ไม่กี่วันต่อมา
เหตุการณ์ศพถูกแขวนอยู่บนคานก็ถึงหูของหลินเซียวเหมิง เขาโกรธอย่างมาก ที่มีคนบังอาจเอาศพไปแขวนไว้ในลานบ้านของคฤหาสน์ตระกูลหลิน โดยที่ทหารยามของเขา ไม่ได้ตรวจตราบริเวณรวบที่พักของตระกูลหลินให้ดี
ในวันเดียวกัน ทหารยามที่รับหน้าที่ลาดตระเวนในคืนนั้น ไม่สามารถหลีกหนีการถูกลงโทษได้ และหนึ่งในนั้นทหารยามคนหนึ่งที่ถูกบังคับให้ฟังคำสั่งของหลินเสี่ยวเฟย
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่อยากตาย ทหารยามเฉินโม่จึงปิดปากเงียบ และปฏิบัติตนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น
แต่เขาก็ดีใจเช่นกัน ที่หญิงสาวที่เขาพบในคืนนั้นไม่เรียกหาเขาอีก มันอาจจะเป็นโชคร้ายที่เขาได้พบกับเธอ เขารู้สึกดีกับเรื่องนี้มากแม้ว่าเขาจะถูกลงโทษก็ตาม
หลังจากถูกลงโทษ เฉินโม่ เเสดงรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าของเขาและฮัมเพลงไปด้วย ขณะที่เขา ก้มลงผูกสนับเข่า ดวงตาของเขาเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงฉูดฉาด อยู่ข้างหน้าเขา
รอยยิ้มบนใบหน้าเขาแข็งค้าง และเขาพยายามหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมองอย่างช้าๆอีกครั้ง เขาก็ไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไป ที่ตรงหน้าเขามีหญิงสาวคนเดิมในคืนนั้น และเธอก็ยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มของเธอกลับเหมือนรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยอันตราย
เขาสะดุ้งทันที เมื่อหญิงสาวเดินมาถึงอย่างกะทันหัน เฉินโม่เกือบจะกระโดดด้วยความตกใจ
เขาสงสัยว่า ทำไมเขาถึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอเลย เเละเมื่อเขารู้สึกตัวเธอก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
หญิงสาวผู้นี้ ไม่ใช่เทพธิดาแห่งความตายจริงๆหรอกหรือ?
เฉินโม่ ส่ายหัวและสลัดความคิดเรานั้นทิ้ง เขามองไปยังหญิงสาวในชุดสีแดง และกล่าวว่า
“คุณหนู” เฉินโม่ก้าวถอยหลังกลับไปในขณะที่กล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว
ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอ หลินเสี่ยวเฟย กล่าวกับเขาว่า
“สวัสดี…เเล้วเราก็ได้พบกันอีกครั้ง”
หลินเสี่ยวเฟย ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ชุดสีแดงของเธอที่ทำให้ผิวของเธอดูสดใสและมีสุขภาพดี
สีของชุดที่เธอสวมใส่ในตอนนี้ คล้ายกับชุดที่สวมใส่ในงานแต่งงาน อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นเจ้าสาวในวันนี้ และเธอก็ชอบสวมเสื้อผ้าที่มีสีเเดงกับสีดำเท่านั้น เนื่องจากเลือด จะไม่ค่อยเห็นเด่นชัดนัก เมื่อมันสาดใส่ชุดของเธอ
“ครับคุณหนู! เราพบกันอีกแล้ว!” เฉินโม่ กล่าวอย่างประหม่า
หลินเสี่ยวเฟยเอียงศีรษะเล็กน้อย และกล่าวต่อ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกลงโทษ”
“ครับคุณหนู!” เขาตอบเสียงดัง จนทำให้หลินเสี่ยวเฟยก็ขมวดคิ้วใส่เขาเล็กน้อย
และเฉินโม่ก็กล่าวเสริมทันที “พร้อมกับทหารคนอื่นๆครับ”
“ข้าเข้าใจแล้ว…” เธอพยักหน้า
เฉินโม่ มองไปรอบๆและพบว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ และมีเพียงพวกเขาสองคนที่อยู่ด้านหลังลานบ้านเท่านั้น เขาจึงถามเธอว่าสาวใช้ของเธออยู่ที่ใด
“ข้าทิ้งพวกนางไว้ที่ลานบ้านของข้า” หลินเสี่ยวเฟย ตอบคำถามของเขา เเละมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
