นิยาย อ่านนิยาย
ในเวลานี้ เฉินโม่ดึงบังเหียนรถม้าและหยุดตรงหน้าประตูสีแดงขนาดใหญ่
“คุณหนู เรามาถึงแล้ว” เฉินโม่ ขึ้นเสียงของเขา พอที่หญิงสาวในรถม้าจะได้ยิน
ภายในรถม้า หลินเสี่ยวเฟยลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เธอลังเลที่จะเปิดม่านออกเพราะความกลัว
มือของเธอสั่น ขณะที่เธอเอื้อมไปเปิดผ้าม่านที่กั้นหน้าต่างไว้ เเละเปิดออกในที่สุด
ตรงหน้าเธอ คือประตูของสถานที่ที่เธอเคยถูกคุมขังมาเกือบห้าปี เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากเงื้อมมือของปีศาจที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์อันใหญ่โต องค์ชายสี่แห่งอาณาจักรเซิง
ราวกับว่าเธอถูกดึงย้อนเวลากลับไป หลินเสี่ยวเฟยสั่นสะท้านและโอบแขนตัวเองไว้
ขอบตาของเธอเริ่มที่จะมีหยดน้ำตา ภาพของฝันร้ายย้อนกลับมาตอนที่จ้องเข้าไปข้างในนั่น
อย่างไรก็ตามมันก็อยู่ได้ไม่นานนัก เพราะเธอเริ่มกลั้นน้ำตาของเธอไว้ไม่ให้มันไหลออกมา ร่างกายของเธอเริ่มผ่อนคลาย ในขณะที่ดวงตาของเธอยังคงจ้องมองไปที่ประตูสีแดง ราวกับว่าเธอไม่ต้องการอะไรนอกจากจะเผามันทิ้งให้หมด
ในบรรดาองค์ชายแห่งอาณาจักรเซิง หยูเฟิงซูมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด เขาสามารถยืนหยัดเหนือผู้อื่น และสามารถรวบรวมข้าราชการระดับสูงทุกคนให้อยู่ฝ่ายเขา ขุนนางเหล่านี้ต่างมีแผงของตัวเอง พวกเขาต้องการเอาอกเอาใจองค์ชายสี่ เพราะองค์ชายสี่มีโอกาสที่จะได้สืบทอดราชบัลลังก์มากที่สุด
แม้ว่าหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานในเมืองหลวงจะเหลือน้อยแล้ว แต่หลายๆตระกูลก็ยังเสนอบุตรสาวของตนให้แต่งงานกับเขา
พวกเขาไม่สนใจ ว่าองค์ชายสี่จะมีนางสนมกี่ ตราบเท่าที่ตระกูลของพวกเขาสามารถแบ่งปันชะตากรรมและโชคลาภแบบเดียวกันกับองค์ชายสี่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
สำหรับหยูเฟิงซู เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ตระกูลเหลือหญิงสาวเหล่านั้นเพราะคนเหล่านี้มีความสำคัญต่อแผนการของเขา ในการขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป
หลินเสี่ยวเฟยดึงม่านปิด เธอเอนหลังพิงเบาะนั่ง ก่อนจะกล่าวสั่งเฉินโม่ “กลับกันเถอะ!”
เฉินโม่ รู้สึกสับสน เเละทำหน้างุนงงเมื่อได้ยินคำสั่งของคุณหนู พวกเขาเพิ่งหยุดอยู่ตรงหน้าสถานที่ที่คุณหนูของเขาต้องการมา และพักอยู่ที่นี้เพียงสองสามนาที แต่ตอนนี้เธอกลับสั่งให้เขาพาเธอกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน เธอกำลังคิดอะไรอยู่?
เฉินโม่ ได้รับการฝึกฝนในฐานะทหารชั้นยอด เขารู้สึกหงุดหงิดและต้องการกลับไปหาสหายทหารของเขา เขาปรารถนาที่จะฝึกฝนอยู่ในค่ายทหาร มากกว่าที่จะไปไหนตัวไหนกับหญิงสาวที่อาจเคี้ยวหัวของเขาเมื่อไหร่ก็ได้ หากเขาทำผิดพลาดหรือไม่เชื่อฟังคำสั่งของเธอ
เฉินโม่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง จากนั้นเขาก็กระตุ้นม้าให้ออกเดินทาง ในที่สุดพวกเขาก็ออกไปจากถนนที่นำไปสู่คฤหาสน์ขององค์ชายสี่
เมื่อพวกเขากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน หลินเสี่ยวเฟยก็ถูกหลินเซียวเหมิงเรียกให้ไปเข้าพบทันที
เมื่อเธอเข้าสู่ห้องอ่านหนังสือ หลินเซียวเหมิงกำลังนั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้ตรงกลางห้อง แต่เขาไม่ได้คนเดียว ข้างๆเขา มีเก้าอี้ซึ่งชายสองนั้งอยู่อยู่ เพียงแค่มองครั้งเดียว เธอก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็นใคร
พวกเขาคือ หลินเฟิงและหลินซาง ทั้งคู่เป็นบุตรชายของหลินเซียวเหมิง และมีศักดิ์เป็นลุงของเธอ
หลินเสี่ยวเฟย ทักทายพวกเขาอย่างสุภาพเล็กน้อย
“คารวะท่านลุงเฟิง ท่านลุงซางเจ้าค่ะ” เธอขยับตัวไปทางขวาอย่างเขินอาย “คารวะท่านตา”
หลินเซียวเหมิง กวักมือเรียกหญิงสาวให้มานั่งใกล้เขา คนรับใช้ชายคนหนึ่ง ได้จัดเตรียมเก้าอี้
ไว้ข้างหลินเซียวเหมิง หลินเสี่ยวเฟยไม่รีบร้อนที่จะนั่งลง เธอเดินไปที่เก้าอี้อย่างช้าๆเเละสง่างาม
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินซางก็เย้ยหยันและคิดว่าเธอโง่ ที่พยายามเสแสร้งทำตัวสง่างาม ราวกับว่าทุกคนไม่รู้ว่าปกติมารยาทของเธอหยาบแค่ไหน “หลานเฟย เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพมาก เราเป็นคนในตระกูลเดียวกันและรู้จักกันมานาน ข้าคงไม่กล้ารับคำทักทายเจ้า” เขากล่าว
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลินเซียวเหมิงขมวดคิ้ว
หลินซาง ไม่ได้ซ่อนความหยาบคายของเขา เขาพยายามจะบอกว่า หลินเสี่ยวเฟยดูเย่อหยิ่งเกินไป โดยทำตัวสุภาพเรียบร้อย และให้เกียรติพวกเขาโดยไม่มีเหตุผล
แม้ว่าเขาจะคิดถูกแล้ว กับสิ่งที่เขาเตือน เพราะว่าหลินเสี่ยวเฟยไม่เคยที่จะทักทายผู้อาวุโสของเธอ
อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาอาจมีความหมายอย่างอื่น เเต่หากคนอื่นได้ยิน วิธีที่เขาพยายาม
จะบอกกับหลินเสี่ยวเฟยที่ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนคนแปลกหน้า และไม่ใช่ในฐานะตระกูลเดียวกัน นี่เป็นสิ่งที่คนในตระกูลที่สูงศักดิ์ส่วนใหญ่ไม่ต้องการเห็นและได้ยิน
“ท่านลุงซาง หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ จะเป็นตระกูลเดียวกันหรือไม่ก็ตาม เราต้องตระหนักถึงมารยาทของพวกเรา ไม่ว่าจะอยู่คฤหาสน์หรือนอกบ้าน” หลินเสี่ยวเฟยหัวเราะเบาๆ
“มันคงจะเป็นความผิดของข้าเอง ที่ไม่คิดอะไรมากไปกว่านี้ ข้าอยากจะขอบคุณท่านลุงซาง ที่ให้บทเรียนอันมีค่า แก่ข้า”
เธอยิ้มให้เขาราวกับว่าเธอรู้สึกขอบคุณ และไม่พูดอะไรอีก เธอเพียงแค่นั่งลงบนเก้าอี้ของเธอโดยไม่ส่งเสียงใดๆ และไม่สนใจต่อการปรากฏตัวของชายทั้งสอง ที่เธอควรเรียกเขาเธอว่า ‘ลุง’