ลานด้านตะวันตกทั้งหมด ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน
ในขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆขึ้น และส่องแสงสีทองอันอบอุ่นไปที่พวกเขา
คนสามคนในลานด้านตะวันตก ไม่กล้าพูดกล่าวอะไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เพราะกลัวว่าหากพวกเขาพูดอะไรไปมากกว่านี้ มันจะเหมือนเป็นการบอกใบ้
เป็นนัยๆว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา ไม่ได้บอกอะไรพวกเขาอย่างชัดเจน ที่อาจชี้ให้เห็นว่า
มีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เธอไม่ได้บอกพวกเขาด้วยซ้ำว่า ผู้บุกรุกนั้นถูกทรมานหรือสอบสวนหรือไม่ ถึงพวกเค้าจะอยากรู้เเต่พวกเขาก็คงไม่กล้าถามเช่นกัน
พวกเขากลัวว่า หากพวกเขาถาม พวกเขาจะยิ่งขุดหลุมฝังศพของตัวเองให้ลึกลงไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ ฮูหยินทั้งสองตระหนักว่า หลินเสี่ยวเฟยเต็มใจที่จะเปิดเผยกรงเล็บของนางให้กับทุกคนได้รับรู้ เพื่อให้ทุกคนไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาให้เธออีก มิฉะนั้นคมดาบอาจจะถึงตัวของพวกเธอเสียเอง
ความวิตกกังวลและความกลัวเริ่มถูกฝังลงในจิตใจของฮูหยินทั้งสอง คำพูดของหลินเสี่ยวเฟย ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของทั้งสองคน
ซงหยานยี่ยิ้ม และกล่าวกับหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเธอว่า “คุณหนูสี่ ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่แนะนำอะไรที่โหดร้ายเช่นนี้ใช่หรือไม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีผู้คนจากภายนอกได้ยินเรื่องนี้และข่าวจะกระจายไปทั่วเมืองหลวง”
“มีเเค่พวกเราที่อยู่ที่นี่ เเละจะมีผู้ใดอีก ที่จะทำให้ข่าวนี้ถูกกระจายไปทั่ว?” หลินเสี่ยวเฟยขัดจังหวะเธอ และหันไปมองที่หัวหน้าพ่อบ้านหลิว “นอกจากป้าหนึ่งและป้าสองแล้ว ก็มีเพียงหัวหน้าพ่อบ้านหลิวที่ถือเป็นคนนอกคนเดียวที่ไม่ใช่คนในตระกูลหลิน หวังว่าเจ้าคงจะไม่ลืมเจ้านายที่เลี้ยงเจ้ามาและให้เครื่องนุ่งห่มเเก่เจ้า”
รอยยิ้มของหลินเสี่ยวเฟยกว้างขึ้น ขณะที่เธอจ้องไปที่หัวหน้าบ่าวรับใช้เฒ่า ที่กำลังยืนสั่นเทา
ภายใต้ดวงตาที่เย็นชาที่มองมายังเขา
หัวหน้าพ่อบ้านหลิวส่ายหัว และกำลังจะตอบ แต่เขาได้ยินเสียงที่อ่อนโยน ของหลินเสี่ยวเฟย
เเทรกขึ้นว่า
“แต่อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของข้า ก็ไม่ได้มีอะไรดีอยู่เเล้ว จะแตกต่างกันอย่างไร ถ้าข้าจะมีข่าวลือไร้สาระเช่นนี้ เพิ่มขึ้นมา” หลินเสี่ยวเฟย กวาดตามองไปที่พวกเขา สายตาที่เย็นชาของเธอกวาดมองไปยังหวู่จิงหยานเเละซงหยานยี่ จนกระทั่ง ไปหยุดที่หัวหน้าพ่อบ้านหลิน
ถูกตัอง การกระทำของหลินเสี่ยวเฟยในอดีต เป็นเพียงเรื่องที่ตลกที่ชาวเมืองร่ำลือกัน
ทั้งในงานเลี้ยงน้ำชาและงานเทศกาล เพราะท่าทางที่หยาบคายและความเย่อหยิ่งของเธอ
ที่เหนือกว่าเหล่าราชวงศ์ และมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ชอบเธอ
พวกเขาเกลียดชังเธอ เพราะเธอมีใบหน้าที่สวยงาม ที่สามารถสะกดใจชายได้ตั้งแต่แรกเห็น และทำให้มีชายหนุ่มมากมาย ที่อยากจะได้เธอเป็นคู่ครอง เเละพร้อมที่จะปีนขึ้นไปจับมือเธอ
แต่ถ้าหากเธอมีอุปนิสัยที่เหมือนหญิงสาวผู้อื่น เธอคงกลายเป็นหญิงสาวที่มีคนหมายปองมากที่สุดในเมืองหลวงที่
ทันใดนั้น หลินเสี่ยวเฟย เดินผ่านพวกเขาและตรงไปยังศพที่ถูกแขวนไว้
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอไม่ได้จางหายไป แต่กลับฉีกยิ้มกว้างขึ้น เเละดวงตาของเธอก็เปล่งประกายออกมา เหมือนเธอกำลังเห็นเป็นที่สิ่งที่เธอชื่นชอบอย่างยิ่ง ราวกับว่าเธอกำลังได้ชื่นชมดอกไม้บาน ที่หายากที่สุดในศตวรรษนี้
‘พวกมัน ไม่แสดงความเมตตาต่อเหยื่อเลยจริงๆ’ เธอคิดขณะที่เธอสังเกตเห็นรอยกัดและรอยฟกช้ำที่นับไม่ถ้วน ที่ทำให้เค่อซ่งมีรูปร่างหน้าตาที่เสียโฉมเเละผิดเพี้ยนจากเดิม
เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่เค่อซ่งหมดสติไป หลินเสี่ยวเฟยก็ออกจากลานบ้านของเธอและมองหาทหารที่ทำงานภายใต้การดูแลของหลินเซียวเหมิง ในฐานะแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่
หลินเซียวเหมิง มีทหารส่วนตัวของเขา ที่ประจำการอยู่ทั่วคฤหาสน์ตระกูลหลิน
ทหารในที่พักของเเม่ทัพหลิน ได้รับคำสั่งให้ปกป้องสถานที่ทั้งหมดจากผู้บุกรุกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ตรวจสอบคนรับใช้ทุกคนในที่พัก เพราะไม่ใช่งานของพวกเขา
ดังนั้น เค่อซ่งจึงถูกพาเข้าไปในที่พัก โดยอ้างว่าเป็นหนึ่งในคนรับใช้ใหม่ ที่จะรับใช้เจ้านายในคฤหาสน์ตระกูลหลิน และผ่านเข้าไปในประตูคฤหาสน์ตระกูลหลินได้
เค่อซ่ง ได้ทำความคุ้นเคยกับสถานที่ในคฤหาสน์ตระกูลหลินทั้งหมด ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ที่นำเขาเข้ามา เขาจึงสามารถผ่านเข้าไปลานบ้านของหลินเสี่ยวเฟยได้โดยไม่มีการรบกวนใดๆ
เมื่อหลินเสี่ยวเฟยเห็นทหาร คนเหล่านั้นก็ตกใจแทบตายเมื่อเห็น เธอราวกับสิ่งมีชีวิตที่ผุดขึ้นมาจากยมโลก ชุดของเธอเปื้อนเลือดและไม่เป็นระเบียบ ใบหน้าของเธอเย็นชา และมีเลือดเต็มไปทั้งร่างกายเเละใบหน้า
หลังจากเล่าเรื่องราวให้ทหารฟังแล้ว หลินเสี่ยวเฟยก็ไม่ลืมที่จะข่มขู่ทหารที่น่าสงสาร
เเละให้บอกว่าเป็นความผิดของพวกเขา ที่ปล่อยให้ผู้บุกรุกบุกผ่านเข้ามา
และถ้าหากหลินเสี่ยวเหมิงรู้เรื่องนี้ หัวของเขาก็จะกลิ้งไปพร้อมกับผู้บุกรุกเช่นกัน
ด้วยคำพูดเหล่านั้น ทหารผู้น่าสงสาร ก็ทำในสิ่งที่เธอบอกให้พวกเขาทำ
อย่างแรก เธอบอกให้พวกเขาส่งเค่อซ่ง ไปที่ซ่องโสเภณีชายเเละขายโสเภณีชายผู้นี้
ให้กับเเขกที่เป็นชายเช่นเดียวกันอีกด้วย และเมื่อทหารได้ยินเช่นนั้น เขาก็กลัวหลินเสี่ยวเฟยมาก และรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
อย่างที่สอง หลังจากที่แขกชายเหล่านั้น ได้ย่ำยีกับเค่อซ่งเสร็จแล้ว ก่อนรุ่งสาง ทหารผู้น่าสงสาร
จะต้องนำศพไปแขวนคอไว้ที่คานหน้าบ้านของลานตะวันตก พวกเขาไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของสิ่งนี้คืออะไร แต่พวกเขาก็ยังคงทำตามที่เธอสั่ง
และสุดท้าย หลังจากที่แขวนศพเสร็จแล้ว เขาจะต้องแน่ใจ ว่าจะต้องมีผู้คนมาเห็นเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองเช่นนี้
ทหารผู้น่าสงสาร คงจะเหนื่อยและกังวล จนนอนไม่หลับหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนี้
พวกเขากลัวมาก ว่าจะมีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาเมื่อคืนนี้ แต่โชคดีที่ทักษะอันยอดเยี่ยมของพวกเขาในศิลปะการต่อสู้ ไม่มีใครพบเห็นพวกเขาหรือสงสัยพวกเขา
พวกเขาจึงสามารทำธุระที่คุณหนูมอบให้ได้สำเร็จ ด้วยเหตุจึงเป็นที่มาของศพเค่อซงที่แขวนอยู่
หลินเสี่ยวเฟยยกมือขึ้นและกำลังจะสัมผัสร่างกายของศพ เเต่มีผู้คนกำลังเดินมาข้างหลังเธอเเละกำลังจะตะโกนเพื่อหยุดเธอ
“คุณหนู!”
“คุณหนูสี่ ช้าก่อน!”
พวกเขาตกใจ เมื่อเห็นเธอพยายามแตะต้องศพอย่างตั้งใจ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และในทันที ความสงสัยของพวกเขาต่อสิ่งที่เธออ้างเกี่ยวกับการกระทำที่น่าสยดสยอง
ดังกล่าวก็หายไป และพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า เธอชั่วร้ายและโหดเหี้ยมเพียงใด