กําเนิดนางร้าย The Birth of a Vilainess
ตอนที่ 50 ทิ้งความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง
หญิงสาวหยุดไปชั่วขณะและตกใจกับสิ่งที่หลินเสี่ยวเฟยเลือกระหว่างทาสในกรง ” ท่านต้องการซื้อมันใช่หรือไม่”
หลินเสี่ยวเฟยพยักหน้า “ใช่”
หญิงสาวมีสีหน้าที่ดูลําบากใจขณะที่เกาจมูก “ท่านหญิงนั้นคือสิ่งสงวนไว้สําหรับการประมูลในรอบต่อไปของเรา เราไม่สามารถขายมันให้กับท่านได้”
หลินเสี่ยวเฟยขมวดคิ้ว กับวิธีที่หญิงสาวพูดถึงเด็กชายผมสีทอง ราวกับว่าเขาเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ และสิ่งที่เธอกล่าวออกมามันเต็มไปด้วยความดูถูก การต้องพูดออกมาเพื่อดูถูกและหยาบคาย อย่างไรก็ตาม หลินเสียวเฟยไม่ต้องการเสียเวลาโต้เถียงกับหญิงสาวผู้นั้น
ผู้ที่มีลักษณะทางกายภาพที่หายาก มักจะถูกมองและถูกปฏิบัติแตกต่างไปจากผู้อื่น การเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา นั่นเป็นเหตุผล ที่หลินเสี่ยวเฟยเข้าใจว่าทําไมหญิงสาวผู้นี้ถึงกล่าวคําพูดเช่นนั้นออกมา
ไม่ว่าผู้คนเหล่านี้จะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด เมื่อพวกเขาถูกขังอยู่ในกรงเหล่านี้
หลินเสี่ยวเฟยไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน เพราะเธอไม่มีความสามารถพอที่จะทําเช่นนั้นได้และแม้ว่าเธอจะทํา มันก็ไม่ใช่การต่อสู้ของเธอ
เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ของเธอ ที่เธอตัดสินใจมาที่นี่ หลินเสี่ยวเฟยจึงหยิบเหรียญเงินออกมาหนึ่งหมื่นเหรียญ
ด้วยจํานวนเงินที่อยู่ข้างหน้าเธอ หญิงสาวจึงคิดโลภมากแต่เนื่องจากเธอได้รับคําสั่งไม่ให้ขายเด็กชายในตอนนี้ เธอจึงส่ายหัวและกําลังจะปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หญิงสาวจะปฏิเสธและนําทางเธอไปยังกรงอื่นๆ หลินเสี่ยวเฟยได้หยิบเหรียญอีกกองหนึ่งออกจากแขนเสื้อของเธอ
คราวนี้ไม่ใช่เหรียญเงิน แต่เป็นเหรียญทอง
“นี่” หญิงสาวสูดลมหายใจ ขณะที่เธอมองหลินเสี่ยวเฟยด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
หญิงสาวผู้นั้นตกใจมากที่เธอมีเงินจํานวนมหาศาลถึงเพียงนี้ เหรียญเงินหนึ่งหมื่นถือว่าเป็นเงินจํานวนมากมายแล้วแต่ตอนนี้เป็นเหรียญทองหนึ่งกองที่หาได้ยากยิ่ง
“ข้าสงสัยว่าเจ้าสามารถเพิ่มราคาให้กับเด็กหนุ่มผู้นี้ในการประมูลครั้งต่อไปได้หรือไม่ เขาทั้งผอมและมีรูปร่างที่เล็กมากไม่มีใครที่พยายามทุ่มอย่างหนักเพื่อจะซื้อของเล่นที่อ่อนแอเช่นนี้” หลินเสี่ยวเฟย ยิ้มใต้ผ้าที่คลุมใบหน้าของเธอ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จุดหมายต่อไปของโรงประมูลคือเมืองเล็กๆทิศตะวันตกของเทียนฉาง
ที่นั้นไม่มีลูกค้าที่ร่ํารวยพอที่เต็มใจซื้อทาสด้วยจํานวนที่เท่ากับหญิงสาวคนนี้แน่นอน
เธอค่อยๆ เอื้อมมือไปทางกองเงินในมือของหลินเสี่ยวเฟยด้วยรอยยิ้ม
แต่หลินเสี่ยวถอยหลังหนึ่งก้าวและดึงมือกลับ หลีกเลี่ยงมือเล็กๆของหญิงสาวผู้นั้น
“ข้าจะให้สิ่งนี้กับเจ้าก็ต่อเมื่อข้าได้รับเด็กคนนั้นได้”
หญิงสาวกัดริมฝีปากและมองไปรอบๆ “ท่านหญิง ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าท่านต้องการจะซื้อมัน จากที่ข้าเห็น ท่านต้องเป็นหญิงสาวที่โดดเด่น เกินกว่าที่จะมีมันอยู่ข้างๆ”
หญิงสาวพยายามเกลี้ยกล่อมเธอแม้จะเห็นเงินจํานวนมหาศาลแล้วก็ตาม
