กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์ – เล่มที่ 4 บทที่ 19 มุ่งสู่จักรวรรดิอันดับหนึ่ง

 

เล่มที่ 4 บทที่ 19 มุ่งสู่จักรวรรดิอันดับหนึ่ง

 

รุ่งเช้าหยางอี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับมองไปยังหญิงสาวในอ้อมกอดเขาขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็มากพอที่จะทําให้นางตื่น

“อ่า..ข้าทําให้เจ้าตื่น”

“ฮิฮิ วันนี้สามีของข้าจะจากไปแล้ว ข้าจะมาเสียเวลานอนอยู่ได้อย่างไร?”

 

ตูหลินยิ้มออกมาพร้อมกับหน้าแดงเมื่อพูดคําว่า สามีต่อหน้าหยางอี้ชายหนุ่มยิ้มขึ้นมาพร้อมจูบไปยังหน้าผากของนางด้วยความ

 

“มาเถิด ข้าจะอาบน้ําให้ท่าน”

 

หยางอี้ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับอุ้มนางเข้าไปยังห้องอาบน้ําโดยไม่รู้ว่าจะอาบให้ใครกันแน่

ภายนอกพระราชวังเรือเหาะลมปราณของสํานักวิหารสวรรค์ได้ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วโดยข่งยีจาง มันสามารถออกเดินทางได้ทุกเมื่อที่หยางอี้ต้องการการเดินทางครั้งนี้มีเพียงหยางอี้และข่งจางพร้อมกับลูกเรือไม่กี่คนเท่านั้น

 

ในห้องประชุมคนทั้งหมดถูกเรียกมาเพื่อบอกถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นถึงแม้ป้อมปฐพี่จะสละสิทธิ์กลับไปแล้วและวิหารสวรรค์ก็เป็นคนของหยางอี้ก็ตามแต่ยังไงที่นี่ก็ยังคงมีอีกสองสํานัก ใหญ่รั้งอยู่การเดินทางของหยางอี้นั้นถูกแจ้งให้ทุกคนทราบโดย ทันที

ถึงแม้การประกาศครั้งนี้จะเป็นการบอกว่าหนึ่งในตําแหน่งห้าผู้ถูกคัดเลือกจะถูกมอบให้กับชายหนุ่มอย่างแน่นอนแล้วในตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดที่จะคัดค้านคนของสํานักร้อยตะวันและปราการอัคคีล้วนประจักษ์แจ้งถึงความแข็งแกร่งของหยางอี้!

โดยเฉพาะเหล่าปรมาจารย์อาวุโสที่เป็นผู้นําศิษย์ของแต่ละสํานักมาย่อมรู้ดีพวกเขาล้วนเป็นหนึ่งในผู้กางม่านพลังในครั้งนั้นเพียงการโจมตีสุดท้ายทําให้พวกเขาต้องได้รับบาดเจ็บถึงขั้นหมดสติแล้วยังจะมีผู้ใดกังขาในความสามารถของชายหนุ่มอีก?

 

ส่วนพวกศิษย์ที่เฝ้ามองเหตุการณ์จากที่ไกลๆนั้นหรือ? ไม่ต้องเอ่ยถึง! ภายในหัวใจของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ!ความหยิ่งผยองก่อนหน้านั้นที่ภูมิใจในการเป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆของสํานักใหญ่ได้หายไปหมดแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าหยางอี้!

ไม่ว่าพวกเขาจะคิดฝันเช่นใดก็จินตนาการไม่ออกถึงฉากที่พวกเขาจะสามารถสังหารหนึ่งใน 5 ตํานาน ครึ่งก้าวสู่ระดับจักรพรรดิได้จริง ๆ ดังนั้นตําแหน่งรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของจักรวรรดิเมฆาหวนภายในหัวใจของพวกเขาคือหยางอี้แน่นอนไม่ผิดเพี้ยน

 

การประชุมดําเนินไปอย่างเรียบง่าย ทุกคํากล่าวของตู้ยี่หลงล้วนไร้ข้อโต้แย้ง ส่วนการที่ทําไมหยางอี้ต้องเดินทางล่วงหน้าไปก่อนนั้นไม่มีผู้ใดถามถึงการพูดคุยไม่นานก็สิ้นสุดลงเมื่อได้ข้อสรุปการปะลองคัดเลือกสําหรับผู้เยาว์ที่เหลืออยู่และที่นั่งอีก 4 ตํา แหน่งจะเริ่มขึ้นในอีก 7 วัน และจะเดินทางหลังจากนั้น 3 วันดังนั้นเมื่อคํานวณแล้วหยางอี้จะไปถึงก่อนพวกเขา 10-20 วัน ขึ้นอยู่กับความเร็วของเรือลมปราณ

ใต้ท้องฟ้ายามสายของวันแดดจางๆเริ่มสาดส่อง ใต้เงาขนาดใหญ่ของเรือลมปราณกลุ่มคนราวหนึ่งร้อยคนต่างเข้ามายืนรวมกันเพื่อรอชายหนุ่มสําหรับทุกอย่างนั้นข่งจางได้เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมดแล้วพูดคุยกันไม่นานหยางอี้ก็มาถึงชายหนุ่มอยู่ในชุดคลุมส บายๆสีฟ้าครามภายในเป็นชุดรัดรูปสีน้ําเงินเข้มขับให้เห็นถึงกล้าม เนื้ออันสมบูรณ์แบบ ตามด้วยตูหลินที่อยู่ในชุดสีชมพูสว่างใบหน้าของนางที่ดูมีน้ํามีนวลส่งผลให้ความงดงามที่มีอยู่ก่อนแล้วทรงเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว อี้เอ๋อร์”

“คารวะท่านพ่อ คารวะทุกท่าน ขอบคุณที่ให้เกียรติมาส่งข้าในวันนี้”

หยางอี้มองไปยังกลุ่มคนมากมาย นอกจากคนในตระกูลหยางยังมีอีกหลายคนที่หยางอี้ไม่รู้จัก แม้แต่ศิษย์ของสํานักวิหารสวรรค์เองที่ก่อนหน้านี้เคยนิ่งเฉยก็ยังมาเช่นกัน หยาง ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าโลกนี้ความแข็งแกร่งอยู่เหนือทุกสิ่งดังนั้นการที่ท่าทีของ คนพวกนี้เปลี่ยนไปย่อมมาจากเหตุการณ์ในวันนั้น

แม้จะเป็นเช่นนั้นหยางอี้ก็ยังคงยินดีในมิตรภาพ เขาทักทายทุกคนที่พอจะรู้จักและพูดคุยกับทุกคนที่เข้ามาหาเขา แต่เดิมเขาก็ไม่ใช่คนหยิ่งยโสอยู่แล้วในอดีตที่เขาแสดงความเย็นชาออกมาตลอดก็เป็นเพราะคนอื่นมองว่าเขาอ่อนแอและง่ายต่อการรังแก

เมื่อกล่าวลากับทุกคนแล้วหยางอี้จึงหันมาพูดคุยกับบิดาและพ่อตาในอนาคตทั้งสองต่างยิ้มส่งให้กับหยางอื้อย่างอบอุ่น

 

“ลูกเขยรักษาตัวด้วย เจ้าอย่าได้ทําอะไรบ่มบ่ามเกินไป”

“ใช่แล้ว อี้เอ๋อร์ พ่อรู้ดีว่านิสัยเจ้าเป็นเช่นไร ตอนนี้เจ้าเติบโตและก้าวล้ําพ่อของเจ้าไปไกลมากแล้ว พ่อไม่มีอะไรจะสอนเจ้าแต่ขอเพียงเจ้าจงอย่าได้ทําอะไรรู่วามและรักษาตัวเองด้วย”

“ขอรับท่านพ่อ พวกท่านเองก็รักษาตัวด้วย เมื่อเสร็จเรื่องแล้วข้าจะรีบมารับพวกท่าน”

หยางอี้กล่าวออกมาพร้อมกับหันไปหาบรรพชนที่ส่งยิ้มมาให้ชายหนุ่มเดิมที่บรรพชนต้องการไปด้วยแต่หยางอี้ได้ขอร้องให้เขาคอยช่วยดูแลสถานการณ์อยู่ที่นี่ก่อนแล้วจึงติดตามไปพร้อมผู้ร่วมประลองในภายหลัง

 

“ต้องรบกวนท่านแล้วท่านบรรพชน”

 

“ไม่ต้องห่วง ทางนี้ข้าจะจัดการเองเจ้าสามารถจัดการธุระได้อย่างสบายใจ”

 

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยทุกคนก็ถอยกลับเข้าไปด้านหน้าตําหนักปล่อยให้ในลานกว้างนั้นเหลือเพียงหยางอี้และคู่หลิน ชายหนุ่มหันมามองสตรีด้านข้างด้วยรอยยิ้มเขายกมือขึ้นมาลูบไล้ไปยังไรผมของนาง

 

“ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด โปรดอภัยให้ข้าที่ไม่อาจทําหน้าที่สามีที่ดีได้”

“ท่านอย่าได้พูดเช่นนั้น ข้าไม่เคยมองว่าท่านทําผิดแต่อย่างใดในเมื่อข้าเป็นของท่านแล้วข้าจะสนับสนุนทุกอย่างที่ท่านต้องการ”

หลินกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรัก หยางอี้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเป็นอย่างมาก เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ก่อนจะจ้องหน้านางอีกครั้งราวกับต้องการประทับภาพนี้ในความทรงจําไปชั่วนิรันดร์

 

“สามีข้า ท่านต้องรักษาตัวให้ดี ในงานประลองข้าและท่านพ่อจะไปดูท่านแสดงความสามารถอย่างแน่นอน”

“แล้วข้าจะรอพบท่านในเวลานั้น…ข้าต้องไปแล้ว”

“รักษาตัวด้วย”

หยางอี้กล่าวออกมาพร้อมกับจูบไปที่หน้าผากของนางก่อนเขาจะหันหลังเดินขึ้นสู่เรือลมปราณ นางมองไปยังแผ่นหลังของบุรุษผู้ที่นางอุทิศตัวให้ด้วยความรักนางเพียงภาวนาว่าเขาจะปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง

ด้านบนเรือลมปราณข่งจางรอหยางอี้อยู่นานแล้ว เมื่อชายหนุ่มสั่งการก็ออกเรือทันที ชายชราผู้นี้ทําให้หยางอ๊อดไม่ได้ที่จะหดหูกับตราประทับที่กู่เทียนชางทําไว้ไม่ว่าในอดีตข่งยีจางจะเลวร้ายเพียงใดแต่ตอนนี้ชายชราไม่ต่างไปจากพ่อบ้านส่วนตัวที่แสนดี

“เฮ้อ ยี่จาง เมื่อเจออาจารย์ครั้งหน้าข้าจะขอให้เขาปลดผนึกให้ท่าน”

หยางอี้กล่าวออกมา ทว่าชายชราผู้นี้กลับหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮ่าๆ นายน้อยเรื่องนั้นไม่จําเป็นหรอก ถึงแม้ไม่มีตราประทับข้าก็ยินดีจะติดตามท่าน การได้ติดตามท่านนับเป็นเกียรติแก่ตาเฒ่าผู้นี้อย่างแท้จริง”

ข่งยีจางกล่าวออกมาจากใจจริง ตัวเขาไม่มีอะไรต้องห่วงอยู่แล้วหากเทียบกับในอดีตการติดตามนายน้อยของเขาผู้นี้แน่นอนว่าคืออนาคตที่รุ่งเรือง สําหรับสํานักวิหารสวรรค์ข่งยีจางไม่ได้ห่วงอยู่แล้วเพราะมีพี่ชายของเขาดูแล

 

“เช่นนั้นก็ตามใจท่าน สําหรับเรือลมปราณเราสามารถเร่งความเร็วได้หรือไม่?”

“แน่นอนนายน้อย หากมีแก่นอสูรเพียงพอเราจะสามารถลดเวลาลงมาได้หนึ่งเท่าตัว แต่มันก็ต้องใช้แก่นอสูรระดับก่อตั้งจิตเป็นจํานวนมาก”

 

หยางอี้ยิ้มออกมาอย่างพอใจ สําหรับแก่นอสูรก่อตั้งจิตนั้นเขามีอยู่จํานวนไม่น้อย เรียกได้ว่าเหลือๆเลยด้วยซ้ํา ในปัจจุบันหยางอี้ต้องการเพียงแก่นระดับปฐพีขึ้นไปเท่านั้นเพื่อใช้ในการบ่มเพาะ ดังนั้นเขาจึงนําแก่นอสูรระดับก่อตั้งจิตทั้งหมดออกมาให้ข่งยีจาง

 

“เช่นนั้นก็รีบไปกันเถอะ ข้าเองก็อยากจะเห็นแล้วว่าจักรวรรดิอันดับหนึ่งของทวีปจันทร์กระจ่างนั้นเป็นเช่นไร”

 

กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์

กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์

Status: Ongoing
อ่านนิยาย กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์หยางอี้เด็กหนุ่มอัจฉริยะที่พลิกผันจมลงสู่จุดต่ำสุดของชีวิตเพราะบังเอิญไปเจอกับหินลึกลับอันหนึ่ง แต่ในเวลาต่อมาด้วยความเพียรพยายามไม่ย่อท้อก็ทำให้เขาได้พบกับความลับของหินลึกลับก้อนนั้นและความลับนี้เองที่จะทำให้เขาก้าวขึ้นไปยืนอยู่เหนือยุทธภพ! ขันพลังต่างๆ *ระดับผู้ฝึกยุทธ์ -ก่อกำเนิด (1-10) แบ่งเป็น 4 -ขั้น 1-3 ขั้นต้น ,4-6 ขั้นกลาง ,7-9 ขั้นปลาย ,10 ขั้นสูงสุด-ครึ่งก้าวเบิกนภา -เบิกนภา (1-10) แบ่งเป็น 4 -ขั้น 1-3 ขั้นต้น ,4-6 ขั้นกลาง ,7-9 ขั้นปลาย ,10 ขั้นสูงสุด-ครึ่งก้าวปฐพี -ปฐพีต้นกำเนิด (1-7) ??? -นภาศักดิ์สิทธิ์ (1-5) ??? -เนมิต (1-3) แบ่งเป็น 3 ขั้น -ขั้น 1 ราชา ,ขั้น 2 ราชัน ,ขั้น 3 จักรพรรดิ ดับสูร (ไร้ระดับ) ??? *มรรคาแบ่งเป็น 7 ระดับ -ความลี้ลับระดับต่ำ (1-10) -ความลี้ลับระดับกลาง (1-10) -ความลี้ลับระดับสูง (1-10) -มรรคาเล็ก (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -มรรคากลาง (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -มรรคาใหญ่ (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -บรรลุสรรพสิ่ง *วิชาต่างๆ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท -วิชาปราณ –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) -วิชายุทธ์ –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) -วิชาจิต –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) *ระดับวัตถุ/ทรัพยากร/อาวุท –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) *ระดับ สำนัก/ตระกูล/ประเทศ/ -แบ่งเป็นระดับ 1-10 (ระดับหนึ่งแข็งแกร่งที่สุด จำแนกระดับตามผู้ปกครอง) หากมีเพิ่มเติมจะมาอัพเดทให้ภายหลังตามเนื้อเรื่อง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset