หลินเสี่ยวเฟย จ้องมองเขา
เธอไม่อยากเชื่อเลย ว่าชายหนุ่มสวมหน้ากากที่นั่งตรงข้ามเธอ จะเปรียบเทียบเธอกับสุนัข
เธอต้องการลุกขึ้นไปตบเขา แต่เธอมีเป้าหมายที่เธอจะต้องทำให้ได้ และชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอ ก็เป็นคนเดียวที่จะช่วยให้เเผนการของเธอ บรรลุเป้าหมายได้
แน่นอนว่ากองธนบัตรบนแขนเสื้อของเธอ จะมีบทบาทอย่างมากในการยื่นเสนอข้อตกลงเช่นกัน
“ทำไมเราไม่เลิกพูดถึงเรื่องไร้สาระ แล้วเริ่มคุยเรื่องธุรกิจกันเสียที และได้โปรด อย่าพูดว่าท่านไม่รู้ว่าว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร” เธอหยิบธนบัตรจากกระเป๋าแขนเสื้อของเธอ แล้ววางลงบนโต๊ะ “ข้ามีเงิน”
ในที่สุดเขาก็ประหลาดใจ ที่เธอรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่ซ่อนอยู่ที่หงเป่ยโหลว เพราะมีเพียงไม่กี่คนในเมืองหลวงที่รู้เรื่องนี้ และไม่มีทางที่หญิงสาวเจ้านิสัยเสียที่เอาเเต่ขังตัวเองให้ห่างจากฝูงชนเป็นเวลาสามปี จะรู้อะไรเกี่ยวกับหงเป่ยโหลวสถานที่เเห่งนี้
หรือ..หลินเซียวเหมิงเเห่งตระกูลหลิน อาจจะส่งเธอมาหรือไม่?
หรือบางทีอาจมีคนบอกหลินเสี่ยวเฟย และขอให้เธอเข้ามาสร้างปัญหาให้กับเขา
ฉู่เซียวซู มองลงไปที่กองธนบัตรบนโต๊ะ และรู้สึกสนใจในสิ่งที่เธอต้องการ เขาโน้มตัวลงไปข้างหน้า เเต่ไม่ใช่เพื่อจะหยิบธนบัตร แต่เพื่อให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลแดงของเธอชัดเจนขึ้น
ภายใต้แสงสีเหลืองอบอุ่นจากโคมไฟบนผนัง ดวงตาสีน้ำตาลแดงของหลินเสี่ยวเฟย ดูเหมือนพระอาทิตย์ตกที่ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใกล้
ฉู่เซียวซู ส่ายหัวและไม่แม้แต่จะมองไปที่กองธนบัตรที่อยู่ตรงหน้าเขา ราวกับว่าเงินจำนวนมหาศาลนั้น ยังไม่เพียงพอสำหรับเขา และไม่อาจดึงดูดเขาได้
“คุณหนู ท่านกำลังเข้าใจผิด ในเรื่องของเรา”
“ท่านหมายถึงอะไร?” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวถาม
ในชีวิตที่แล้ว เธอได้รู้ถึงการมีอยู่ของโรงเตี๊ยมหงเป่ยโหลว เมื่อตอนที่เธอกำลังจะแต่งงานกับหยูเฟิงซู
แม่ของเธอที่เสียชีวิตไปเเล้ว เคยบอกกับเธอว่าให้มาที่หงเป่ยโหลว ถ้าหากเธอต้องการความช่วยเหลือ แต่เเน่นอนว่ามันต้องเเลกด้วยเงิน
เเต่น่าเสียดาย ที่เธอลืมสิ่งที่แม่บอกกับเธอไว้ ก่อนที่ท่านกำลังจะตาย และเธอก็กระตือรือร้นที่จะแต่งงานกับองค์ชายสี่ ผู้สง่างามของอาณาจักรเซิง จนลืมเรื่องนี้ไป
หลังจากแต่งงานและต้องต่อสู้กลับสนมคนอื่นในลานด้านในไม่กี่ปี
เมื่อมองแวบแรก เธอคิดว่ามันเป็นแค่ร้านอาหารเส็งเคร็งและราคาถูก ที่มีการออกแบบด้วยสีที่ฉูดฉาด เเละไม่ค่อยมีผู้คนที่เข้าไปกินอาหารหรือพักอยู่เลย อย่างไรก็ตาม แม่ของเธอยังบอก
อีกว่า อย่าไปที่โรงเตี๊ยมหงเป่ยโหลว หากไม่มีเหตุจำเป็น
ดังนั้น หลินเสี่ยวเฟยจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะตรวจสอบกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น
เป็นเรื่องยากที่จะค้นหาความลับของหงเป่ยโหลว เนื่องจากทุกครั้งที่เธอพยายามส่งคนไปสอบถาม แต่คนเหล่านั้นก็กลับหายตัวไปอย่างลึกลับ
หลินเสี่ยวเฟย ไม่ใช่คนโง่ที่คิดว่าพวกเขาจะหลอกลวงเธอและหายตัวไปพร้อมกับเงินที่เธอจ่าย เเต่เธอแน่ใจว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับคนที่เธอจ้างวาน
