“ข้า…” ครั้นเอ่ยถึงหลีซู หลีเหยาอารมณ์พลุ่งพล่าน ร้องไห้อย่างเจ็บปวด มิอาจเอ่ยคำใดได้อีก
“เหยาเอ๋อร์! เหยาเอ๋อร์เจ้าอย่าพูดจาส่งเดช! เจ้าเป็นเด็กเช่นไร แม่มีหรือจะไม่รู้? เจ้าอย่าเอ่ยวาจาส่งเดชเพียงเพื่อจะรับโทษแทนแม่!” อวี้หลิงหลงตะโกนเสียงแหลม ขัดขืนสุดชีวิต น่าเสียดายที่ครั้งนี้ทหารทั้งสองนายแข็งแกร่งดั่งเหล็ก นางจึงดิ้นไม่หลุด
“เสด็จพ่อ ในเมื่อหลีเหยายอมรับผิดแล้ว! อวี้หลิงหลงก็ไม่มีทางไม่เกี่ยวข้องแน่นอน!” ตงฟางจั๋วตะโกนเสียงเข้ม “จับนางแพศยาสองคนนี้ไปขังคุกมืด ทรมานให้ถึงที่สุด! ดูซิพวกนางจะปากแข็งไปได้อีกกี่น้ำ?”
ประโยคนี้ของตงฟางจั๋ว ได้กล่าวความสงสัยในใจของทุกคนออกมา หากอวี้หลิงหลงไม่ใช่คนร้าย หลีเหยาจะร้อนใจออกมารับผิดแทนนางอย่างนี้ทำไม เกรงว่านางคงรู้อะไรบางอย่างมา แต่มิอาจพูดออกมาตามตรง!
ฮ่องเต้ที่เมื่อครู่ยังโกรธเกรี้ยว ยามนี้กลับสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใด สายตามืดครึ้มฉายประกายคมปลาบรางๆ คล้ายกำลังสอดส่องมองหาความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้สถานการณ์ยุ่งเหยิงทั้งหมดนี้
“จั๋วเอ๋อร์!” ฮองเฮาทนไม่ไหวอีกต่อไป ลุกพรวดตะวาดเสียงเกรี้ยว “ชีวิตคนเกี่ยวข้องถึงสวรรค์ มิใช่เรื่องเล่นๆ!”
นางสาวเท้าไปยืนต่อหน้าอวี้หลิงหลงโดยเร็ว แล้วกล่าวเสียงเข้ม “หลิงหลง เพื่อรับโทษแทนเจ้า เหยาเอ๋อร์ได้กระทำผิดฐานลบหลู่เบื้องสูง เจ้ายังไม่ยอมพูดความจริงอีกหรือ? หรือจะยอมทนดูนางไปตายเพื่อเจ้าจริงๆ?” ฮองเฮาเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน นั่นทำให้ทุกคนตกตะลึง เมื่อครู่ยังพยายามแก้ต่างให้อวี้หลิงหลง ยามนี้กลับเปลี่ยนวาจาอย่างรวดเร็ว เห็นชัดว่าพฤติกรรมของหลีเหยาทำให้นางเกิดความเคลือบแคลง
กลีบปากบางของอวี้หลิงหลงสั่นระริกเบาๆ นางเบิกตากว้างมองฮองเฮา คล้ายไม่อยากเชื่อว่าวาจานี้จะออกมาจากปากฝ่ายตรงข้าม! ฮองเฮาเห็นนางทำท่าจะโต้แย้ง สายตาพลันเย็นเยียบ ชิงเอ่ยตัดหน้า “หากเจ้ายอมรับผิดอย่างซื่อสัตย์ อาจได้รับความเมตตา เอาชีวิตรอดได้ แต่ถ้าหากเจ้าตายก็ไม่ยอมรับผิด เหยาเอ๋อร์จะถูกเจ้าลากไปลงนรกด้วย! นางกตัญญูถึงเพียงนี้ ทั้งใจมีแต่เจ้า จะไม่เป็นเรื่องอยุติธรรมต่อนางเกินไปหรือ?” น้ำเสียงนางร้อนใจ จ้องมองดวงตาของอวี้หลิงหลงเขม็ง คล้ายกำลังพยายามส่งสารบางอย่าง
โอกาสรอดชีวิต…นางยังมีโอกาสรอดชีวิตหลงเหลืออยู่อีกหรือ? หากนางยอมรับความผิดอันใหญ่หลวงนี้เมื่อใด ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว แม้แต่หลีเฟิ่งเซียนก็เกรงว่าจะมิอาจฝืนลิขิตสวรรค์ โอกาสรอดชีวิตของนางอยู่ที่ใดหรือ?
อวี้หลิงหลงดวงตาแดงก่ำ จ้องหน้าฮองเฮาตาไม่กะพริบ คล้ายหวาดกลัวลนลาน แต่ก็คล้ายไม่สมัครใจ
“หลิงหลง ข้าและเจ้าแม้เคยมีวัยเด็กร่วมกันเพียงไม่นาน แต่ก็ถือว่ามีสายสัมพันธ์ลึกซึ้ง” ฮองเฮาเองก็คล้ายสะท้อนใจ นางทอดถอนใจ ก้าวเข้าไปกุมมืออวี้หลิงหลง “นับตั้งแต่ที่เจ้ามาอยู่เมืองหลวง ข้าดีใจยิ่งนัก ดีใจมากจริงๆ หลายปีมานี้ โชคดีเหลือเกินที่มีเจ้า…อยู่ข้างกายข้า ข้าล้วนจำได้…”
อวี้หลิงหลงหลับตา ในที่สุดก็หลั่งน้ำตาสะอื้นไห้ “ฮองเฮา…”
“คดีของท่านหญิงหมิงอวี้ ข้า…ก็คิดว่าเจ้าไม่มีทางกระทำความผิดใหญ่หลวงเช่นนั้นแน่ แต่ยามนี้หลักฐานมัดตัวแน่น ข้า…ก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้อีก! หลิงหลง! ถือเสียว่าเห็นแก่เหยาเอ๋อร์ เจ้าจงตรองดูให้กระจ่าง!”
อวี้หลิงหลงหันไปมองเหยาเอ๋อร์ นางน้ำตาอาบแก้ม ดวงตาทั้งสองข้างบวมเป่ง ยังคงสะอื้นไห้ไร้เสียง ท่าทางโศกเศร้าอาดูรเพราะสิ้นไร้หนทางพาให้ใจนางเจ็บปวด นางหลับตาแน่นและทอดถอนใจ หัวใจเจ็บปวดเจียนตาย
“เหยาเอ๋อร์ยังเล็ก หรือว่าเจ้าทนเห็นนางลงนรกเพราะเจ้าได้ นับจากนี้หากจวนเซ่อเจิ้งอ๋องไม่มีรุ่นหลังจุดธูปเทียนเซ่นไหว้บรรพชน เจ้าก็จะไม่ไยดีหรือ?” น้ำเสียงของฮองเฮาร้อนรนขึ้นหนึ่งส่วน นางกำมืออวี้หลิงหลงแน่นขึ้น
บนตำหนักใหญ่เงียบงันไร้เสียง เงียบจนได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจรุนแรงของอวี้หลิงหลง ผ่านไปครู่หนึ่ง นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วหันไปกล่าวกับซูหลีด้วยสีหน้าเหม่อลอย “ท่านหญิงหมิงซี เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลีเหยาบุตรสาวข้า ทุกอย่างข้าเป็นคนทำทั้งหมด ข้า…ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด”
สถานการณ์พลิกผันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งพลิกผันรวดเร็วจนทุกคนแทบตั้งตัวไม่ทัน คนที่เมื่อครู่ยังยอมเป็นหยกที่แตกละเอียด แต่ไม่ขอเป็นกระเบื้องที่อยู่ครบชิ้น จู่ๆ กลับยอมรับสารภาพหมดเปลือก! นี่มัน นี่มันประหลาดเกินไปแล้ว!
ซูหลีได้ยินกลับสะท้านไปทั้งตัว ความจริงแล้ว ซูหลีไม่เชื่อว่าหลีเหยาคือผู้ร้ายตัวจริง เพราะวาจาของนางมีช่องโหว่เต็มไปหมด เพื่อรับโทษแทนมารดานางจึงมีจุดประสงค์ชัดเจนเกินไป แต่อวี้หลิงหลง สัญชาตญาณบอกซูหลีว่า อวี้หลิงหลงไม่ใช่ผู้ร้ายตัวจริงเช่นกัน แต่เหตุใดยามนี้นางกลับยอมรับแล้วเล่า?
ฮองเฮาค่อยๆ ดึงมือกลับ บนดวงหน้าสง่างาม เห็นชัดว่าคลายกังวลลงแล้ว
อวี้หลิงหลงล้มนั่งบนพื้นอย่างอ่อนแรง
ซูหลีจ้องนางแล้วถาม “หากท่านยอมรับผิด ก็จงสารภาพออกมาตามความจริง ว่าท่านลอบวางแผนทำร้ายท่านหญิงหมิงอวี้ รวมถึงซื้อตัวนักฆ่าเช่นไรบ้าง”
อวี้หลิงหลงกล่าวเสียงแหบพร่า “เป็นข้า ข้าเกลียดที่หลีซูได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องมาตั้งแต่ยังเล็ก แย่งทุกอย่างไปจากเหยาเอ๋อร์จนสิ้น ท่านอ๋องคิดถึงหลีซูเสมอไม่ว่าเรื่องใด ไม่เคยสนใจเหยาเอ๋อร์สักครั้ง หลีซูได้แต่งเป็นชายาในจิ้งอันอ๋อง แต่เรื่องแต่งงานของเหยาเอ๋อร์กลับไม่มีผู้ใดสนใจ ฉะนั้น…”
“ท่านจึงอยากสังหารนางเสีย?” ซูหลีเสียงสั่นเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุม “เพราะเหตุใด?”
อวี้หลิงหลงเงยหน้ามองนางอย่างเหม่อลอย “เจ้าไม่ใช่แม่คน ย่อมไม่เข้าใจความคิดของคนเป็นแม่ หลีซูตาย เหยาเอ๋อร์ก็จะกลายเป็นบุตรีเพียงหนึ่งเดียวในจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง นางจะได้รับความรักจากทุกคน ข้าทำเช่นนี้ ก็เพื่ออนาคตของเหยาเอ๋อร์”
ตงฟางเจ๋อพลันกล่าวขึ้น “ท่านไปหาตัวนักฆ่ามาได้อย่างไร?” ซูหลีเพิ่งตระหนักได้ว่าเขายืนอยู่ข้างๆ นิ่งเงียบไม่พูดจามาตั้งแต่แรก คล้ายกำลังลอบสังเกตสิ่งที่คนอื่นมองข้ามไป
อวี้หลิงหลงกล่าวว่า “เฉินเหมินเป็นสำนักรับจ้างสังหารคนในยุทธภพ ไม่เคยมีภารกิจใดผิดพลาด ฉะนั้น…ข้าจึงสืบข่าวจากทั่วทิศว่าจะติดต่อพวกเขาได้เช่นไรบ้าง ต่อมาได้ยินว่าหากต้องการทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเขา ก็จำต้องไปพูดคุยต่อหน้าในสถานที่ที่ลึกลับมากแห่งหนึ่ง ข้าจึงไปที่นั่นตามลำพัง…”
“สถานที่ใดกัน?” ตงฟางเจ๋อก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องหน้านางไม่วางตา
“สุสานหลังเขาซูหมี” นางกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ซูหลีกับตงฟางเจ๋อสบตากันโดยมิได้นัดหมาย แทบจะถามขึ้นพร้อมกัน “ท่านได้พบเจ้าสำนักเฉินเหมิน?”
นางส่ายหน้าช้าๆ “เปล่า ผู้มาไม่ยอมปรากฏกาย เพียงสื่อสารผ่านอากาศเท่านั้น”
หัวใจซูหลีเต้นอย่างบ้าคลั่ง นี่เป็นรูปแบบการทำงานของเฉินเหมินจริงๆ สุสานแห่งนั้นคือทางเข้าลับของเฉินเหมิน เดาว่าส่วนมากพวกเขาคงทำการแลกเปลี่ยนกันที่นั่น ดูท่าอวี้หลิงหลงไม่ได้โกหก
“พวกท่านทำการแลกเปลี่ยนกันอย่างไร?” ซูหลีเองก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องหน้านางเขม็ง
อวี้หลิงหลงมองหน้านางแวบหนึ่ง “ง่ายมาก เขาให้ข้าเขียนชื่อและฐานะของคนที่ต้องฆ่า ข้าโยนเงินเข้าไปในหลุมฝังศพใหญ่ๆ หลุมหนึ่ง เรื่องอื่น ข้าไม่ได้ถามอะไรเขาอีก”
“เช่นนั้นเขารู้ฐานะของท่านได้อย่างไร?” ตงฟางเจ๋อเค้นถาม
อวี้หลิงหลงหัวเราะอย่างน่าสังเวช ท่าทางคล้ายคนไร้วิญญาณ “ข้าเองก็ไม่รู้ เดาว่าเจ้าสำนักผู้นั้นคงเป็นคนที่มีความคิดลึกล้ำ เขาคงลอบสืบประวัติของผู้มาทำการแลกเปลี่ยน และบันทึกเก็บไว้เพื่อทำการต่อรองในภายหน้ากระมัง นึกไม่ถึงข้าฉลาดปราดเปรื่องมาตลอดชีวิต กลับเลอะเลือนไปชั่วขณะ ติดกับดักของเขาเช่นนี้!”
ซูหลีเซถอยหนึ่งก้าว แทบจะยืนไม่อยู่ เอวบางสัมผัสได้ถึงแขนมั่นคง ตงฟางเจ๋อประคองนางไว้ทันเวลา ซูหลีดวงตาร้อนผ่าว กล่าวพึมพำ “เป็นท่านจริงหรือ?! เพราะเหตุใด?! เพราะเหตุใด?!” สายตานางพลันคมปลาบ ถลึงตาจ้องหน้าอวี้หลิงหลง ถามว่า “ยาสร้างชีพจรตั้งครรภ์ลวงนั่น ก็เป็นฝีมือท่านงั้นหรือ?!”
อวี้หลิงหลงอึ้งงัน หลีซูตั้งครรภ์ก่อนแต่งเป็นเรื่องที่แพร่ไปทั่วเมืองหลวง แต่รายละเอียดลึกๆ กลับมีคนรู้ไม่มากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องยาประหลาดที่ทำให้คนตั้งครรภ์ได้เลย ยามนี้จู่ๆ ซูหลีเค้นถามนาง อวี้หลิงหลงกลับตั้งตัวไม่ทัน นางก้มหน้าต่ำ สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด
…………………………………………………………….
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 169 นี่หรือคือความจริง!? (4)
Posted by ? Views, Released on October 15, 2021
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment