กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 54 ผู้เข้าชมใหม่
“คุณหนู? ท่านอยู่ในนั้นหรือไม่?” เสียงจากภายนอกเรียกเธอ ทําให้หลินเสียวเฟยหลุดจากความคิดของเธอ
โดยไม่ได้หันศีรษะ หลินเสี่ยวเฟยถามสาวใช้ “มีอะไรหรือ?”
ไปสู่กลืนน้ําลายอย่างแรง และก้มศีรษะลง หลังจากได้ยินเสียงที่เย็นชาของหญิงสาวภายในห้อง “คุณชายใหญ่ส่งกล่องเครื่องประดับมาให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
เนื่องจากคุณหนูน้อยบอกให้พวกเขาอยู่ห่างจากที่พักไปลู่และคนอื่นๆจึงพักอยู่ในลานคนใช้ใกล้กับที่พักของหญิง
สาว
และเมื่อเธอกําลังจะออกจากที่พักของคุณหนู คุณชายใหญ่ได้เดินผ่านไปและมอบกล่องให้สาวใช้เพื่อนําไปมอบให้แก่คุณหนูของเธอ
หลินเสี่ยวเฟยหยุดนิ้วของเธอ ที่กําลังตามรอยสักบนแผ่นหลังของเด็กชายผู้นั้น
หลินเสี่ยวเฟยพยายามจะจําให้ได้ว่าผู้ใดคือคุณชายใหญ่แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีความทรงจําของเจ้าของร่างคนก่อน ดังนั้น เธอจึงทําการคาดเดาระหว่างบุตรชายคนอื่นๆในคฤหาสน์ตระกูลหลิน
“คุณชายใหญ่ หลินเฉินยู” ไปสู่กล่าว หลังจากได้ยินเสียงของหญิงสาวที่เปล่งออกมาราวกับว่าเธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคุณชายผู้นี้
หลินเสี่ยวเฟยถอนหายใจ เธอไม่รู้ว่าอะไรทําให้ลูก พี่ลูกน้องของเธอไปส่งกล่องเครื่องประดับถึงที่พักเธอ
แม้ว่าเธอจะพบเขาก่อนหน้านี้ หลินเสี่ยวเฟยก็ยังไม่รู้จักว่าใครเป็นใครในสมาชิกในตระกูลหลินดังนั้นหากเธอต้องพบหนึ่งในพวกเขาเธอจําเป็นต้องได้รับการเตือน
เช่นเดียวกับที่เธอได้พบกับหลินเฉินยู เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคุณชายใหญ่ในตระกูล
และเรียกเขาว่า ลูกพี่ลูกน้องที่รัก” เพื่อปกปิดคําโกหกของเธอ และแสร้งทําเป็นว่าเธอยังจําเขาได้
“ข้าควรเอาสิ่งนี้ ไปใส่ไว้ในคลังสะสมของคุณหนูหรือไม่”ไปสู่กล่าวถาม เพราะรู้สึกว่าแขนของเธอกําลังจะร่วงจากการถือกล่องในมือของเธอ
เมื่อรู้ว่าคุณหนูของเธอชอบเก็บเครื่องประดับและของแวววาวที่เธอเห็นว่าสวยงามในสายตาของเธอมากแค่ไหนไปสู่ก็พร้อมที่จะไปยังคลังสะสมของหลินเสี่ยวเฟยและนําไปเก็บไว้ในที่พักของเธอ
ทันใดนั้น หลินเสี่ยวเฟยก็กล่าวขึ้น อย่างไม่คาดคิดว่า “ไม่จําเป็น เจ้ารับไปและแบ่งสิ่งที่อยู่ภายในกล่องระหว่างเจ้ากับคนรับใช้คนอื่นๆ”
แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาร่วมกันในวันนี้ แต่หลินเสี่ยวก็ไม่มีท่าทางที่เร่งรีบและเชื่อใจคนที่เธอเพิ่งพบในวันนี้และรับของขวัญจากเขา
ไปสู่ตกตะลึงกับคําสั่งของหญิงสาว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณชายใหญ่ที่ให้บางสิ่งแก่เธอ และนี่ก็เป็นครั้งแรก ที่คุณหนูของเธอตัดสินใจปล่อยของสิ่งนั้นให้กับพวกเธอ แทนที่จะนําไปไว้ไปยังคลังสะสมของเธอ
ไปสู่ รู้สึกเหงื่อออกจนไหลลงคอ ขณะที่เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณหนูของเธอจะพูดเช่นนั้น
และออกคําสั่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะยกสิ่งของมีค่าให้แก่พวกเขา
เธอรอสองสามวินาที แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังไม่ได้ยินว่าคุณหนูของเธอ สั่งให้พวกเขาทําอะไรบางอย่าง
