นิยาย อ่านนิยาย
ใบหน้าหลินซางมืดลง เขาต้องการที่จะตำหนิหลานสาวของเขา แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ไว้ เขาจึงตัดสินใจที่จะกลืนความโกรธของเขา และเอนหลังพิงที่นั่งเหมือนเด็กที่แพ้การโต้เถียง
หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้สนใจเขาอีก และเอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำชาบนโต๊ะก่อนจะจิบเล็กน้อย
เธอไม่สามารถทนดูลุงทั้งสองของหลินเสี่ยวเฟยคนก่อนได้อีกต่อไป เธอไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาแสดงท่าทีเหยียดหยามเธอได้
หลินเซียวเหมิง ส่งสายตาไม่พอใจไปที่บุตรชายคนที่สองของเขา แต่หลินซางก็ไม่ได้มองตอบ อย่างไรก็ตาม มันตรงกันข้ามกับ หลินเฟิง ซึ่งยังคงนั่งดูฉากนี้อย่างเงียบๆ
เขาสังเกตเห็นแววตาของพ่อ ที่มีต่อน้องชายและอยากจะถอนหายใจให้กับความโง่เขลาของน้องชายของเขา เขารู้ว่าหลินเซียวเหมิงให้ความสำคัญกับหลินเสี่ยวเฟยมากแค่ไหน หากไม่อยากมีปัญหาพวกเขาก็ไม่ควรจะกลั่นแกล้งหลินเสี่ยวต่อหน้าพ่อของพวกเขา แต่หลินซางกลับลืมตัวและพยายามทำให้หลินเสี่ยวเฟยขายหน้า
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาจ้องไปที่หญิงสาวที่นั่งข้างหลินเซียวเหมิงและก้มศีรษะลง ราวกับว่าเธอรู้สึกว่าเขาจ้องมองเธอ หลินเสี่ยวเฟยเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เขา
เธอกล่าวถาม ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ท่านลุง มีอะไรหรือเจ้าคะ”
หลินเฟิงจ้องที่เธอ และกล่าวว่า “…ไม่”
ก่อนหน้านั้น หวู่จินหยานพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน ที่พบศพถูกแขวนอยู่บนคานของลานด้านตะวันตก
ตอนแรกเขาไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระของภรรยาของเขา แต่การนินทาของคนรับใช้ในคฤหาสน์ตระกูลหลินทำให้เรื่องนี้ถึงหูเขาในที่สุด เขาได้ยินมาว่าศพถูกเเขวนคออยู่บนคาน และ ฮูหยินทั้งสองกับคุณหนูสี่ของตระกูลหลินก็มีปากเสียงกัน
แน่นอน เขาไม่ได้สนใจเรื่องนินทาที่เขาได้ยิน แต่ข่าวของหลินเซียวเหมิงลงโทษทหารที่ดูแลที่พักในวันนั้นก็เพียงพอแล้ว ทุกอย่างจึงพิสูจน์ได้ว่าภรรยาของเขาเเละเหล่าคนใช้ ไม่ได้โกหกเรื่องของพวกเขา
ในฐานะชายที่มีตำแหน่งในราชสำนัก หลินเฟิงไม่เคยเป็นคนประเภทที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวภายในบ้านของพวกเขา หรือการมีปากเสียงบ่อยครั้งของสมาชิกหญิงในครอบครัว
แม้ว่าหวู่จินหยานจะกดดันให้เขากำจัดนางสนม เเต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเอาใจหญิงสาว หรือดูแลปัญหาเกี่ยวกับครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ทัศนคติที่ไม่เอาใจใส่ของเขากลายเป็นปัญหาในการแต่งงานของพวกเขา สามีและภรรยาก็เย็นชาต่อกัน แม้ว่าจะพูดคุยกันเพียงเล็กน้อยก็เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตนเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเขาปฏิเสธที่จะตอบ หลินเสี่ยวเฟยจึงหันไปหาหลินเซียวเหมิงและถาม “ข้าได้ยินมาว่า ท่านตาต้องการให้ข้ามาพบที่นี่ ท่านตามีอะไรจะพูดกับข้าหรือเจ้าคะ”
หลินเสี่ยวเหมิง กระแอมในลำคอและกล่าวทันทีว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนตระกูลชูมาเยี่ยมเรา และได้ทำลายการหมั้นหมาย” เขาหยุดชั่วครู่เพื่อดูสีหน้าของหลินเสี่ยวเฟย และเมื่อเขาเห็นว่าเธอไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆบนใบหน้าของเธอ เขาจึงกล่าวต่อ “แม้ว่าข้าอยากจะทำอะไรกับพวกมัน แต่คนชั่วเหล่านั้นได้ตัดสินใจไปแล้ว”
“อย่างไรก็ตามเฟยเอ๋อ หากเจ้าต้องการ ตาจะรีบไปที่วังในวันพรุ่งนี้ เพื่อพบจักรพรรดิและขอพระราชกฤษฎีกา ข้ายังคงมีอิทธิพลในราชสำนักอยู่บ้าง จักรพรรดิจะไม่ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือข้า.”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงแต่หลินเสี่ยวเฟยเท่านั้นที่ประหลาดใจ ทั้งหลินเฟิงและหลินซางก็ตกใจเช่นกัน พวกเขารีบหันหน้าไปทางพ่อของพวกเขาในทันที
พวกเขาไม่อยากเชื่อเลย ว่าพ่อของพวกเขาจะยอมเสียความโปรดปรานของจักรพรรดิ เพียงเพื่อทำให้หลินเสี่ยวเฟยมีความสุข
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาพยายามที่จะเอาใจหลินเสี่ยวเหมิง และแม้ว่าพวกเขาจะใช้เส้นทางที่แตกต่าง จากที่หลินเซียวเหมิงต้องการให้พวกเขาเป็นแม่ทัพ หลินเฟิงและหลินซางยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อไต่อันดับขึ้นไป เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นเหมือนพ่อเเละได้รับการยอมรับในที่สุด พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะได้กลายเป็นผู้นำคนต่อไปของตระกูลหลิน
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อหลินเสี่ยวเฟยมาที่คฤหาสน์ตระกูลหลินเป็นครั้งแรก พี่น้องทั้งสองไม่ได้ร้องเรียนใดๆและปล่อยให้หลินเสี่ยวเฟยเดินเข้ามาในประตูบ้านของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เห็นหลินเซียวเหมิงเอ็นดูหลินเสี่ยวเฟยมากกว่าลูกๆของพวกเขา พวกเขาจึงไม่สามารถเพิกเฉยหลินเสี่ยวเฟยได้อีก
แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าการทุ่มเทของหลินเซียวเหมิงจะไร้ขีดจำกัด เขายังคิดถึงการใช้ความโปรดปรานที่เขาได้รับจากจักรพรรดิ เพื่อทำให้หลินเสี่ยวเฟยมีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าจะเป็นการบังคับผู้อื่นก็ตาม
ทั้งความไม่พอใจและความรู้สึกขมขื่น เริ่มทำให้พวกเขาขมวดคิ้ว ในขณะที่หลินเซียวเหมิงมีเสียงหัวเราะที่อ่อนโยนได้ดังขึ้นผ่านหูของพวกเขา
หลินเสี่ยวเฟย เอามือปิดปากเเละหัวเราะเบาๆราวกับเด็กน้อย ก่อนจะหยุดและกล่าวว่า “ท่านตาพูดอะไร ข้าบอกท่านไปแล้ว ว่าข้าเต็มใจที่จะยกเลิกการหมั้นและได้พูดคำเหล่านี้ต่อหน้าคุณหญิงซูและซูหวางจีไปเเล้ว เพราะฉะนั้น ไม่มีทางที่ข้าจะกลับคำพูดของตนเอง”
“แต่ถึงกระนั้น… การหมั้นหมายกับตระกูลซู ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเฟยเอ๋อ ข้าไม่สามารถปล่อยให้เจ้าบังคับตนเองให้แต่งงานกับคนที่มีพื้นเพที่ต่ำต้อยได้” หลินเซียวเหมิงอธิบาย
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นที่ห้องโถงวันนั้น หลินเซียวเหมิงก็ไม่ได้รู้สึกดีเลย ถึงแม้ว่าหลินเสี่ยวเฟยจะพูดกับเขาแล้วก็ตาม เขาจะรู้สึกดีได้อย่างไรใน เมื่อการแต่งงานของหลานสาวของเขากำลังตกอยู่ในความเสี่ยง?
หลินเสี่ยวเฟยรู้สึกขบขันกับความรักที่เธอได้รับจากหลินเซียวเหมิง หลินเสี่ยวเฟยจึงเงยหน้าของเธอเล็กน้อยและกล่าวว่า “นี่คือเหตุผลที่ท่านลุงเฟิงและท่านลุงซางมาที่นี่ เพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงานของข้างั้นหรือ?”
ใบหน้าที่ของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด และหลินเซียวเหมิงก็พยักหน้าตอบรับ
“ทำไมท่านถึงรีบร้อนนัก ถึงแม้ว่าข้าจะอายุใกล้เลยวัยแต่งงานแล้ว แต่ข้ายังมีเวลาอีกมาก ที่จะคิดว่าจะแต่งงานกับผู้ใด ไม่จำเป็นต้องต้องมีตัวเลือก พวกท่านไม่ต้องคิดมากไป ปล่อยให้ถึงเวลาที่เหมาะสม ใครจะรู้ว่าอาจจะมีชายหนุ่มที่เหมาะสม มาเคาะประตูถึงหน้าบ้านและขอข้าแต่งงาน”