หลินเสี่ยวเฟยเลิกคิ้วและเอนตัวไปข้างหน้า พร้อมกล่าวด้วยเสียงกระซิบ “มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้า ที่จะพูดว่าข้าจะรับมือกับมันได้หรือไม่ ตรงกันข้าม ผู้ที่จะรู้สึกเสียดายกับการสูญเสียโอกาสนี้คือเจ้า ไม่ใช่ข้า”
“ข้าจะเพิ่มอีกหมื่นเหรียญทอง” หลินเสี่ยวเฟยหันกลับมาและกล่าวว่า ”คว้าไว้ มิฉะนั้นเจ้าจะเสียใจกับโอกาสเช่นนี้”
หลินเสี่ยวเฟยเดินออกจากกระท่อม
เธอเห็นหลินเฉินยูกําลังเดินไปมาที่ด้านหน้าของกระโจมและดูเป็นกังวลอย่างมาก
“ลูกพี่ลูกน้อง.” เธอกล่าวออกไปเมื่อพบเขา
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ หลินเฉินยูหันมองไปยังหลินเสี่ยวเฟยและชี้ไปที่เธอ
“เจ้า! หายไปไหน ทําไมไม่บอกข้า! ข้าจะทําอย่างไรหากรมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า!”
หลินเฉินยู ต้องการที่จะดุเธอต่อไป แต่เขาเห็นว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวและกําลังจับมือใครบางคนเขาก็หยุดชั่วคราว
คนที่จับมือลูกพี่ลูกน้องของเขา สวมเสื้อคลุมสีดํา และมีผ้าคลุมใบหน้าของเขา
หลินเฉินยูไม่ได้เห็นว่าคนผู้นี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เขาสรุปได้ว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นเด็กเนื่องจากรูปร่างของเขา มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับลูกพี่ลูกน้องของเขา
เขาชี้ไปที่เด็กที่จับมือลูกพี่ลูกน้องของเขา และกล่าวว่า “นั่นใครหรือ?”
ตามที่คาดไว้ หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้ตอบเขา ขณะที่เธอเดินจากไปพร้อมกับเด็กที่ยังคงจับมือเธออยู่
และแทนที่จะกลับเข้าไปในกระโจม หลินเสี่ยวเฟยจึงตัดสินใจเดินกลับไปตามทางที่พวกเข้ามา
“เจ้ากําลังจะไปที่ใด?” หลินเฉินยู ถามเธอขณะที่เขาเดินตามเธอไป
ที่หลินเฉินยูติดตามหลินเสี่ยวเฟยไป เนื่องจากเขาเบื่อแต่ เขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะมาที่โรงประมูล
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เข้ามาและเห็นสิ่งของสองชุดที่ถูกนําออกมาประมูลบนเวที
หลินเสี่ยวเฟยไม่ได้มองดูพวกมันและไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยเธอยังกล้าที่จะหายตัวไปต่อหน้าเขาและกลับมาพร้อมกับเด็ก!
ท้ายที่สุด เธอมีแผนจะซื้ออะไรกันแน่?
เส้นเลือดของหลินเฉินยูเริ่มปรากฏขึ้น ในขณะที่เขาต้องการคําอธิบายดีๆจากหลินเสี่ยวเฟย
น่าเสียดาย ที่หลินเสี่ยวเฟยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อยในขณะที่เธอยังคงเดินไปตามถนนก่อนหน้านี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นหลินเฉินยูจึงยอมจํานนต่อชะตากรรมของเขาและเดินตามลูกพี่ลูกน้องของเขาต่อไป
หลังจากเดินไม่กี่นาที หลินเฉินยก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอยู่ด้านหลังของเขาและรู้สึกว่ากําลังมีบางอย่างผิดปกติ
เขาชะงักฝีเท้า แล้วค่อยๆหันกลับมา ดวงตาของเขาขยาย
ควันดําลอยขึ้นเหนือหัว ผู้คนกรีดร้องและพยายามหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง และเปลวไฟสีเหลืองเริ่มเข้าปกคลุมกระโจมทุกอย่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล
เขาหันไปทางที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่ หลังจากเขา เห็นแววตาที่สนุกสนานของเธอ เขามั่นใจทันทีว่าเธอกําลังยิ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้น