เมื่อหลินเสี่ยวเฟยออกจากโรงเตี๊ยมหงเป่ยโหลว มือของเธอถือกล่องเล็กๆที่มีขนาดเพียงพอแค่เก็บอัญมณีไว้ได้เท่านั้น
เมื่อเธอเข้าไปในโรงเตี๊ยม ถนนที่เธอไปและตลาดดูว่างเปล่า แต่ตอนนี้ ผู้คนต่างเดินไปมาพลุกพล่าน ทุกหนทุกแห่ง และดวงอาทิตย์ที่ยังไม่ขึ้นเต็มที่ก่อนหน้านี้ก็เกือบเคลื่อนตัวจนถึงจุดสูงสุดแล้ว
โชคดีที่ก่อนที่จะออกจากประตู หลินเสี่ยวเฟยได้สวมผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดใบหน้าของเธอแล้ว
เธอไม่ได้ใช้รถม้าเมื่อเธอมายังหงเปยโหลว ดังนั้น หลินเสี่ยวเฟยจึงต้องเดินเท้าเพื่อเดินไปยังจุดหมายต่อไปของเธอ
เมื่อเดินผ่านถนนที่พลุกพล่าน หลินเสี่ยวเฟยเดินอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะไม่ชนหรือกระทบกระทั่งกับผู้คน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆจะไม่เป็นไปตามที่เธอคิดเพราะ จู่ๆ ก็มีใครบางคนมาจับแขนของเธอ
เธอกําลังจะดึงแขนกลับ แต่หยุดเมื่อได้ยินคนผู้นั้นกล่าวว่า “ลูกพี่ลูกน้องสี่ เจ้าออกมาทําอะไรที่ นี่หรือ”
หลินเสี่ยวเฟยหันไปมองที่บุคคลผู้นั้น และเห็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวซีด เขาสูงกว่าหลินเสี่ยวเฟยและมีใบหน้าหล่อเหลา หลินเสี่ยวเฟยไม่เคยพบชายผู้นี้และไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะเธอไม่เคยพบเขาในคฤหาสน์ตระกูลหลิน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาเรียกเธอว่าลูกพี่ลูกน้อง ชายหนุ่มผู้นี้จะต้องเป็นบุตรชายของหลินเฟิงไม่ก็หลินซาง
เธอไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาอย่างไร หลินเสี่ยวเฟยตัดสินใจดึงแขนของเธอกลับ ก่อนจะกล่าวว่า “ ลูกพี่ลูกน้องที่รัก ข้าไม่คิดว่าจะมีกฎหมายใด ที่ห้ามข้าไม่ให้มายังที่แห่งนี้”
หลินเฉินยูตกใจกับคําตอบของเธอและหัวเราะออกมาดังๆ ทําให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนในตลาด
หลินเสี่ยวเฟยสับสนว่าทําไมเขาถึงหัวเราะ เธอทบทวนสิ่งที่เธอเพิ่งพูด และไม่พบความตลกขบขันจากมัน
“ทําไมลูกพี่ลูกน้องถึงหัวเราะ” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวถาม
การเรียกชายหนุ่มว่า ลูกพี่ลูกน้องที่รัก” เปรียบเสมือนการกลืนกินอาหารที่มีรสชาติแย่ด้วยปากของเธอ เธอไม่เคยพูดถึงใครแบบนี้ แม้แต่ในชีวิตที่แล้ว มันจึงทําให้เธอรู้สึกขมขื่น
ถ้าเธอรู้ว่าใครคือชายหนุ่มผู้นี้ และเขาเป็นลูกชายของใคร เธอไม่รู้จะเรียกเขาว่าอย่างไร
หลินเฉินยูยังคงหัวเราะจนน้ำตาไหลที่ขอบตาของเขา เขายกมือขึ้นแล้วโบกมือ “ไม่มีอะไร และแน่นอนว่าไม่มีกฎหมายใด ที่บอกว่าเจ้าทําไม่ได้”
หลินเฉินยูเลือกที่จะไม่เปิดเผยออกมาว่าทําไมเขาถึงหัวเราะเช่นนั้น เพียงแต่เขาไม่เคยได้ยิน
หลินเสี่ยวเฟยเรียกเขาว่า “ลูกพี่ลูกน้อง” เลยสักครั้ง ลูกพี่ลูกน้องที่รัก” ของเธอ มันฟังดูน่าตกใจมาก และไม่แปลกที่ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการหัวเราะ
เขาอยากให้มีอุปกรณ์ที่เขาสามารถใช้บันทึกได้ เพื่อที่เขาจะได้ฟังมันทุกวัน
สําหรับเหตุผลที่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับหลินเสี่ยวเฟย หลินเฉินยูไม่ต้องการแก้ไข
และต้องการให้เธอทักทายเขาในลักษณะเช่นนั้นต่อไป
หลินเฉินยูไม่เหมือนกับสมาชิกในตระกูลหลินคนอื่นๆ และไม่เคยเป็นศัตรูกับหลินเสี่ยวเฟยแม้เขาจะได้เห็นความเย่อหยิ่ง และพฤติกรรมที่หยาบคายของเธอแล้วก็ตาม เขาพบว่าหญิงสาวผู้นี้ค่อนข้างน่ารัก และทําตัวเสมือนว่าโลกนี้เป็นของเธอ และเห็นดังนั้นเขาก็พยายามที่จะพูดคุยกับหลินเสี่ยวเฟยก่อนอยู่เสมอ
นั่นเป็นเหตุผล ที่หลินเสี่ยวเฟยคนก่อนมักจะหงุดหงิดกับการปรากฏตัวของเขา
และพยายามหลีกหนีจากเขาเสมอ เขาเป็นบุตรชายของหลินเฟิงและในขณะที่เธอรู้สึกเกลียดตระกูลสาขาแรกและสาขาสอง หลินเสี่ยวเฟยคนก่อนก็เลยไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับหลินเฉินยู
“แต่ลูกพี่ลูกน้องที่รัก แล้วสาวใช้ของเจ้าอยู่ที่ใด” หลินเฉินยูกล่าว หลังจากพบว่า
หลินเสี่ยวเฟยอยู่เพียงผู้เดียว เขายังเปลี่ยนวิธีการพูดจาก “ลูกพี่ลูกน้องสี่” เป็นลูกพี่ลูกน้องที่รักอย่างราบรื่น
“ข้าบอกให้พวกนางกลับไปก่อน” หลินเสี่ยวเฟยโกหก โดยไม่เปลี่ยนการแสดงออกของเธอ
“ข้าเห็นแล้ว…” หลินเฉินยุครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวถามขึ้นอีกครั้ง “แต่เหตุใด ทําไมลูกพี่ลูกน้องที่รักถึงสวมผ้าคลุมหน้าด้วยหรือ?
“ไม่.” หลินเสี่ยวเฟยส่ายหัว เธอขมวดคิ้วกับความจริงที่ว่าเธอกําลังเสียเวลาพยายามสนทนากับหลินเฉินยูอย่างไร้ประโยชน์
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวเสริมและกําลังจะหันหลังกลับเมื่อได้ยินหลินเฉินยู
“เจ้ากําลังจะกลับไปที่คฤหาสน์แล้วหรือ ลูกพี่ลูกน้องที่รักทําไมไม่ใช้เวลากับข้าก่อนจะกลับ นานแล้วนะที่เราได้ออกไป เดินเล่นข้างนอกด้วยกัน” หลินเฉินยูกล่าวเสนอ
เขาต้องการใช้โอกาสนี้ในที่สุด เพื่อให้หลินเสี่ยวเดินไปด้วยกันกับเขา เพราะเมื่อก่อนลูกพี่ลูกน้องของเขา มักจะวิ่งหนีจากเขาและปฏิเสธเขาอยู่เสมอ และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาไม่เคยทําอะไรร่วมกันเลย ดังนั้น เขาจึงโกหกว่าพวกเขาเคยเดินเล่นด้วยกันมาก่อน เธอคงคิดว่าพวกเขาคงทําเช่นนั้น เพราะเธอไม่เคยเก่งเรื่องจํา
” ข้าเหนื่อย ท่านสามารถเพลิดเพลินกับเวลาของท่านเดินไปรอบๆเมือง ถ้าท่านต้องการ” หลินเสี่ยวเฟยพูดตัดการสนทนาอย่างไร้ความปราณี โดยไม่คํานึงถึงความรู้สึกของเขา
เธอก้าวออกจากเขาสองก้าว แต่แทนที่จะจากไปหรือยอมแพ้ หลินเฉินหยูกลับติดตามเธอด้วยรอยยิ้ม
หลินเสี่ยวเฟยหยุดนิ่งมองเขา “เจ้าตามข้ามาทําไม?”
“หื้ม?” หลินเฉนยูเอียงศีรษะ “ไม่เป็นอะไร ข้าแค่คิดว่าถ้าเจ้าไม่ไปเดินเล่นกับข้า
ข้าก็จะขอเดินกลับไปที่คฤหาสน์กับเจ้าด้วย”
หลินเสี่ยวเฟยต้องการกลอกตาใส่เขา เธอไม่รู้ว่าทําไมเธอต้องเจอชายหนุ่มที่เอาแต่ใจ
และน่ารําคาญแต่เช้าเช่นนี้
“งั้นเจ้าก็กลับไปก่อนเลย ข้าต้องไปแล้ว เพราะข้าพึ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องไปที่ไหนสักแห่ง”
“โอ้… ที่ไหนหรือ?”
“เจ้าไม่จําเป็นต้องรู้”
“แต่ข้าอยากไปด้วย!”
หลินเสี่ยวเฟยหลับตาและกัดฟัน “เจ้ากลับคฤหาสน์ไปเถิด”
“ไม่ จะให้ข้าไปกับเจ้า หรือจะให้ข้าตามเจ้าไป” หลินเฉินยูกล่าว
“เจ้าอยากไปด้วยใช่หรือไม่” หลินเสี่ยวเฟยกล่าวถามเขาเพราะเขาค่อนข้างดื้อรั้นและต้องการตามเธอไป แม้เธอจะไล่เขาอยู่ก็ตาม
หลินเฉินยูพยักหน้า
หลินเสี่ยวเฟยยิ้มและแววตาเป็นประกาย “งั้นก็ตามข้ามาแต่อย่าหาว่าข้าไม่ได้เตือนเจ้า”