คล้ายคาดเดาไว้แต่แรกแล้วว่าฮองเฮาจะต้องพูดเช่นนี้แน่ อวิ๋นฉี่หลัวปาดน้ำตา แล้วเอ่ยเสียงเข้ม “ถุงผ้าต่วนหรูอี้ใบนั้นอยู่ในมือเจ้าแต่แรกแล้ว เจ้าถึงได้ไม่หวาดกลัวอะไรเช่นนี้! แต่กู้หยวนถง ตาข่ายสวรรค์ห่างแต่ไม่รั่ว มีประโยคหนึ่งที่เจ้าเคยพูด ยังจำได้หรือไม่?”
สายตาฮองเฮาตึงเครียด กล่าวเสียงเย็น “ข้าเคยกล่าววาจาไว้มากมาย หรือว่าต้องจำได้ทุกประโยค?”
อวิ๋นฉี่หลัวแย้มยิ้มเล็กน้อย ประกายเคียดแค้นพาดผ่านดวงตา จดจ้องฮองเฮาเขม็ง พลันนั้น นางยกมือขึ้นเล็กน้อย ลูบปิ่นปักผมเบาๆ สายตาหรี่ลงหลายส่วน เอียงศีรษะแล้วกล่าวเสียงแช่มช้า “เหลียงจื่อโหรวนางแพศยานั่น ไม่นานก็จะหายไปจากโลกนี้แล้ว ถันหลาง เมื่อถึงเวลา ท่านก็จะเข้าใจว่าใครคือคนที่ร่วมเตียงเคียงหมอนกับท่านอย่างแท้จริง”
ยามกล่าววาจา เสียงของนางเล็กแหลมอ่อนนุ่ม น้ำเสียงล่องลอยดั่งวิญญาณ! สายตาของทุกคนต่างจดจ้องไปที่สีหน้าของอวิ๋นฉี่หลัว นี่มัน อิริยาบถของฮองเฮาชัดๆ!
คำพูดนี้นางได้ยินได้อย่างไร?! ฮองเฮาหน้าเปลี่ยนสี ประกายลนลานพาดผ่านดวงตา
การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าเล็กน้อยนั้นมิอาจหลุดรอดสายตาของซูหลีไปได้ นางหมุนกลอกดวงตา เห็นเพียงเงาร่างของฮองเต้แข็งค้างไปทันที สีหน้าซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้างจดจ้องมาที่ฮองเฮา คล้ายไม่อยากจะเชื่อ
แม้แต่ตงฟางจั๋วก็ยังอึ้งงัน หันมองฮองเฮาอย่างตกตะลึง
มีเพียงตงฟางเจ๋อที่กำหมัดแน่น ยามได้ยินฮองเฮาเรียกเหลียงกุ้ยเฟยว่านางแพศยา ไอพิฆาตแผ่กำจายรอบกายเขาทันที
เหล่าขุนนางพากันก้มหน้า หน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดพราย ถันหลาง? ชื่อที่ขานเรียกกันอย่างสนิทสนมระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮาเช่นนี้ จะพูดให้นางสนมคนอื่นฟังง่ายๆ ได้เช่นไร ยามนี้ดูแล้ว การที่อวิ๋นฉี่หลัวชี้ตัวว่าฮองเฮาลอบปลงพระชนม์เหลียงกุ้ยเฟย แม้ไม่มีหลักฐานจับต้องได้ แต่เพียงชื่อเรียกนี้ ก็มากพอที่จะทำให้ฮ่องเต้เกิดความสงสัยในตัวนางขึ้นมาแล้ว
สายตาคมกริบดั่งลูกธนูพุ่งตรงมาที่ฮองเฮา ไม่ต้องรอให้ฮ่องเต้กล่าววาจาใด ฮองเฮารีบแก้ต่างเสียงลนลาน “ฝ่าบาท หม่อมฉันกับอวิ๋นฉี่หลัวสนิทกันฉันพี่น้องมานานหลายปี บางครั้งก็เคยเล่าความลับให้ฟังบ้าง นึกไม่ถึงว่ายามนี้เพื่อแก้แค้นหม่อมฉัน นางกลับใช้เรื่องนี้มาเป็นหลักฐาน!”
ใบหน้าฮ่องเต้สับสน ยังคงไม่กล่าววาจาใด
ฮองเฮาพลันหมุนกายเดินไปหยุดตรงหน้าอวิ๋นฉี่หลัว แล้วตวาดเสียงเข้ม “อวิ๋นฉี่หลัว! ข้าอุตส่าห์สงสารเห็นเจ้าเป็นบ้าเสียสติ ถึงแม้เจ้าทำผิดกฎวังหลวง ก็ยังไม่คิดเอาชีวิตเจ้า! นึกไม่ถึงยามนี้เจ้ากลับมีจิตใจชั่วร้าย หาทางใส่ร้ายข้าทุกวิถีทางเช่นนี้! เจ้ารู้หรือไม่ว่าต้องรับโทษสถานใด?!”
อวิ๋นฉี่หลัวจ้องนางอย่างเกลียดชัง กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าใส่ร้ายเจ้าหรือไม่ ฝ่าบาททรงปราดเปรื่องพอที่จะตัดสินพระทัยได้เอง! หากเจ้าไม่ได้ทำอันใดผิด ไยต้องหวาดกลัว?”
“ดี!” ฮองเฮาแค่นหัวเราะเย็นชา “เจ้าเอาแต่พร่ำบอกว่าข้าทำร้ายเหลียงกุ้ยเฟย มีหลักฐานหรือไม่เล่า?”
อวิ๋นฉี่หลัวก้มหน้าอย่างลนลาน กัดฟันกล่าวว่า “หลักฐาน? เจ้าทำลายหลักฐานทั้งหมดไปนานแล้ว!”
ฮองเฮาแสยะยิ้มเย็นชา “เจ้าคงจะไม่บอกอีกกระมังว่าหลักฐานก็คือถุงหอมที่ข้าให้เจ้าทำ?!”
อวิ๋นฉี่หลัวพลันเงยหน้าถลึงตาจ้องนาง “ถูกต้องแล้ว! เป็นถุงหอมใบนั้น! เจ้าทำลายถุงหอมไปแล้ว!”
สีหน้าฮองเฮาพลันเคร่งขรึม หยิบถุงหอมที่คาดเอวไว้ขึ้นมา พลางกล่าวเสียงเกรี้ยว “อวิ๋นฉี่หลัว เจ้าดูให้เต็มตา! หลักฐานที่เจ้าพูดถึงอยู่กับข้าไม่เคยห่างกาย หากสิ่งนี้มีปัญหาจริงๆ เช่นนั้นข้าก็คงตายไปนานแล้วมิใช่หรือ?!”
ถุงหอมมันเลื่อมวาววับ เป็นถุงหอมที่ทำจากผ้าต่วนหรูอี้ มองแวบแรกก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา ฝีมือประณีตสุดแสน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยโชยออกมา เป็นกลิ่นของดอกซู่ซินหลันนั่นเอง
ซูหลีกระดกคิ้วเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าฮองเฮากำลังสังเกตสีหน้าของอวิ๋นฉี่หลัวอย่างใจจดใจจ่อ หัวใจนางพลันเต้นรัว
สายตาอวิ๋นฉี่หลัวไหวระริก นางเอ่ยเสียงขรึม “ถุงหอมหรูอี้ใบนี้ไม่ใช่ใบที่เจ้ามอบให้เหลียงกุ้ยเฟย หลักฐานที่แท้จริงนั้น เกรงว่าเจ้าคงทำลายไปนานแล้ว!”
แววประหลาดใจพาดผ่านใบหน้าฮองเฮา คิ้วขมวดแน่น นางผงะถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว จ้องหน้าอวิ๋นฉี่หลัว เหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างเร่งด่วน สัญชาตญาณบอกซูหลีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทว่ากลับคิดไม่ออกว่ามีปัญหาตรงที่ใด นางกำหมัดแน่น ยามนี้ล่วงเลยเข้าสู่ฤดูหนาวในเดือนสิบสองแล้ว แต่อาภรณ์ที่แนบชิดแผ่นหลังนาง กลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“อวิ๋นฉี่หลัว…” ประกายประหลาดพาดผ่านนัยน์ตาของฮองเฮา นางก้าวเข้าไปหาอวิ๋นฉี่หลัวหนึ่งก้าว ยื่นถุงหอมในมือไปตรงหน้านาง “เจ้าจงดูให้ดี ถุงหอมนี้ ก็คือถุงหอมที่ข้ามอบให้เหลียงกุ้ยเฟย!”
หัวใจของซูหลีพลันบังเกิดความกระสับกระส่าย เหงื่อซึมเต็มฝ่ามือ แต่กลับไม่กล้าเปิดปาก
อวิ๋นฉี่หลัวจ้องถุงหอมนั้น ผ่านไปครู่หนึ่งก็กล่าวว่า “ไม่ใช่แน่นอน ถุงหอมของเหลียงกุ้ยเฟยข้าเป็นคนเย็บเองกับมือ พู่ด้านล่างประดับด้วยด้ายหลากสี ด้านในเย็บซ่อนตะเข็บด้วยด้ายสีทอง มัดด้วยเงื่อนผีเสื้อซึ่งเป็นเงื่อนพิเศษที่มีข้าทำเป็นแต่เพียงผู้เดียว ถุงหอมใบนี้…ถึงแม้ใช้ด้ายหลากสีเช่นกัน แต่วิธีการมัดกลับไม่เหมือนกัน!”
ฮองเฮาพลันกำมือ รอยยิ้มเย็นชาปรากฏที่มุมปาก “เช่นนั้นหรือ? นึกไม่ถึงเจ้าเป็นบ้าเสียสติ กลับยังมีสายตาแหลมคมเช่นนี้! กลัวก็แต่ถุงหอมไม่ใช่ของปลอม แต่อวิ๋นเฟยคนนี้ไม่ใช่ตัวจริงต่างหาก! บอกมา เจ้าเป็นใคร!”
วาจานี้ราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมากลางวันแสกๆ สั่นสะท้านหัวใจของคนทุกผู้ ซูหลีสูดหายใจลึกอย่างไม่รู้ตัว พยายามสงบสติหันไปมองอวิ๋นฉี่หลัว
ตงฟางเจ๋อตึงเครียด ซูหลีตื่นตระหนกสุดขีด เมื่อครู่เขาสังเกตเห็นแล้ว เดิมทีนึกว่านางกังวลว่าอวิ๋นเฟยจะสามารถเป็นพยานชี้ตัวฮองเฮาสำเร็จหรือไม่ ทว่ายามนี้เขากลับรู้สึกว่าสิ่งที่นางกำลังกังวลอยู่เต็มหัวใจ ยังมีเรื่องอื่นอยู่อีก
เสี้ยววินาทีหนึ่ง ความคิดหนึ่งพลันแล่นผ่านดั่งดาวตก หรือว่า…ตงฟางเจ๋อลมหายใจสะดุด เขาคล้ายอึ้งงันกับการคาดเดาอันกล้าหาญของตนเอง
“ฮองเฮา” อวิ๋นฉี่หลัวหัวเราะเสียงดัง เชิดคางขึ้นเล็กน้อย จ้องฮองเฮาแล้วกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “เมื่อครู่ยังบอกว่าหม่อมฉันเป็นอดีตพี่น้องกับท่าน เหตุใดยามนี้แสร้งทำเป็นไม่รู้จักอีกแล้วเล่า? ท่านลอบทำร้ายเหลียงกุ้ยเฟยเป็นเรื่องจริง ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท อย่าคิดว่าจะหนีความผิดพ้น!”
ฮองเฮาจ้องหน้านางเขม็ง ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยิ้มเย็นชา แล้วกล่าวว่า “ไม่ เจ้าไม่ใช่อวิ๋นฉี่หลัว!” นางหันไปค้อมกายต่ำ เอ่ยกับฮ่องเต้อย่างใจเย็น “ฝ่าบาท อวิ๋นฉี่หลัวแพ้กลิ่นดอกซู่ซินหลันมาโดยตลอด หลายครั้งที่นางเห็นถุงหอมของหม่อมฉันแล้วจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ร้องไห้เสียงดังโวยวายราวกับเสียสติ ทว่าเมื่อครู่ อวิ๋นฉี่หลัวจ้องถุงหอมใบนี้อยู่นานมาก แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อยเพคะ!”
ซูหลีตกใจ ที่แท้อวิ๋นฉี่หลัวแพ้กลิ่นดอกซู่ซินหลัน ในห้องหนังสือส่วนพระองค์วันนั้นก็เป็นถุงหอมใบนี้ที่ทำให้นางเสียสติ ส่งผลให้พวกเขาแพ้การเดิมพันในครั้งนั้นทั้งกระดาน นึกไม่ถึงพวกเขาวางแผนรัดกุมรอบคอบ หลงคิดว่าผ้าต่วนหรูอี้ทำให้อวิ๋นฉี่หลัวได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ นางจึงกลายเป็นเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่าฮองเฮาผู้นี้จะมีความคิดลึกซึ้งรอบคอบถึงเพียงนี้ สามารถควบคุมวังหลังให้มั่นคงมาได้นานหลายปี มีความสามารถเหนือคนทั่วไปจริงๆ!
อวิ๋นฉี่หลัวเองก็อึ้งงันไปเล็กน้อย ไม่นานก็กล่าวอย่างหนักแน่น “อาการแพ้เปลี่ยนแปลงไปตามสุขภาพของคนเราได้ แต่ก่อนข้าแพ้ดอกซู่ซินหลัน ไม่ได้แปลว่าจะแพ้มันตลอดไป! ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงเรื่องจริงที่เจ้าเป็นคนทำร้ายเหลียงกุ้ยเฟยได้!”
นางตอบอย่างชาญฉลาด ยิ่งทำให้ฮองเฮาสงสัยหนักกว่าเดิม สายตาหันมองตงฟางจั๋วอย่างไม่ตั้งใจ แล้วจู่ๆ ก็แสยะยิ้มเยือกเย็น “พูดจาดูดียิ่งนัก! นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่อวิ๋นเฟยพูดเก่งถึงเพียงนี้ด้วย! เจ้าจะใช่อวิ๋นฉี่หลัวตัวจริงหรือไม่นั้น ไม่นานก็จะได้รู้เอง!”
………………………………………………………..
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 247 ร่วมเป็นร่วมตาย (1)
Posted by ? Views, Released on October 15, 2021
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment