กําเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์ เล่มที่ 4 บทที่ 14 ความผิดพลาดของหว่านเจิ้น
เล่มที่ 4 บทที่ 14 ความผิดพลาดของหว่านเจิ้น
“ น นี่”
ผู้คนกลายเป็นอ้าปากค้าง พ่อลูกหว่านถูและหว่านป้อจ้องมองไปยังภาพเบื้องหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาที่ตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือหว่านเจิ้น เขารู้ดีที่สุดว่าพลังที่เขาใช้ออกนั้นรุนแรงแค่ไหนเขามองไปยังหยางอี้อย่างตกตะลึงพร้อมกับพึมพําออกมา
“ป เป็นไปไม่ได้”
“อะไรที่เป็นไปไม่ได้? ด้วยความแข็งแกร่งแค่นี้เจ้าคิดว่าไม่มีใครต่อกรเจ้าได้รึ?”
หยางอี้กล่าวออกมาก่อนจะกระแทกหว่านเจิ้นจนกระเดินถอยไปถึง 10 เมตร ชายหนุ่มจ้องมองไปยังชายถือขวานด้วยสายตาเย็นเฉียบ หยาง ไม่คิดว่าจะจบเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว หว่านเจิ้นทําร้ายบิดาของเขาและคนในตระกูลจนบาดเจ็บการจัดการกับมันตอนนี้ถือว่าเร็วเกินไป
“ไม่ใช่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ? ที่แท้ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง”
คํากล่าวของหยางอี้กระตุ้นโทสะของหว่านเจิ้นขึ้นมาในทันที่ ความตกตะลึงเมื่อครู่หายไปในพริบตา ฉายาวัวคลั่งไม่ใช่ได้มาเพาะความโง่เพียงอย่างเดียว หว่านเจิ้นมีทักษะพิเศษที่ถ่ายทอดมาจากหว่านถูพ่อของเขา ด้วยความหัวทึบแต่ทรงพลังของมันเมื่อใช้ออกด้วยวิชาถือว่าเข้ากันได้โดยสมบูรณ์จุดเด่นของมันคือการทําลายศัตรูเบื้องหน้าด้วยทุกอย่างที่มี
“แก ! จะเสียใจก็สายไปแล้ว ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่านรกแท้จริงแล้วมันเป็นยังไง!”
หว่านเจิ้นกล่าวออกมาพร้อมกับปลดปล่อยพลังปราณออกรอบกาย พลังปราณของเขาค่อยๆกระพือช้าๆก่อนจะเป็นเป็นความบ้าคลั่ง ไอธรณีแปรปรวนก่อนจะหลอมรวมเข้าร่างกายหว่านเจิ้นดวงตาของเขาหรี ลงก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
หยางอี้มองไปยังหว่านเจิ้นอย่างสนใจ ความสามารถที่เขาใช้นั้นคล้ายกับตราประทับราชันย์อยู่หลายส่วน แม้ข้อจํากัดจะต่างกันและไม่อาจเทียบได้กับความพิเศษของสมบัติสวรรค์ทว่าความจริงที่ระดับพลังของหว่านเจิ้นเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับครึ่งก้าวสู่สวรรค์นั้นเป็นเรื่องจริง! ด้วยวิชานี้ระดับพลังของหว่านเจิ้นเพิ่มขึ้นถึงสองระดับ!
“เฮ้ เจ้าวัวน้อยดูเหมือนเจ้าพอจะมีดีอยู่บ้าง”
หยางอี้กล่าวออกมาหยอกล้อหว่านเจิ้นสายตาของชายหนุ่มคาดการณ์ไม่ผิดการใช้ทักษะที่ทรงพลังฝืนกฎธรรมชาติเช่นนี้ย่อมมีผลกระทบอย่างแน่นอนด้วยขีดจํากัดที่เพิ่มขึ้นทําให้ร่างกายต้องรับภาระอย่างหนัก อย่าว่าแต่วิชาของหว่านเจิ้นเลยต่อให้เป็นตราประทับราชันย์เองหยางยังแทบเอาตัวไม่รอดในครั้งก่อน
“สารเลว! มาดูกันว่าข้าจะฉีกปากเน่าๆของเจ้าอย่างไร!”
หว่านเจิ้นควงขวานรบพุ่งเข้าหาหยางอี้ในทันทีทั้งความเร็วและพละกําลังเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าหยางอี้มิใช่คนโง่การปะทะกับเขาตรงๆนั้นแม้ว่าจะไม่มีผลกระทบต่อชายหนุ่ม แต่หากว่านานไปก็ไม่แน่ว่าจะรับได้ทั้งหมดด้วยความเร็วที่เหนือกว่าหยางใช้ออกด้วยย่างก้าวมายาสวรรค์เงาของชายหนุ่มหายวับไปวับมาหลบการโจมตีของหว่านเจิ้น
เมื่อตีพลาดติดต่อกันมากเข้าด้วยความหงุดหงิดและโมโหหว่านเจิ้นกลายเป็นบ้าคลั่งยิ่งกว่าเก่า พลังทําลายรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หยางอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยดูเหมือนเจ้านี่จะสามารถเพิ่มความเร็วได้มากขึ้นอีก
“เจ้าแมลงวันสารเลว เจ้าทําเป็นแต่หลบหนีหรือไง? เจ้าสวะพวกนั้นยังมีความกล้ามากกว่าเจ้าที่เขามาให้ข้าทุ บที่พวกมัน!มาเร็วรีบเข้ามาข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าตอนที่ บที่บิดาเจ้ามันเป็นยังไง!”
เมื่อมองไปยังหว่านเจิ้นด้วยสายตาเย็นชา ความคิดและรอยยิ้มที่จะเล่นกับมันสักเล็กน้อยหายไปทันที ชายหนุ่มหยิบดาบออกมาจากแหวนมิติช้าๆ หว่านเจิ้นเห็นดังนั้นก็คลี่ยิ้มออกมาเขาไม่มีความเร็วมากพอจะโจมตีหยางเขาจึงเลือกที่จะยั่วยุชายหนุ่มให้เข้ามาหาเขาแทนทักษะวัวคลั่งนี้ไม่อาจคงอยู่ได้นานนักหากหมดเวลาเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเอาชนะศัตรูเบื้องหน้า โดยไม่รู้เลยว่าการกระทําของเขาครั้งนี้นั้นผิดมหันต์ หว่านเจิ้นเลือกเส้นทางที่จะเผชิญหน้ากับมัจจุราชอย่างแท้จริง!
อ้าก !
หนึ่งบาดแผลที่กลางหลัง ร่างของหยางอี้หายไปจากสายตาของหว่านเจิ้นอย่างสมบูรณ์ เขารู้สึกมึนงงและประหลาดใจตอนนี้ไม่ใช่ครั้งที่หยางอี้โจมตีทีเผลอ ตอนนี้เขาระวังตัวจนถึงขีดสุด ทว่าจวบจนเขาได้รับบาดแผลและความเจ็บปวดแล่นสู่สมอง หว่านเจิ้นไม่อาจสัมผัสได้เลยสักนิดถึงตัวตนของหยางอี้
อ้าก !
สีหน้าของคนฝั่งป้อมปฐพีกลายเป็นซีดขาวส่วนคนอื่นๆตรงกันข้ามเพราะเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทั้งศิษย์ของปราการอัคคีและสํานักร้อยตะวันล้วนสาบานในใจว่าจะไม่เป็นศัตรูกับเด็กหนุ่มผู้นี้เด็ดขาด!
ฉากเบื้องหน้าของทุกคนที่เห็นจากลานประลองหว่านเจิ้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดโหยหวน หยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น กระทั่งมีชิ้นเนื้อเล็กๆที่ถูกตัดออกมาฉับ! ใบหูข้างซ้ายกระเด็นออกมาจากตัวหว่านเจิ้น ร่างของหยางอี้นั้นกลายเป็นเงาไปนานแล้ว ด้วยความรวดเร็วในการเคลื่อนที่ต่อให้เป็นหว่านถูบิดาของเขาก็ยากที่จะมองเห็นแล้วนับประสาอะไรกับหว่านเจิ้น!
ผ่านไปสิบลมหายใจหยางอี้ลงดาบไปสิบห้าครั้ง!ทุกครั้งไม่มีเลือดก็มีชิ้นเนื้อกระเด็นออกมา หยางอี้รู้ดีบาดแผลพวกนี้ไม่อาจฆ่าผู้ฝึกตนระดับปฐพีได้ ทว่าความเจ็บปวดนั้นคนละเรื่องกันด้วยความหวาดกลัวหว่านเจิ้นร้องออกมาอย่างโหยหวน ขณะดาบที่สิบหกกําลังจะฟันออกมาหว่านป้อก็ทนดูหลานชายบาดเจ็บไม่ไหว
“พอแล้ว ! เรายอมแพ้!”
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเกลียดชังสองพ่อลูกจ้องมองไปยังหยาง ด้วยความเคียดแค้นจิตสังหารพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ปกปิด หากไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนเอ่ยปากออกไปเองปานนี้เขาสองพ่อลูกพุ่งเข้าไปฉีกหยางออกเป็นชิ้นๆแล้ว
หยางอี้ยิ้มออกมาก่อนจะหยุดดาบที่อีกนิดเดียวก็จะฟันไปที่ใบหูของหว่านเจิ้น ร่างของหว่าเจิ้นค่อยๆล้มลงกลับพื้นช้าๆในหัวใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เจตนาสู้ทั้งหมดไม่หลงเหลือเลยแม้แต่น้อย ผลกระทบจากทักษะวัวคลั่งทําให้ร่างของเขาแทบจะขยับไม่ได้ในตอนนี้
ตึก ตึก ตึก
หยางอี้เก็บดาบลงไปก่อนจะเดินไปยังร่างของหว่านเจิ้นชายหนุ่มยกขาขึ้นช้าๆก่อนจะเหยีบลงไปที่กลางหลังของมันหว่านเงินร้องออกมาอีกครั้งอย่างน่าเวทนา
“สารเลวเจ้าจะทําอะไร?”
หว่านถูกล่าวออกมาอย่างโมโหทันทีเมื่อเห็นการกระทําของ
หยาง
“พวกเจ้าคงไม่ลืมกระมังว่าเรามีเดิมพันกันอยู่”
หยางอี้คว้าไปที่แขนซ้ายของหว่านเจิ้นทันที สําหรับชายหนุ่มการใช้ดาบตัดแขนของมันนั้นเป็นการปราณีเกินไป!
“เจ้ากล้า? สารเลวหากเจ้ายังไม่ปล่อยเจิ้นเอ๋อเชื่อได้เลยว่าข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ”
หว่านถูคํารามออกมาดังสนั่นพร้อมกับชี้ไปยังหน้าของหยางอี้ ทว่า ชายหนุ่มผู้นั้นกลับเงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมกับส่งรอยยิ้มกลับไปให้
อ้ากกกกก !
หยาดเลือดสาดกระจายพร้อมกับเสียงร้องของหว่านเจิ้นก่อนที่เขาจะหมดสติไป หยางอี้ยกแขนของหว่านเจิ้นที่ติดมือของชายหนุ่มขึ้นมาอย่างช้าๆก่อนจะโยนกลับไปให้หว่านที่กําลังตกตะลึง
ตาย!
หว่านถูและหว่านป้อพุ่งเข้าไปหาหยางอี้ในทันทีทว่าชายหนุ่มเคลื่อนตัวหายไปจากตรงนั้นแล้วก่อนจะปรากฏตัวห่างไปอีกสิบเมตร หว่านป้อและหว่านดูละความสนใจจากหยางอี้และรีบดูอาการหว่านเจิ้นในทันที เขาตบยาเข้าปากบุตรชายหนึ่งเม็ดก่อนรีบให้คนพาบุตรชายกลับไปรักษา
สายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของทั้งสองจ้องมองมายังชายหนุ่ม แรงกดดันของทั้งสองเพิ่มขึ้นในทันที มวลพลังปราณมหาศาลไหลทะลักออกมาจากร่างของหว่านป้อและหว่านดูพวกเขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้วอย่างไรวันนี้ต้องฆ่าหยางอี้ให้ได้
ผู้ชมจากสํานักทั้งสองเมื่อเห็นเหตุการณ์รุนแรงที่จะเกิดขึ้นก็รีบจากไปทันที ทั้งปราการอัคคีและสํานักร้อยตะวันนั้นนํามาเพียงอาวุโสระดับสวรรค์เท่านั้น พวกเขามิได้มีเหตุจําเป็นเช่นวิหารสวรรค์และป้อมปฐพีที่นําพาระดับจักรพรรดิมาด้วย
“อาวุโสจางพาทุกคนออกไปก่อนการต่อสู้นี้รุนแรงเกินไปท่านบรรพชนจัดการกับเจ้าหมาแก่นั้นส่วนหว่านข้าจะจัด
การเอง”
“ขอรับนายน้อย”
แม้จะเป็นกังวลแต่ข่งยีจางก็เชื่อมั่นในตัวหยางอี้เขารู้ดีว่าชายหนุ่มมีไพ่ตายซ่อนอยู่ ไพ่ตายที่แม้แต่ท่านบรรพชนเองยังยากที่จะรับมือ ข่งยีจางไม่ได้ฟังคําทัดทานจากหยางจื่อสั่งและคนในตระกูล ลมปราณมวลหนึ่งห่อหุ้มตัวคนอื่นๆและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าออกจากสถานที่แห่งนี้ในทันที ราชาอู่หลงเองก็ทั้งลังเลและประหลาดใจ ทว่าก็ตัดสินใจตามข่งยีจางไปเช่นกัน
สองพ่อลูกนั้นไม่ได้ขัดขวางคนอื่นเพราะเป้าหมายของพวกเขามีเพียงหยางอี้เท่านั้น ในหัวใจของหยางอี้นั้นไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขามีแต่ความตื่นเต้นนี่เป็นครั้งแรกที่จะใช้งานมันเต็มรูปแบบ หยางอี้ กางมือทั้งสองข้างออกช้าๆก่อนพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
“หมื่นสวรรค์สําแดงเดช!”