ไม่มีทางเลือกอื่น หลินเสี่ยวเฟยตัดสินใจมาที่นี่เป็นการส่วนตัว เธอปลอมตัวเป็นพ่อค้าและพยายามคลุกคลีกับลูกค้าของที่นี้เป็นเวลาหลายวัน
และด้วยความพยายามและความอยากรู้อยากเห็นของเธอ ในที่สุดเธอก็ทำให้เธอพบกับคำตอบ
เธอสังเกตว่า ลูกค้าที่มา อาจจะเป็นลูกจ้างประจำของหงเป่ยโหลวทั้งหมด พวกเขาไปที่นั่นบ่อยๆ และนั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่เธอสังเกตเห็น
ในเวลานั้น เธอไม่ได้อ่อนไหวกับกลิ่นที่หอมหวานและกลิ่นฉุนของเลือด
แต่ด้วยประสบการณ์ของเธอ เธอรู้สึกเหมือนมีเจตนาฆ่าอยู่ทุกหนแห่งส่งมายังเธอ
หลินเสี่ยวเฟยก็พบว่าโรงเตี๊ยมทั้งหมด ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายที่อันตราย ราวกับการออกแบบด้วนสีที่ฉูดฉาด ดูตั้งใจทำขึ้นเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง
หลินเสี่ยวเฟย ยังพบว่าลูกค้าที่มาในสถานที่เเห่งนี้ ทุกคนยังพกมีดหรืออาวุธที่สามารถใช้ฆ่าคนได้
ดังนั้น การตระหนักรู้ จึงเกิดขึ้นกับหลินเสี่ยวเฟย
หงเป่ยโหลว ไม่ได้เป็นเพียงโรงเตี๊ยมที่มีเเค่อาหารให้เเก่ลูกค้า แต่ยังให้บริการสำหรับผู้ที่เคยชินกับการฆ่า และบางที ลูกค้าทุกคนที่มาที่นี่คือผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด
“แค่นี้ ยังไม่พออีกหรือ?” หลินเสี่ยวเฟยถาม ขณะที่มองดูเขาผ่านหน้ากากปีศาจ ที่ชายหนุ่มผู้นั้นสวมอยู่
ฉู่เซียวซู หัวเราะเบาๆหลังหน้ากากของเขา และกล่าวว่า “อย่างที่ข้าพูดไป เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่
หงเป่ยโหลวของข้าทำ” เขาหยุด แต่ไม่รอให้เธอพูดอะไร และกล่าวต่อ “เงินไม่ใช่ปัญหาของที่นี่ คุณหนู เเละข้าก็ไม่ได้ต้องการมัน”
“บางทีท่านอาจไม่ต้องการ แต่โรงเตี๊ยมหงเป่ยโหลวของท่าน อาจต้องการเพื่อปรับปรุงใหม่ ข้าเห็นชั้นล่าง มีการออกแบบด้วยสีที่ไม่ฉูดฉาดเหมือนเมื่อก่อน มันอาจทำให้สัตว์จรจัดที่กินเพียงเศษอาหารกลัวสถานที่เเห่งนี้”
ฉู่เซียวซู สำลักคำพูดของเธอ ใบหน้าของเขายังคงว่างเปล่า นอกเหนือจากความสนุกสนานในดวงตาของเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ยินเธอบอกว่า การออกแบบในหงเป่ยโหลวของเขาดูน่าเกลียดและไม่น่าพอใจ ที่แม้แต่สัตว์ก็ยังอยู่ห่างจากมัน
“ท่านเคยมาที่นี่ในอดีต ใช่หรือไม่?” จู่ๆเขาก็ถาม
หลินเสี่ยวเฟย ปิดปากเงียบเพราะกลัวความผิดพลาดของเธอ แต่เธอไม่ได้ให้คำตอบเเก่เขา
และหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมัน ในขณะที่เธอกล่าวว่า “เรากำลังเบี่ยงเบนประเด็นของเรา ถ้าไม่ใช่เงินแล้วผู้จัดการของหงเป่ยโหลว ต้องการอะไรเล่า?”
เมื่อเห็นว่า เธอไม่ต้องการพูดถึงความจริง ว่าเธอเคยมาที่หงเป่ยโหลว
ฉู่เซียวซู ก็ทิ้งเรื่องนี้ไว้และไม่พูดถึงมันอีก เขาสามารถให้คนของเขาไปตรวจสอบในภายหลัง ว่าคุณหนูสี่เเห่งตระกูลหลิน เคยก้าวมาที่นี่ได้อย่างไร
ฉู่เซียวซู เอนตัวและนั่งท้าวคางคาง เบื้องหลังของหน้ากากนั้นมีใบหน้าที่แสดงรอยยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็กล่าวว่า”มาฟังกัน ว่าสิ่งที่ท่านต้องการคืออะไร ก่อนที่ข้าจะตัดสินใจ ว่าท่านต้องจ่ายค่าบริการเท่าใด”
หลินเสี่ยวเฟยพยักหน้า และคำพูดที่เธอพูดออกมากลับเป็นสิ่งที่ทำเขาไม่คาดคิด ว่ามันจะออกมาจากปากของเธอ
“ระเบิด” เธอยิ้มหลังผ้าคลุม ดวงตาของเธอเปลี่ยนไปและกล่าวต่อ “ข้าต้องการซื้อระเบิด”