เฉินโม่พยักหน้า เเละเกาจมูกขณะที่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เขาหวังว่าเขาจะเดินหนีหญิงสาวตรงหน้าเขาไป แต่มันทำให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น
เมื่อได้เห็นความโหดร้ายของเธอ และความเจ็บปวดที่เธอทำกับเค่อซ่งแล้ว เฉินโม่ ก็รู้เลยว่า
เขาต้องเปลี่ยนมุมมองของเขา เกี่ยวกับคุณหนูสี่เเห่งตระกูลหลิน
เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณหนูสี่ เธอเป็นความอับอายของตระกูลหลิน และพวกเพื่อนทหารของเขา เคยล้อเลียนและหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของหลินเสี่ยวเฟย พฤติกรรมของเธอ ก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลิน หรือเป็นหลานสาวของหลินเซียวเหมิง เเม่ทัพของพวกเขา
ทหารทุกคนของหลินเซียวเหมิง ต่างก็รู้สึกเทิดทูนเขา และหวังว่าพวกเขา จะสามารถเป็นเหมือน
เเม่ทัพหลินได้ในอนาคต และนั่นเป็นสาเหตุ ที่พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้ว่า แม่ทัพผู้กล้าหาญและเกรียงไกร จะต้องมีหลานสาวเช่นนี้
นั่นคือสิ่งที่ เฉินโม่คิดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มุมมองของเขาเกี่ยวกับหลินเสี่ยวเฟยก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เมื่อเขาพบหลินเสี่ยวเฟยกลางดึก เขาคิดว่าเขาเห็นปีศาจปรากฏตัวต่อหน้าเขา เพราะกลิ่นอายแห่งการฆ่าและโหดเหี้ยมถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายเธอ และด้วยเลือดที่เปื้อนเสื้อผ้าของเธอ จึงทำให้เขาคิดว่าเทพีแห่งความตายกำลังจะมาปลิดชีพเขา
และหลังจากที่ได้ฟังคำสั่ง และในสิ่งที่เธอต้องการให้เขาช่วยเหลือเเล้ว เฉินโม่ก็เกือบจะเป็นลมในทันทีเพราะเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็นเเละได้ยิน เมื่อเขาตามเธอไปเขาเห็นว่ามีปิ่นปักผมโผล่ออกมาจากดวงตาของชายผู้นั้น เเละไม่รู้ว่าชายผู้นั้นมาอยู่ในลานบ้านของเธอได้อย่างไร เขาสงสัยว่าใครกันที่เป็นคนทำเช่นนี้ แต่เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหลินเสี่ยวเฟย ขณะที่เธอกล่าวว่า:
“มีหนอนตัวหนึ่ง คลานเข้ามาในบ้านของข้า และข้าต้องการให้เจ้าช่วยทุบตีมันให้ตาย”
เมื่อเฉินโม่ได้ยินเช่นนั้น คนทั้งร่างของเขาก็ชูชันขึ้นทันที เมื่อได้เห็นด้านใหม่ของคุณหนูสี่ ซึ่งพวกเขาเคยหัวเราะเยาะเพราะความโง่เขลาของเธอ เเละเขาไม่เคยคิดว่าลูกไม้จะตกไม่ไกลต้น จากนั้นเขาก็ไม่สงสัยอีกต่อไปว่าหลินเสี่ยวเฟย เขารู้ว่าเธอเป็นสายเลือดของหลินเซียวเหมิงอย่างเเท้จริง
เมื่อหลุดจากความคิด เขากล่าวถามหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา เเละคำถามนี้ เขาหวังว่าเขาจะไม่ถามอีก
“คุณหนู มีอะไรที่ท่านต้องการให้ข้ารับใช้อีกหรือไม่”
ไม่นาน หลังจากที่เขากล่าว รอยยิ้มที่แท้จริงก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ ตรงกันข้ามกับรอยยิ้มที่เธอแสดงก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่มันไม่เข้ากับเธอเลย อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มนี้นำมาซึ่งความน่ากลัวและความเสียใจที่เฉินโม่มิอาจปฏิเสธได้
“ทหารเฉิน ไม่เพียงแต่ทำงานอย่างหนัก แต่ยังฉลาดอีกด้วย ข้าดีใจที่ข้าเลือกคนไม่ผิด”
“คุณหนู หมายความว่าอย่างไรหรือครับ” เฉินโม่ ถามอย่างกังวล ขณะที่เขามองดูรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเธอ
เธอเดินเข้าไปใกล้เขา เเละกล่าวว่า “ข้าต้องการให้เจ้ามากับข้า”