ตอนที่ 53 การก่อวินาศกรรม
หลินเสี่ยวเฟย ไม่รู้ว่ามีคนอยู่บนหลังคาของที่พักและกําลังแอบดูเธออยู่
เธอจ้องไปที่คาเอล ที่กําลังเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขา
คาเอล รู้สึกว่าใบหน้าของเขาเริ่มมีสีแดงที่แก้มเล็กน้อย เมื่อเขาต้องถอดเสื้อผ้าออกต่อหน้าคนอื่น ก่อนหน้านี้เขาคอย บอกตัวเองอยู่เสมอว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น และหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาคือหนึ่งในสตรีผู้สูงศักดิ์ที่ต้องการเก็บของเล่นไว้ข้างกาย
โชคดีที่โรงประมูลได้รักษาความสะอาดของผลิตภัณฑ์ก่อ นนําเสนอให้กับลูกค้า และด้วยเหตุนี้ คาเอลจึงไม่ต้องอาบน้ํา ดังนั้นเธอจึงไม่บอกเขาให้ไปอาบน้ําแต่ให้เขาถอดเสื้อผ้าของเขาออกแทน
แต่เธอตั้งใจจะทําอะไรกันแน่? คาเอลคิดในใจ ในขณะที่เขารู้สึกตัวสั่นเพราะเขาได้ยินเรื่องทาสบางคนถูกเจ้านายคนใหม่ ของพวกเขาทําให้กลายเป็นของเล่น
หลินเสี่ยวเฟย เงียบตลอดเวลาขณะที่เธอจ้องไปที่คาเอล ที่กําลังถอดเสื้อผ้าของเขา
ออกอย่างช้าๆ
เมื่อเขาถอดมันออกหมดแล้ว หลินเสี่ยวเฟยก็สํารวจร่างกายเขาไปรอบๆ ดูเหมือนกําลังมองหาอะไรบางอย่าง
ด้วยดวงตาที่สวยงามของเธอที่จ้องมองมาที่เขา คาเอลได้ปิดอวัยวะของเขาที่สามารถมองเห็นได้เฉพาะร่างกายผู้ชายโดยที่เธอไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเฟยไม่ยอมให้เขาปิด และกล่าวว่า “เอามือออก ข้าเห็นว่าเจ้ากําลังปกปิดมันอยู่”
คาเอล รู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา เธอต้องการเห็นอะไรกันแน่?
“ท่านแน่ใจนะ?” คาเอลมองเธออย่างกังวลใจ
เมื่อมาถึงจุดนี้ คาเอลก็เชื่อฟังและปฏิบัติตามคําพูดของเธอเขาเอามือที่ปิดออกจากอวัยวะของเขาออกและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยน้ําตาคลอ เขาภาวนาให้มีคนเห็นและช่วยเขาให้พ้นจากการถูกดูหมิ่นเช่นนี้
แต่เขาไม่รู้เลยสักนิด ว่าคนที่อยู่บนหลังคาก็ตกใจเช่นเดียวกัน
ฉู่เเซียวซูพูดไม่ออก เมื่อเขาได้เห็นฉากที่เปิดเผยที่ด้านล่าง เขาคิดว่าเขาไม่จําเป็นต้องเห็นตัวเองแต่รู้ได้ว่าพวกเขากําลังพูดถึงอะไร และอีกครั้งที่เขาแปลกใจที่หญิงสาวที่ทําให้เขาได้รับความบันเทิงตลอดเวลานั้นช่างดูไร้ยางอาย
เขาอยากจะลงมาหยุดเธอในตอนแรก เพื่อปิดดวงตาของ เธอที่กําลังคุกคามคามผู้อื่น
แต่ลึกๆข้างใน ฉู่เซียวซูรู้สึกเหมือนเขากําลังกินน้ําส้มสายชูและมองดูวิธีที่ผู้หญิงที่เขาสนใจกําลังมองดูร่างกายของผู้อื่นยู่
แน่นอน ฉู่เซียวซูไม่คิดว่าความคิดของเขาแปลก เพราะเขาหยิ่งและเป็นเจ้าของกับสิ่งที่เขาชอบ
แต่ถ้าหญิงสาวได้ยินความคิดของเขา เขามั่นใจว่าเธอจะมองมาที่เขาด้วยสีหน้ารังเกียจ
พูดตามตรงแล้ว หลินเสี่ยวเฟยไม่มีความคิดอื่นใดเหมือนกับที่พวกเขาคิด และมุ่งไปที่การมองหารอยตําหนิบนร่างกายของเด็กชาย
นอกจากนี้ เธอไม่ใช่หญิงสาวที่ไร้เดียงสา เธอเคยแต่งงาน แล้วครั้งหนึ่ง และการที่ได้อยู่กับใครสักคนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
และการที่เธอได้เห็นร่างกายของเด็กนั้น ก็ไม่ได้มีความหมายสําหรับเธอ
หลังจากมองดูเด็กชาย หลินเสี่ยวเฟยกล่าวสั่ง “หันหลังกลับ”
คาเอล ไม่ลังเลที่จะหันกลับมาและร้องไห้ในใจอย่างเงียบๆ
ตอนนี้ไม่มีทางหนีพ้นแล้วจริงๆหรือ? ในที่สุดเขาก็กลายเป็นของเล่นของใครบางคน?
ขณะที่ความคิดของเขากําลังดําเนินไปอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นั่งข้างหลังเขากําลังตะลึงกับสิ่งที่เธอพบในร่างกายของเด็กชาย
นอกจากรอยแผลเป็นมากมายบนหลังและขาของคาเอลแล้ว หลินเสี่ยวเฟยก็พบสิ่งที่เธอกําลังมองหาในที่สุด
เธอเอื้อมมือออกไปแตะหลังเล็กๆของเด็กชาย
หลินเสี่ยวเฟยกระพริบตาอย่างไม่เชื่อ
ที่ด้านหลังของเด็กชายมีรอยสักเป็นวงกลม รอยสักสีดําเป็นความแตกต่างชัดเจนอย่างมากเมื่อเทียบกับสีผิวจริงของเด็กชาย
เธอแกะรอยด้วยปลายนิ้วบนรอยสัก มันมีลักษณะเป็นรูปลูกลืนหาง
ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตและถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน หยูเฟิงซูได้ บอกกับคนของเขาว่า พวกเขากําลังมองหาทาสที่มีสัญลักษณ์คล้ายคลึงกันบนหลังของเขาเมื่อเขาไปเยี่ยมเธอในดันเจี้ยน
ในเวลานั้น หยูเฟิงซูอาจพูดถึงเรื่องนี้ได้ เพราะเขารู้ว่าหลินเสี่ยวเฟยจะไม่มีชีวิตอยู่เพื่อดูแสงอีกครั้งและพูดต่อหน้าเธออย่างไม่ระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเฟยที่ทนทุกข์ทรมานอย่างมากจากการถูกทรมาน เธอมักจะใช้หูของของเธอในการฟังเรื่องราวต่างๆ เสมอ
หยูเฟิงซูเคยกล่าวว่า ทูตที่ประเทศตะวันตกกําลังมองหาเด็กที่ดูเหมือนจะถูกลักพาตัวไป
แต่ถึงแม้ หลังจากไปตามหาทุกหนทุกแห่งแล้ว พวกเขาก็ไม่พบเด็ก ดังนั้น หยูเฟิงซูจึงต้องไปตรวจดูสถานที่โรงประมูลทุกแห่ง
เขาคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเด็กในโรงประมูล ที่หลินเสี่ยวเฟยไปมาแล้ว แต่เนื่องจากเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่กําลังจะมาถึง เขาจึงไม่มีเวลามาที่โรงประมูลแห่งนั้นและไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในดินแดนของเขาเอง เขาจึงมั่นใจว่าจะไม่มีใครก่อวินาศกรรมขึ้น
น่าเสียดาย ที่หลินเสี่ยวเฟยรู้แผนการและความคิดของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงกล้าหาญและดําเนินแผนการอย่างตรงไปตรงมาเมื่อต้องรับมือกับหยูเฟิงซู
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่หยูเฟิงซูพบว่าโรงประมูล ถูกไฟไหม้และพวกทาสได้หนีไป เขาจะไม่คิดด้วยซ้ําว่าหญิงสาวจากตระกูลหลิน เป็นผู้ที่ทําลายแผนการของเขาและได้พาเด็กชายไปก่อนหน้าเขาแล้ว
ในห้วงความคิดของเธอ หลินเสี่ยวเฟยไม่รู้ว่าในขณะที่เธอยังคงมองดูเด็กชายจากด้านหลังเป็นเวลานาน ยังมีอีกสองคนที่รู้สึกท้อแท้เพราะพวกเขาผิดหวังกับการกระทําของเธอ
ไม่ว่าพวกเขาจะมองเธออย่างไร หลินเสียวเฟยดูเหมือนว่า เธอกําลังไตร่ตรองมองไปที่ข้างหลังของเด็กชาย และเป็นอีกครั้งที่คาเอลตัวสั่นไปด้วยความกลัว
และในทางกลับกันฉู่เซียวซูพยายามระงับแรงกระตุ้นที่จะทําลายหลังคา นี้ทิ้ง และลงมาเพื่อปิดดวงตาของเธอและฆ่า เด็กคนนั้นซะ