เมื่อไม่ได้รับคําสั่งเพิ่มเติมจากคุณหนู ไปสู่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันใดนั้น เธอนึกอะไรบางอย่างได้และกล่าวอย่างประหม่าว่า “คุณหนูข้าลืมบอกคุณหนูว่าครอบครัวของคุณหญิงสองมาถึงแล้ว และนายท่านก็ขอให้คุณหนูไปพบในลานหลักของคฤหาสน์ด้วย”
“โอ้ ข้าไม่รู้ว่าพวกเขามีจุดประสงค์อะไรในการมาเยี่ยมครั้งนี้” หลินเสี่ยวเฟยเลิกคิ้ว และยกนิ้วออกจากด้านหลังของเด็กชาย เธอไม่รู้ว่าใครคือครอบครัวของคุณหญิงสอง ที่มาเยือนคฤหาสน์ตระกูลหลิน
และเหตุใดจึงต้องการให้เธออยู่ที่นั่นด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเธอจะได้เห็นใบหน้าและพอจะคาดเดาจุดประสงค์ของพวกเขาได้
“แต่ก็ไม่เป็นไร.” หลินเสี่ยวเฟยยิ้มและลุกขึ้นจากที่นั่งที่เธอนั่ง “บอกพวกเขาว่าข้ากําลังเปลี่ยนเสื้อผ้าและกําลังจะไปที่นั่น”
หลังจากที่สาวใช้จากไป หลินเสี่ยวเฟยก็หันไปทางต้เตี้อผ้าของเธอ ทิ้งเด็กที่เปลือยเปล่าซึ่งยังคงยืนอยู่หน้าโต๊ะ
หลินเสี่ยวเฟยกําลังหาชุดที่เหมาะเพื่อที่จะสวมใส่ เธอจึงพูดกับเด็กชายที่ยังคงยืนเปลือยกายอยู่หน้าโต๊ะว่า “ถ้าหากเจ้าไม่อยากปวย เจ้าสวมเสื้อผ้าที่ข้าวางไว้ให้บนโต๊ะนั่นซะ”
คาเอลไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่เขาเอื้อมมือไปจับเสื้อผ้าที่เธอมอบให้เขา เสื้อผ้าที่มีคุณภาพสูงนั้นมันดูนุ่มและน่าสัมผัส เขารู้ว่ามันมีราคาแพงมิใช่น้อย
ในขณะเดียวกัน หลินเสี่ยวเฟยไปที่หลังฉากกั้นห้องและเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดสีดําของเธอเป็นชุดสีแดง
ชุดที่เธอเลือกดูสดใส และทําให้ผิวขาวซีดของเธอดูเหมือนหยกขาว เธอยังเปลี่ยนทรงผมและปล่อยให้ผมครึ่งหนึ่งพริ้วไสวไปข้างหลังของเธอ ขณะที่ผ้าคลุมที่เธอสวมมาตลอดถูกทิ้งไปด้านข้างแล้ว และเมื่อเธอเดินไปรอบๆ สีหน้าของคาเอลเหมือนคนหายใจไม่ออก เพราะสายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอ
แม้ว่าเขาจะเป็นแค่เด็ก แต่คาเอลก็รู้ดี ว่าหญิงสาวที่สวยจะต้องมีลักษณะแบบไหน และหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ดูเป็นมากกว่านั้น และเนื่องจากเธอสวมผ้าคลุมหน้าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ คาเอลไม่เคยเห็นใบหน้าของเธอ ถ้าเธอไม่ถอดมันออก
เมื่อสบตากัน หลินเสี่ยวเฟยยิ้มให้เขา และเดินเข้าไปใกล้เพื่อรัดเข็มขัดให้แน่นขึ้น และกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าดูเหมือนมนุษย์ปกติแล้ว”
คาเอลจ้องที่เธอและกัดลิ้นของเขา ขณะที่เขากลั้นในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด
เธอพอใจกับการแสดงออกของคาเอล หลินเสี่ยวเฟยเดินไปที่ประตูและหยุดเพื่อหันมามองที่เด็กชาย และกล่าวว่า “ข้าต้องไปพบคนบางคน อย่าออกไปไหนและอยู่ที่นี้ หากทําไม่ได้ข้ามิอยากจะเสียเงินเพื่อไปเผาที่อื่นอีก”
“เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
คาเอลพยักหน้าช้าๆ ภายใต้ดวงตาที่ดูแวววาว
เด็กชายพยักหน้าเพื่อตอบเธอ หลินเสี่ยวเฟยยิ้มกว้างขึ้นในขณะที่เธอคาดหวังว่าการแสดงกําลังจะเริ่มขึ้น ในที่ที่เธอกําลังมุ่งหน้าไป