กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess
ตอนที่ 61 งานเลี้ยง 2
เมื่อพวกเขามาถึงงานเลี้ยง เจ้าหน้าที่หลายคนนั่งบนที่นั่งของตนแล้วแต่พวกเขาไม่ปฏิบัติตามการจัดที่นั่งแบบเดิมซึ่งจะมีที่นั่งตามอันดับของพวกเขาพวกเขากําลังนั่งอยู่บนที่นั่งที่สามารถสนทนากับสหายได้อย่างอิสระ
ในขณะที่ที่นั่งและโต๊ะอื่นๆ ถูกวางกระจายอยู่ทุกด้านของห้องโถงซึ่งเหล่าขุนนางสามารถเข้าไปนั่งได้
ที่นั่งสูงสุดและไกลที่สุด มีคนสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้นั้น ที่ถูกทําขี้นอย่างวิจิตรบรรจงอยู่แล้ว
นั่นคือจักรพรรดิและจักรพรรดินี ทั้งสองมีรอยยิ้มอันสง่างามของพวกเขาติดอยู่บนใบหน้าและไม่มีคําใบ้ใดที่จะบอกใครได้ว่าเมื่อใดที่พวกเขาจะเช็ดรอยยิ้มที่น่ารําคาญออกจากใบหน้าของพวกเขาเสียที
นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้และโต๊ะอีกหลายตัวที่เรียงรายอยู่ใต้ที่นั่งของจักรพรรดิและจักรพรรดินี ที่นั่งเหล่านี้ถูกใช้โดยราชวงศ์ของจักรพรรดิและดูเหมือนว่าองค์ชายและองค์หญิงทุกคนจะอยู่ที่นั่นขณะที่พวกเขานั่งอยู่ที่นั่นแล้ว
แต่มีที่นั่งหนึ่งที่ไม่ได้เป็นของราชวงศ์ใดๆ และเป็นที่นั่งอันมีเกียรติของดยุคเชียว เนื่องจากเขามีตําแหน่งสูงสุดจากความสําเร็จที่โดดเด่นของเขาและในฐานะคนที่มีเลือดของราชวงศ์ไหลผ่านเส้นเลือดของเขาดยุคจึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
ขณะที่หลินเซียวเหมิง นั่งอยู่ใต้องค์ชายและดยุคเพื่อให้ความเคารพแก่เขา
เมื่อตระกูลหลินที่เหลือมาถึงห้องโถง เสียงพูดคุยของหญิงสาวส่วนใหญ่ก็เบาลง ก่อนที่จะหยุดชั่วคราวเมื่อพวกเขามองดูสมาชิกตระกูลหลินที่เดินเข้าไปในห้องโถง
ขันทีในวังประกาศการมาถึงของพวกเขาและสมาชิกตระกูลหลินก็โค้งคํานับเพื่อกล่าวทักทายและให้ความเคารพต่อราชวงศ์
และเมื่อหลินเสี่ยวเฟยโค้งคํานับ นางเพียงลดตัวลงเล็กน้อยจนไม่ปรากฏว่านางโค้งคํานับเลย ศีรษะของเธอยังเงยขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เธอสามารถมองดูใบหน้าของศัตรูได้
เล็บของเธอฝังอยู่ในฝ่ามือ ทําให้เกิดรอยคล้ายพระจันทร์เสี้ยวหลินเสี่ยวเฟยพบว่ามันยากที่จะควบคุมความปรารถนาของเธอที่จะฆ่าคนเหล่านี้ที่นั่นและต่อหน้าทุกคน
หลินเสี่ยวเฟยจ้องมองและเธอก็ก้มศีรษะลง ซ่อนการเยาะเย้ยเย็นชาจากดวงตาของพวกเขา
เท่าที่เธอต้องการจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด หลินเสี่ยวเฟยคิดว่ามันเร็วเกินไปสําหรับเธอที่จะทําเช่นนั้น และมันจะไม่ถือว่าเป็นการแก้ แค้นอีกต่อไปหากพวกเขาตายอย่างง่ายดาย
พวกเขาทําให้ชีวิตของเธอน่าสังเวชและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดไม่รู้จบแล้วทําไมเธอต้องปล่อยให้คนเหล่านี้ประสบกับสิ่งที่เธอประสบเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น?
หลังจากโค้งคํานับและทักทายผู้อาวุธโสและราชวงศ์แล้ว หลินเสี่ยวเฟยก็เดินและนั่งในที่ที่สมาชิกในตระกูลหลินที่เหลือเลือกที่จะนั่ง
ขณะที่พวกเขานั่งบนที่นั่ง บรรดาหญิงสาวของตระกูลหลินก็ทักทายมิตรสหายของพวกเขาทันทีและพูดคุยกันอย่างมีความสุขคุณหญิงหนึ่งและสองก็เหมือนกัน เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าคุณหญิงที่ทัก
ทายพวกเขา
ในทางกลับกันหลินเฉินยูและหลินจุนไค ต้องนั่งกับบุตรชายคนเล็กของเจ้าหน้าที่และเหล่าสหาย
และมีเพียงหลินเสี่ยวเฟยเท่านั้นที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลําพังและดูเหมือนไม่มีใครมีเจตนาที่จะเข้าใกล้และสนทนากับเธอ
“หลินเสี่ยว นั่นคือคุณหนูสี่ของตระกูลเจ้าใช่หรือไม่” สหายของ
“ใช่ นั่นน้องสาวคนที่สี่” หลินเสี่ยว ก้มหน้าตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเธอ
“ชิ! ทําไมนางถึงมาที่นี่หรือ” สหายอีกคนของหลินเสี่ยวพร่ําขณะที่เธอจ้องไปที่หลินเสี่ยวเฟยอย่างน่ารังเกียจ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี้ไม่ปล่อยให้ขยะเข้ามา?”
“ซียี่เจ้าพูดอะไร หลินเสี่ยวเฟยเป็นลูกพี่ลูกน้องคนที่สี่ของข้าและเป็นสายเลือดของท่านตาของเธอ เธอสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงวันนี้ได้” หลินเสี่ยวกล่าวอย่างไร้เดียงสา และซ่อนความหมายของเธอเพื่อให้น้องสาวของเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เช่นเดียวกับที่เธอคาดการณ์ไว้ สหายของเธอจ้องมองไปที่ทิศทางของหลินเสี่ยวเฟยและเยาะเย้ยเพื่อให้เธอได้ยิน ”ฮ่า! อาศัยอยู่หลังตาของนาง นางมีความแตกต่างอะไรกับเจ้าหน้าที่ทุจริตและประจบประแจงน่าขยะแขยง!”
“ถูกต้อง นางควรจะอยู่ในลานบ้านของนางไปอีกหลายปีแทนที่จะออกมาตอนนี้!”
“โชคดีที่ตระกูลชู ยกเลิกการหมั้นก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นใครจะไปรู้ว่าพวกเขาอาจจะถูกทําลายเพราะนาง!”
พวกเขายังคงพูดจาไม่ดีต่อหลินเสี่ยวเฟย และเมื่อหลินเสี่ยวพอใจกับความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ เธอพยายามพูดในนามของหลินเสี่ยวเฟย
“พอแล้ว” เธอบอกพวกเขา “ลูกพี่ลูกน้องของข้าอาจจะเคยทําเรื่องโง่ๆมาก่อนแต่ข้าแน่ใจว่าหลังจากที่เธออยู่แต่ในที่พักของเธอนานถึงสามปีเธอต้องคิดที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเธอในตอนนี้”
“ช่างไร้สาระ!” ซียเยาะเย้ยและกอดอก “อีกไม่กี่ปีนางจะเปลี่ยนไปไม่มีทางมองดูนางสิ นางยังเหมือนเดิม ดูโง่เขลาที่ไม่รู้ว่าจะทําตัวเหมือนหญิงสาวยังไงมองดูชุดที่นางใส่สิ!”
เมื่อเธอพูดจบ หญิงสาวทุกคน แม้กระทั่งคุณหญิงและชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆก็มองไปยังที่ที่หลินเสี่ยวเฟยนั่งอยู่
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถเห็นหญิงสาวที่พวกเขาอธิบายว่าโง่และเป็นขยะ
จากหญิงสาวที่กําลังนั่งมองลงมาที่ถ้วยน้ําชาของเธอราวกับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดที่เธอเห็นในห้องโถงที่เต็มไปด้วยของสวยงามและหายาก
ศีรษะของเธอก้มลงเล็กน้อยและขนตาที่ยาวเกินไปทําให้เกิดเงาบนแก้มของเธอ ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้อีกต่อไป เมื่อเธอมีใบหน้าที่สวยงามและไม่มีใครเทียบได้
แม้ว่าเธอกําลังให้ความสนใจกับกลีบดอกไม้ในถ้วยน้ําชาของเธอแต่หลินเสี่ยวเฟยก็ได้ยินเสียงของพวกเขาชัดเจนจากที่ที่เธอนั่งและรู้สึกถึงผู้ที่กําลังจ้องมองมาที่เธอหลายครั้ง
เธอต้องการหัวเราะเยาะกับคลื่นที่พวกมันสร้างขึ้นเพียงเพราะเธออยู่ที่นั่น เธอไม่ได้พยายามพูดและเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ เธอเพราะถ้าเธอพูด คนที่จะเหนื่อยจะเป็นตัวเธอเองที่พยายามพู ดกับแต่ละคนและเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเธอ
ในขณะที่บางคนกําลังจดจ่ออยู่กับเธอ ขุนนางส่วนใหญ่ที่มาและราชวงศ์ไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของพวกเขาพวกเขาจดจ่ออยู่กับการสนทนากับเหล่าสหายและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ
จากนั้นราวกับสายฟ้าฟาดผ่านห้องโถงที่สงบและคึกคักชายในชุดเครื่องแบบทหารก็วิ่งเข้ามาภายในห้องโถง
ด้วยเสียงที่ดังและแหบแห้งของเขา เขาตะโกนด้วยใบหน้าซีด“ฝ่าบาท! มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น!”