“ใช้ชีวิตร่วมกัน…” เขาชะงักงัน พึมพำประโยคนี้เสียงเบา สายตาเต็มไปด้วยแววใคร่ครวญ เงยหน้ามองนาง ถามอย่างครุ่นคิด “คนที่ซูซูอยากใช้ชีวิตร่วมด้วย เป็นคนแบบใดกันแน่?”
ซูหลีอึ้งงัน ปัญหานี้นางไม่เคยไตร่ตรองอย่างละเอียด อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนที่เอาแต่หยั่งเชิง ทำให้คนคาดเดาไม่ออกว่าแท้จริงเขามีความจริงใจกี่ส่วน และไม่สามารถประเมินได้ว่าในใจเขานางมีค่ามากน้อยเพียงใด สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามา ราวกับปัดเป่าเข้ามาในหัวใจนางโดยตรง นางเม้มปากแน่น ไม่ได้ตอบคำถาม
ตงฟางเจ๋อถามด้วยสายตาเคร่งขรึมอีกว่า “เจ้าคิดว่างานแต่งงานที่เสด็จพ่อพระราชทานให้ อาศัยเพียงวาจาสองสามประโยคของเจ้าและข้า ก็สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ?”
นางย่อมรู้ว่ามันไม่ง่ายเช่นนั้น! สายตาซูหลีเคร่งเครียด เงยหน้ากล่าวเสียงราบเรียบ “ท่านอ๋องคงกลัวว่าหม่อมฉันจะทำให้ท่านอ๋องเดือดร้อนไปด้วยกระมังเพคะ? เรื่องนี้ท่านอ๋องวางใจได้ หากภายหน้าต้องยกเลิกงานแต่งจริงๆ ซูหลีย่อมต้องคิดหาวิธีที่รอบคอบ จะไม่ทำให้ท่านอ๋องเสียหายแม้แต่น้อย!”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ราวกับอย่างไรก็ต้องมีเหตุการณ์ให้ยกเลิกงานแต่ง ตงฟางเจ๋อพลันรู้สึกหนักอึ้งในใจ อึดอัดสุดแสน
“ถ้าหากข้าไม่รับปากเล่า?” เขาขมวดคิ้วมองนาง
ซูหลีจ้องหน้าเขาตรงๆ แล้วตอบว่า “หม่อมฉันก็คงต้องไปหาจิ้งอันอ๋องเพคะ!”
สายตาตงฟางเจ๋อเย็นเยียบ ฝ่ามือหนาที่รัดเอวนางพลันกระชับแน่นหลายส่วน ราวกับกำลังลงโทษที่นางคิดสิ่งที่ไม่สมควร “เจ้ากำลังขู่ข้า?”
ซูหลีเงยหน้ามองเขา “ท่านอ๋องกล่าวหนักไปแล้วเพคะ! ในเมื่อขึ้นชื่อว่าตัวเลือก ย่อมไม่ได้มีแค่ท่านอ๋องผู้เดียว…ถึงแม้จิ้งอันอ๋องไม่มีข้ออ้างไว้ทุกข์ แต่ด้วยความสามารถของเขา ยืดเวลาออกไปสักหนึ่งปีครึ่ง คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่!”
ตงฟางเจ๋อกล่าว “เจ้ามั่นใจหรือว่าเขาจะรับปากเจ้า?”
ซูหลียิ้ม แล้วกล่าวว่า “ขอเพียงหม่อมฉันอ้างชื่อท่านหญิงหมิงอวี้ ขอร้องให้เขาช่วยเหลือ เขาจะต้องรับปากแน่นอนเพคะ!” นางมั่นใจมาก ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ดูออก เรื่องของหลีซู ตงฟางจั๋วทุกข์ทรมานด้วยความสำนึกผิด เพียงแต่นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนผู้นั้นอีก
ตงฟางเจ๋อเริ่มตึงเครียด สีหน้าแข็งกร้าว จ้องหน้านางเขม็ง “ข้านึกว่าเจ้าจะไม่ยอมเสี่ยงแต่งงานให้เขา!” หากมิอาจยกเลิกงานแต่งได้ ผลลัพธ์ก็มีเพียงหนึ่งเดียว! แล้วเขาก็รู้สึกมาโดยตลอดว่านางไม่ชอบตงฟางจั๋ว กระทั่งชิงชังอย่างไม่ทราบสาเหตุ! ถึงแม้นางมักเก็บซ่อนความรู้สึกอย่างสุดความสามารถ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกได้อย่างชัดเจน ฉะนั้นในพิธีคัดเลือกพระสวามี เขาจึงไม่เคยกังวลเลยแม้แต่น้อย
ซูหลีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากไร้ทางเลือกอื่น ถึงแม้ไม่อยาก ก็จำต้องวางเดิมพัน อย่างน้อยก็ยังมีเวลาครึ่งปี…ครึ่งปี ขอเพียงพยายามมากพอ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมาย อย่างเช่น ตำแหน่งและฐานะของหม่อมฉันอย่างไรเล่าเพคะ!”
ไร้ทางเลือกอื่น…ตงฟางเจ๋อรู้สึกปวดใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสับสนยุ่งเหยิง มองหน้านางครู่หนึ่ง สายตาค่อยๆ อ่อนลง เขาจับมือนาง กุมนิ้วมือเย็นๆ ของนางไว้แน่น สีหน้ากลับแฝงไว้ด้วยความจนใจหลายส่วน เขาเอ่ยพลางทอดถอนใจ “ซูซู การแต่งงานไม่ใช่ข้อตกลง!”
ประโยคนี้ ทำให้หัวใจของซูหลีสะท้านไปทั้งดวง “วาจานี้เมื่อได้ยินจากปากท่านอ๋อง ช่าง…ชวนให้เหลือเชื่อยิ่งนักเพคะ!”
ในอดีตการแต่งงานของท่านอ๋อง มีครั้งไหนบ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และข้อตกลง? โดยเฉพาะท่านอ๋องที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เป็นพิเศษ แล้วยังมีใจคิดแย่งชิงบังลังมังกรเช่นเขา! นางพยายามค้นหาร่องรอยเสแสร้งจากแววตาของเขา แต่จ้องมองอยู่นาน กลับมองเห็นเพียงแววปวดใจเลือนรางที่สะท้อนอยู่ในดวงตาเขา นางรีบเบือนหน้าหนี คล้ายกลัวว่าตนเองจะยอมอ่อนข้อให้เพียงเพราะความหวั่นไหวชั่วขณะ
ตงฟางเจ๋อสัมผัสได้ถึงแววเย้ยหยันในน้ำเสียงนางอย่างชัดเจน ทว่ากลับไม่โกรธเคือง เพียงยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ในสายตาของซูซู ท่านอ๋องล้วนต้องอาศัยสตรีเชื่อมสัมพันธ์กับขุนนางใหญ่ในราชสำนัก เพื่อทำให้อำนาจตนเองมั่นคงใช่หรือไม่? แต่ในสายตาของข้า ผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง ย่อมมีคนถวายความภักดีและสนับสนุนเอง ไม่จำเป็นต้องใช้สตรีเป็นบันไดสู่หนทางแห่งความก้าวหน้า!”
เขามั่นใจถึงเพียงนั้น มั่นใจจนแทบจะเรียกได้ว่าอวดดี
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ มองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านอ๋องมั่นใจถึงเพียงนี้ ช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก…ท่านอ๋องกล่าวถูกต้องแล้วเพคะ การแต่งงานไม่ใช่ข้อตกลง แต่ถ้าหากนั่นไม่ใช่การแต่งงานที่ตนเองต้องการ กลับกลายเป็นเลวร้ายเสียยิ่งกว่าการทำข้อตกลง!”
ตงฟางเจ๋ออึ้งงัน “แล้วการแต่งงานที่ซูซูต้องการเป็นเช่นไรเล่า?”
ย้อนกลับมาที่คำถามเช่นนี้อีกแล้ว! การแต่งงานที่นางต้องการ ย่อมต้องมีความรักและความเชื่อใจ…ไม่สิ ยังมีอีกหนึ่งอย่าง คือความซื่อสัตย์! บทเรียนที่ได้รับจากพระชายารองอวี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด บุรุษมีภรรยาหลายคน บ้านเรือนไม่มีทางสงบสุข เรื่องความรักและการแต่งงาน หากชายหญิงรักอีกฝ่ายอย่างแท้จริง เหตุใดจึงไม่สามารถซื่อสัตย์ต่ออีกฝ่ายได้เล่า?
“ท่านอ๋องอย่าถามอีกเลยเพคะ ถึงหม่อมฉันบอกไปท่านอ๋องก็ให้ไม่ได้” นางหลุบแพขนตาลงต่ำ นัยน์ตาหม่นหมอง
ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้ว เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่บอก แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าให้ไม่ได้?”
ซูหลีส่ายหน้า ในโลกที่ชายเป็นใหญ่เช่นนี้ จะให้ผู้ชายคนหนึ่งซื่อสัตย์ต่อผู้หญิงเพียงคนเดียว เป็นเรื่องตลกสิ้นดี! นางยังจำได้ ค่ำคืนที่เดินออกมาจากเส้นทางลับของเฉินเหมินที่ถูกทำลายไปแล้ว เขาเคยกล่าวถึงความรักระหว่างฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิงองค์ปัจจุบันกับเหลียงกุ้ยเฟยว่า ‘ความรักของฮ่องเต้นั้นเปราะบางดั่งแผ่นกระดาษ’ และเขาก็อาจเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิงในอนาคต!
“ในสายตาของท่านอ๋อง ในการแต่งงาน สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไรเพคะ?” นางไม่ตอบกลับย้อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ตงฟางเจ๋อครุ่นคิด แล้วจึงค่อยตอบ “ความรัก ความเข้าใจ”
ไม่มีความซื่อสัตย์ หัวใจซูหลีหนักอึ้งเล็กน้อย ทั้งที่รู้แต่แรกแล้ว กลับยังคงคาดหวังบางสิ่งจากเขา นางรู้สึกว่าตนเองช่างน่าขัน จึงหัวเราะหยันตนเองออกมา ทว่าในตอนนั้นเอง ตงฟางเจ๋อกลับกล่าวขึ้นด้วยเสียงขรึมอีกว่า “ยังมีความซื่อสัตย์!”
ซูหลีอึ้งงันไปทันที นางมองเขาอย่างตกตะลึงสุดขีด หากไม่ใช่ว่าเขามีสีหน้าจริงจัง นางคงนึกว่าตนเองฟังผิดไป ความซื่อสัตย์…เสด็จพ่อของนางรักเสด็จแม่ของนางมาก แต่ก็ยังสู่ขออวี้หลิงหลงมาเป็นพระชายารอง? สิบหกปี ในความทรงจำของนาง ถึงแม้เสด็จแม่ของนางจะวางท่าทีห่างเหินกับผู้อื่น แต่กลับไม่เคยทำให้พระชายารองอวี้กับหลีเหยาต้องลำบากใจสักครั้ง ทว่าพระชายารองอวี้ก็ยังโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ เห็นได้ว่าจิตใจริษยาของสตรี น่ากลัวถึงเพียงไหน!
ตงฟางเจ๋อดูออกว่านางสงสัย ถอนหายใจเบาๆ กระชับนางเข้าไปในอ้อมกอด คล้ายต้องการใช้เสียงหัวใจของเขายืนยันความจริงใจ เขาโอบกอดนาง พลางกล่าวว่า “ซูซู เจ้าจะลองเชื่อข้าดูสักครั้งก็ได้!”
น้ำเสียงอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แฝงกลิ่นอายความเสน่หาอันเอ่อล้น ส่งผ่านไปถึงส่วนลึกในหัวใจนางโดยตรง
ซูหลีกลับไม่ขัดขืน ชั่วขณะหนึ่ง นางอยากเชื่อใจเขาจริงๆ หลับตาลง ดวงหน้าเย็นๆ แนบติดกับแผงอกกำยำ ฟังเสียงหัวใจเต้นอันทรงพลังของเขา หัวใจที่ล่องลอยไม่มั่นคงมาโดยตลอด ราวกับสงบนิ่งลงในยามนี้
ตงฟางเจ๋อใช้มือลูบไล้เส้นผมนุ่มลื่นของนาง หัวใจของเขาเองก็อ่อนยวบตามไปด้วย เขากล่าวพลางทอดถอนใจ “ซูซู เงื่อนไขของเจ้า ข้ารับปากก็ได้ แต่ข้าก็มีเงื่อนไขข้อหนึ่งเช่นกัน”
ซูหลีไม่ได้ลืมตา เพียงเอ่ยเสียงเบาอยู่ตรงหน้าอกเขา “เชิญท่านอ๋องกล่าวเพคะ”
ตงฟางเจ๋อกล่าว “ในสองปีนี้ เจ้าจะยกเลิกงานแต่งก็ได้ แต่ต้องบอกเหตุผลที่เจ้าขอยกเลิกงานแต่งกับข้า! หากในสองปีนี้ เจ้าหาเหตุผลที่จะยกเลิกงานแต่งไม่ได้ ภายหน้า เจ้าจะต้องเป็นภรรยาของข้าไปตลอดชีวิต! ไม่อนุญาตให้มีใจเป็นอื่น!”
ภรรยาตลอดชีวิต…ซูหลีอึ้งงัน เงยหน้ามองเขา เห็นเพียงใบหน้าเคร่งขรึม และสายตาจริงจังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
……………………………………………………..
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 184 ข้อตกลงระหว่างนางกับเขา (3)
Posted by ? Views, Released on October 15, 2021
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment