกมา “นี่… เป็นความคิดของท่านพ่อตาหรือ?”
“ท่านเข้าใจถูกแล้ว” หลินเสี่ยวเฟยยิ้มให้พวกเขา และไม่ปฏิเสธ “คนของท่านตาข้า พบว่ามีชายเลวทราม กำลังเดินอยู่ใกล้ลานบ้านของข้าเมื่อคืนนี้ และรู้สึกสงสัย จึงจับเขาและนำมาลงโทษ ข้าได้ยินมาว่า เขาอ้างว่าเป็นข้ารับใช้จากลานบ้านข้า แต่ข้าจะจำหน้าของพวกเหล่าคนใช้ของข้ามิได้เชียวหรือ”
เธอมองดูฮูหยินทั้งสอง และกล่าวต่อ “โชคดีที่สาวใช้ของข้า ได้เตือนเกี่ยวกับบุคคลที่น่าสงสัยผู้นี้และข้าก็ได้แจ้งท่านตาของข้าได้ทัน หรือใครจะไปรู้ว่าเค้าจะทำสิ่งเลวทรามเช่นไร ถ้าหากเขาเข้าไปในลานบ้านของข้า ท่านตาจึงลงโทษเขาด้วยการแขวนคอ … ข้าแค่แนะนำท่านตาของข้าเล็กน้อยเท่านั้น”
ราวกับว่าพวกเขาถูกฟ้าผ่าที่กลางอก หวู่จิงหยานและซงหยานยี่ รวมถึงหัวหน้าพ่อบ้านหลิว เหมือนกำลังถูกตบหน้าในที่ของพวกเขา เเละพวกเขาไม่อยากจะเชื่อ ในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้ยิน และรู้สึกราวกับว่า ความน่ากลัวกำลังคืบคลานเข้ามาภายในตัวของพวกเขา ขณะที่ดวงตาของพวกเขาจ้องมองไปที่ศพที่แขวนอยู่บนคาน
มันชัดเจนว่า หลินเสี่ยวเฟยกำลังหมายถึงอะไร จากคำพูดของเธอ
ความตั้งใจเเละเเผนการที่ชั่วร้ายของพวกเขาล้มเหลว และหลินเซียวเหมิงค้นพบด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจตามที่หลินเสี่ยวเฟยกล่าว เพื่อหาตัวคนที่จะพยายามทำร้ายหลานสาวของเขา
โดยปกติเขาพวกเขาต้องพยายามโต้เถียงกับหลินเสี่ยวเฟย แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะแตกต่างออกไป
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลินเสี่ยวเฟย ถึงบอกเรื่องนี้แก่พวกเขา?
แน่นอน หลินเสี่ยวเฟยไม่กลัวใครเลย เธอไม่อยากทำตัวเหมือนคนเสแสร้ง ที่ซ่อนตัวอยู่หลังหน้ากาก
นี่คือคำเตือนของเธอ พวกเขาจะฟังคำเตือนครั้งสุดท้ายของเธอหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องคิด โดยปกติหลินเสี่ยวเฟย จะไม่ยอมให้ศัตรูของเธอรอดชีวิตไป เมื่อเธอจับพวกเขาได้ แต่เนื่องจากตระกูลหลิน ยังมีประโยชน์กับตัวเธอเอง หลินเสี่ยวเฟยจึงยังไม่ได้อยากทำอะไรกับพวกเขา
แต่ความอดทนของหลินเสี่ยวเฟย นั้นนั้นมีจำกัด และถ้าหากพวกเขา ยังคงสร้างปัญหาให้แก่เธอ พวกเขาควรคิดก่อน ว่าพวกเขาจะรับผลที่ตามมาได้หรือไม่