กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 64 ริอ่านลวนลาม

เห็นแสงสีขาวที่กำลังจะจมเข้าที่หน้าอกของบุรุษชุดสีเทา เวลานี้ตงฟางเจ๋อสะดุ้งตกใจ โบกสะบัดแขนเสื้อเกิดเสียงเคร้งดังสนั่น เข็มสีเงินดุจน้ำแข็งกระเด้งแตกละเอียด หายมลายไปในพริบตา
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์กรีดร้องตกใจ วิทยายุทธของเจิ้นหนิงอ๋อง ตงฟางเจ๋อนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ! ตงฟางจั๋วขมวดคิ้วเล็กน้อย เว่ยซู่ชี้ไปที่พระภิกษุบนพื้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ท่านอ๋อง เขาตายแล้วพะยะค่ะ!”
ดวงตากลมเบิกโต เลือดสีดำไหลทะลักที่มุมปาก ชัดเจนว่าตายด้วยพิษยา ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้านบนของอาราม เงาร่างสีดำในป่าไผ่เขียวขจีกระเพื่อมสั่นหายไป ตงฟางเจ๋อสีหน้าแข็งกร้าวทันที ตะโกนลั่นเสียงเย็นเฉียบ “ตามไป!”
ทันทีที่เขาออกคำสั่ง เว่ยซู่และเซิ่งฉินก็นำองครักษ์กลุ่มหนึ่งไล่ตามออกไปความเร็วดุจลูกธนู ตงฟางเจ๋อไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย จ้องมองพระภิกษุที่ไร้ลมหายใจตรงแทบเท้า ดวงตาทั้งคู่ก็หรี่ลงอย่างเย็นชา
ยาพิษที่ซ่อนอยู่ในฟันของคนผู้นี้ถูกตีทิ้งไปแล้ว อาวุธลับก็ถูกตงฟางเจ๋อขัดขวางไว้แล้ว ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้เขา เหตุใดจู่ๆ เขาถึงตาย? ทุกคนตกตะลึง หันหน้าสบตากันอย่างไม่เข้าใจ
กลิ่นหอมจางๆ ส่งกลิ่นกลางอากาศ ปะปนกับกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นผิดปกติจนแทบจะไม่ได้กลิ่น ซูหลีขมวดคิ้วบาง สามารถสังหารคนต่อหน้าตงฟางเจ๋อ มีความเป็นไปได้อย่างเดียว ภายในร่างกายของคนผู้นี้มีพิษอยู่แต่แรก เข็มสีเงินเล่มนั้นที่บุคคลลึกลับยิงออกมาเมื่อครู่ ไม่ได้เจตนาโจมตีพระภิกษุ แต่กลิ่นประหลาดที่ซ่อนอยู่ในเข็มเป็นตัวกระตุ้นพิษที่แฝงอยู่ในร่างกายพระภิกษุ ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุจุดประสงค์การสังหาร!
ภายในลานวัด ตกอยู่ในความเงียบอย่างผิดปกติชั่วขณะ ความสนใจของทุกคนล้วนแต่พุ่งตรงไปที่ศพร่างนั้น
ทันใดนั้น เซี่ยงหลีก็หัวเราะอย่างเอื่อยเฉื่อย “ทัศนียภาพอันงดงามกลับมีคนตาย…ทำเสียอารมณ์จริงๆ การทำให้หญิงรูปงามตกใจถือเป็นโทษมหันต์ยิ่ง”
ยังพูดไม่จบ แขนเสื้อผ้าตาดลายเมฆก็บดบังอยู่ที่เบื้องหน้าซูหลี ขยับเข้าไปจ้องนางอย่างไม่เกรงใจด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฎบนใบหน้าของเขา ซูหลีค่อยๆ ช้อนตาขึ้น ประกายเยือกเย็น มั่นคงเป็นปกติ ไม่มีความตระหนกอยู่เลย เซี่ยงหลีเลิกคิ้วทั้งสองข้าง พลางหัวเราะเสียงเบา “คุณหนูซูไปที่อื่นกับข้าดีหรือไม่ ชีวิตสำมะเลเทเมาก็น่ารื่นรมย์ไม่จริงหรือ?” มือของเขาโอบรอบเอวของนางอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มมีเลศนัย ท่าทีเหย้าหยอกยิ่งนัก
หว่านซินสายตาบึ้งตึง ก้าวขึ้นมาขวางกั้นด้านหน้าทันที พลางเอ่ยเสียงลั่น “คุณชายเซี่ยงโปรดระมัดระวังคำพูดและการกระทำด้วยเพคะ!”
เซี่ยงหลีหัวเราะระริก สะบัดตัวหมุน ใบหน้าหล่อเหลาพราวเสน่ห์ร้าย ประชิดเข้าหานางอย่างไม่ลดละความพยายาม ท่าทางลุ่มหลงเริงร่า ประดุจแผนล่อลวงหญิงงามกำลังจะสำเร็จ “คุณหนูซูเขินอายหรือ วันหน้าเซี่ยงหลีจะไปสู่ขอที่จวน เจ้าว่าเช่นไร?”
เซี่ยงหลีผู้นี้ดูคล้ายเหลวไหลเสเพล แต่ซูหลีกลับมองเห็นประกายเยือกเย็นที่แฝงซ่อนอยู่ในแววตาของเขาที่ปรากฎขึ้นชั่วแวบเดียวนั่น ส่วนทุกคนในเวลานี้ล้วนแต่กำลังประหลาดใจว่าคนคนนี้ถูกฆ่าภายใต้สายตาของตงฟางเจ๋อได้อย่างไร แต่เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด กลับลวนลามนางอย่างออกหน้าออกตา ต้องมีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำว่าสู่ขอ ตงฟางจั๋วพลันโกรธขึ้งระงับอารมณ์ไม่อยู่ ดึงซูหลีออกมาทันที ขณะเดียวกันก็รวบรวมพลังปราณไว้บนฝ่ามือ จู่โจมไปทางบุรุษที่เหิมเกริมอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดอย่างรุนแรง
พลังแข็งแกร่งที่มาพร้อมกับแรงสังหารของเจ้าของ ประโคมเข้าใส่ดุจพลังโค่นลมขุนเขา ซึ่งไม่อาจต้านทานได้ เซี่ยงหลีแววตาสั่นไหวเล็กน้อย แล้วจึงเคลื่อนไหวดุจสายฟ้า กระโดดหลบอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงสะเทือนลั่นที่ดังมาจากทางด้านหลัง
กำแพงมุมหนึ่งในลานวัดถล่มโครมคราม ก้อนหินแหลกละเอียดเป็นผุยผง
สิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำเอาผู้คนตกใจจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว พากันกรีดร้องขยับไปยังประตูลานวัด สายตาของทุกคนละออกจากศพร่างนั้นพลางหันไปให้ความสนใจกำแพงในลานวัด
เซี่ยงหลีสายตาสั่นไหว ตะโกนขึ้นขณะลูบหน้าอก “เกือบไปแล้ว! จิ้งอันอ๋องจะฆ่าแกงคนที่ไร้ความผิดกลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายเช่นนี้น่ะหรือ?”
ตงฟางจั๋วยังไม่สงบจากอารมณ์โกรธ ฮึดฮัดเสียงเยือกเย็น “ริอ่านลวนลามคนของข้า เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
“คนของท่านอ๋อง?” เซี่ยงหลีประหลาดใจ ดวงตาทั้งคู่หันไปมองหลางฉ่างและตงฟางเจ๋ออย่างรวดเร็ว เห็นเพียงหว่างคิ้วที่ขมวดบางของหลางฉ่าง ใบหน้าไม่มีคลื่นอารมณ์เท่าไหร่นัก ส่วนตงฟางเจ๋อเพียงแค่เหลือบมองซูหลีอย่างเรียบนิ่ง คล้ายว่าไม่เป็นกังวลว่าทางด้านนี้จะเกิดเหตุการณ์ใด ความสนใจของเขายังคงอยู่ที่ศพร่างนั้น เซี่ยงหลีในใจหนักอึ้งทันใด พลางหัวเราะเสียงเบา “คุณหนูซูยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา ทั้งยังไม่เคยสมรส จะเป็นคนของท่านอ๋องได้อย่างไร? ท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ ไม่กลัวเป็นการทำลายชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของคุณหนูซูหรือ?”
ตงฟางจั๋วดวงตาขึงขังเบิกโตเล็กน้อย มองซูหลีโดยอัตโนมัติ ซูหลีผลักมือของเขาออกอย่างไม่เป็นที่สังเกต ใบหน้าสงบไร้คลื่น ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ แววตาตงฟางจั๋วมืดสลัว เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม “นางคือคนที่ขึ้นเขามากับข้า ย่อมเป็นคนของข้า!”
“อ้อ? เช่นนั้นหากกระหม่อมพานางลงเขาไปพร้อมข้า ต่อไปนางก็เป็นคนของกระหม่อมแล้วใช่หรือไม่?” เซี่ยงหลีสะบัดพัดออก พลางหัวเราะเสียงเบาขณะโบกพัดด้วยท่าทางเหลวไหลสุดขีด
ทุกคนลอบคิดในใจอย่างอดไม่ได้ คนผู้นี้รนหาที่ตายจริงๆ!
ตงฟางจั๋วเอ่ยเสียงเยือกเย็น “เจ้าก็ลองดู ผลที่จะตามมาเมื่อแย่งคนของข้า”
เซี่ยงหลีกลับยิ้มและเอ่ย “แย่ง? ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว กระหม่อมได้ยินมาว่าเดือนหน้าวันที่สิบห้า ก็ถึงวันเลือกพระสนมของท่านอ๋องแล้ว ทำอย่างไรเล่าในเมื่อลือกันว่าคุณหนูซูหน้าตาอัปลักษณ์ไม่เป็นมงคล ไม่อยู่ในรายชื่อที่ได้รับเลือก หรือว่าท่านอ๋องจะรับนางเป็นนางสนมหรือ?”
ตงฟางจั๋วโกรธจนหน้าเขียว ข้อต่อระหว่างนิ้วดังกร๊อบแกร๊บ ดุจถูกกระตุ้นโทสะ
คุณชายมากรักที่รนหาที่ตายคล้ายว่าไม่รู้สึกตัว มองซูหลีด้วยท่าทางระริกระรี้พลางเอ่ย “ข้าชื่นชมเลื่อมใสในตัวคุณหนู ฟ้าดินเป็นพยาน เทียบกับการเป็นนางสนมในจวนอ๋อง แต่งงานเป็นภรรยาของข้าดีกว่า ตกลงหรือไม่?”
ซูหลีเห็นรอยยิ้มที่แม้จะไม่จริงจังเป็นอย่างยิ่งของเขา แต่กลับมีฝีมือการตอบสนองอันยอดเยี่ยม คนที่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของตงฟางจั๋ว พบเจอได้ไม่มากในยุทธจักร ในใจก็เกิดสั่นไหวเล็กน้อย พลางแสร้งประหลาดใจแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย “ซูหลีหน้าตาอัปลักษณ์ไม่เป็นมงคล คุณชายเซี่ยงจะแต่งกับหม่อมฉันหรือ?”
 “พบหน้าคุณหนูซูวันนี้ ถึงได้รู้ว่าข่าวลือตามท้องตลาดนั้นเชื่อถือไม่ได้ คุณหนูงดงามเหนือฟ้า บนโลกนี้จะมีกี่คนที่อาจทัดเทียม? จักต้องทำเช่นไร ข้าจึงจะสามารถแต่งภรรยาเช่นเจ้าได้?” รอยยิ้มของเขาจริงจัง ดวงตาดอกท้อสายตาประจบเอาใจมองตรงไปหานาง
ซูหลีใบหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยอย่างเรียบเฉย “ซูหลีไม่อาจเอื้อม คุณชายเซี่ยงโปรดอภัยด้วย”
เซี่ยงหลีตะลึงเล็กน้อย ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวตาย ยิ้มให้กับซูหลี ดวงตาดอกท้อมีเสน่ห์พลันเต็มไปด้วยคลื่นความรู้สึก “แม้ว่าข้าจะมิอาจเทียบได้กับท่านอ๋องทั้งสองและคุณชายอันมีเกียรติสูงส่ง แต่ข้ามั่งมีทรัพย์สมบัติ หากคุณหนูแต่งงานกับข้า ข้ารับปากว่าคุณหนูจะไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการกินการอยู่ ทั้งยังจะพาคุณหนูเที่ยวชมภูเขาเตร่เล่นทั่วท้องน้ำ ใช้ชีวิตเสเพลสุขสบาย”
ประโยคที่ว่าใช้ชีวิตเสเพลสุขสบาย ช่างใจกล้ายิ่งนัก
ตงฟางจั๋วกำลังจะระเบิดอารมณ์ ซูหลีก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ยี่หระ “คุณชายมั่งมีทรัพย์สมบัติ แล้วใสสะอาดหรือไม่เพคะ?”
เซี่ยงหลีอึ้งงันอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าผิดปกติพาดผ่านแววตามีเสน่ห์ และหายไปในพริบตา
ซูหลีไม่รับรู้ นางยิ้มและเอ่ยต่อ “แม้นซูหลีจะหน้าตาอัปลักษณ์ไม่เป็นมงคล แต่ตั้งมั่นในปณิธานตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่ขอมีสามีร่วมกับผู้อื่น! คุณชายจะแต่งซูหลี ยอมละทิ้งนางสนมงดงามเหล่านั้นของท่านได้หรือเพคะ?” พูดจบนางก็หัวเราะเล็กน้อย ดวงตาสว่างใสกวาดมองรอบๆ นางสวยสดงดงามดุจดอกไม้ผลิบาน ระยิบระยับสะดุดตาในชั่วขณะ ผู้คนบริเวณรอบๆ มองอย่างตกตะลึง
เซี่ยงหลีเองก็ตะลึง พลางโบกพัดเอ่ยขณะหัวเราะ “มีหญิงรูปโฉมงดงามนับพันบนโลก เทียบไม่ได้กับรอยยิ้มโลกละลายของคุณหนู ทันทีที่กลับถึงจวนข้าจะย้ายนางสนมออกไปทั้งหมด ไปสู่ขอเจ้าที่จวนอัครเสนาบดี!” พูดจบก็เดินเข้าหาด้วยรอยยิ้มสดใส ยื่นมือออกไปจับมือของนางอย่างรวดเร็ว “ซูหลีรอฟังข่าวดีได้เลย อย่าทำให้ใจที่ลุ่มหลงของข้าต้องผิดหวังเชียว”
……………………………………….

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset