ซูหลีถอนหายใจยาวๆ รู้สึกหนักหน่วงในใจอย่างไม่อาจควบคุม นางกล่าวเสียงเบา “หม่อมฉันรู้เพคะ”
นางลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่าง ยื่นมือผลักบานหน้าต่างออก ลมหนาวพลันพัดปะทะใบหน้า นางตัวสั่นเล็กน้อย ทว่ากลับไม่หลีกหนี ทะเลสาบในสวนกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว หิมะร่วงโรยท่ามกลางท้องฟ้าสีเทาหม่น ทิ้งตัวลงบนต้นหลีที่มีแต่กิ่งก้านสองสามต้นตรงชายฝั่ง สีขาวสะอาดของหิมะดูราวกับรูปร่างของดอกหลี
“เจ้าชอบดอกหลี?” เสื้อคลุมตัวหนาถูกนำมาห่อหุ้มบนไหล่บอบบางของนางเบาๆ ตงฟางเจ๋อเห็นนางจ้องต้นหลีอย่างเหม่อลอย จึงอดถามเสียงเบาไม่ได้ ไม่นานก็นึกถึงสวนที่ตงฟางจั๋วเผาทิ้งไป ยามพวกเขายืนเคียงไหล่กันอยู่ใต้ต้นหลี มองจากที่ไกลๆ กลับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นโลกที่ตัดขาดจากภายนอกมีแต่พวกเขาเท่านั้น ราวกับหัวใจของนางมักมีพื้นที่ที่เขาไม่อาจเข้าถึงอยู่เสมอ
ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ตงฟางจั๋วตายไปแล้ว แต่นาง เหมือนยังไม่ใช่คนของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
ซูหลีละสายตาออกมา แล้วหันมองเขา กล่าวด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว “ไม่เพคะ ตอนนี้หม่อมฉันชอบดอกเหมยมากกว่า” ไม่เกรงกลัวต่อความเหน็บหนาว ไม่หวาดหวั่นต่อสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย ผลิบานอย่างกล้าหาญท่ามกลางหิมะโปรยปราย งดงามเย่อหยิ่ง เทียบกับดอกหลีที่สง่างามอ่อนโยนแล้ว ดอกเหมยเหมาะกับนางมากกว่า
ตงฟางเจ๋อแย้มยิ้มเล็กน้อย เขาชอบท่าทางเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ของนาง ดูไม่ฝืนใจ ไม่มีความสับสนหรือลังเล นางเป็นสตรีที่รู้ว่าสิ่งใดสำคัญกับตนเองมากที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม!
“ดี ดอกเหมยงามมาก ข้าเองก็ชอบเช่นกัน” เขากุมไหล่นาง หมุนร่างกายบอบบางของนางให้หันกลับมาช้าๆ หน้าต่างยังคงเปิดอยู่ แต่ลมหนาวกลับถูกเงาร่างสูงใหญ่บดบังไปกว่าครึ่งส่วน
เขากุมมือนางข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา แล้วล้วงตุ๊กตาไม้ตัวนั้นออกมาจากอกเสื้อ นำมาวางบนฝ่ามือนาง เขามองนางอย่างลึกซึ้ง พลางกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าไม่เคยรู้สึกขอบคุณผู้ใดมาก่อนเลย แต่ครั้งนี้ ขอบคุณเจ้ามากที่เชื่อใจข้า”
สายตาจริงใจ แฝงไว้ด้วยแววเสน่หาอันลึกซึ้ง พาให้หัวใจซูหลีสั่นไหว
ตงฟางเจ๋อกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แต่เจ้าต้องรับปากข้า ภายหน้าไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ตุ๊กตาไม้ตัวนี้ เจ้าห้ามคืนให้ข้าอีกเป็นอันขาด แล้วก็อย่าได้เอ่ยวาจาตัดเยื่อขาดใยเช่นนั้นออกมาง่ายๆ อีก!” ถึงแม้ครั้งนี้นางไม่ได้พูดจากใจจริงๆ แต่ความรู้สึกปวดใจจนแทบแหลกสลายในวินาทีนั้น เขากลับสัมผัสได้อย่างแท้จริง แล้วเขาก็ไม่อยากและไม่ยินยอมที่จะรู้สึกเช่นนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง!
น้ำหนักที่กุมมือนางนั้นหนักอึ้ง สะท้อนให้เห็นถึงความเหงาหงอยที่ไม่มีผู้ใดรับรู้ ซูหลีนึกถึงสายตาแหลกสลายของเขาในเสี้ยววินาทีนั้น แล้วอดรู้สึกปวดใจขึ้นมาไม่ได้ นางยกมือกอดเขาเบาๆ
เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายแสดงความใกล้ชิดก่อน หัวใจของนางต้องการความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเขา ครั้นสัมผัสได้ว่าร่างกายชายหนุ่มสั่นสะท้านเล็กน้อย คล้ายคาดไม่ถึง แต่ก็รู้สึกดีใจด้วย นางพลันใจอ่อนยวบ กระชับแขนให้แน่นขึ้นอีกหลายส่วน ศีรษะแนบชิดแผงอกของเขา ตั้งใจฟังเสียงหัวใจอันมั่นคงและทรงพลังของเขา ยามนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้นางสงบใจได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว!
ตงฟางเจ๋ออึ้งงันเล็กน้อย ตั้งแต่รู้จักกันมา การไปมาหาสู่และความใกล้ชิดระหว่างพวกเขา ตลอดมาเป็นเขาที่รุกนางปฏิเสธ น้อยครั้งที่นางจะรู้สึกสับสนและยอมรับความใกล้ชิดจากเขาอย่างเผลอไผล ทว่ากลับไม่เคยมีสักหนที่นางเป็นฝ่ายใกล้ชิดเขาก่อนอย่างนี้
ไอหมอกหม่นที่แผ่ปกคลุมหัวใจ พลันมลายหายไปในพริบตา แม้แต่ลมหนาวที่พัดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ก็ราวกับแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก ไม่ได้หนาวเช่นที่เคยอีก เขาโอบกอดนางแน่น ความดีใจและความอิ่มเอมที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดพรั่งพรูออกมาจากส่วนลึกในหัวใจ และสะท้อนชัดบนคิ้วเข้ม แลดูงดงามชวนหลงใหล ความทรงจำอันมืดมนใต้ต้นหลีต้นนั้น ในที่สุดก็จางหายไป หัวใจของนางอย่างไรก็ยังเอนเอียงมาทางเขา
นอกเรือนหิมะลูกใหญ่โปรยปราย ลมหนาวพัดกระโชก ในเรือนกลับอบอุ่นเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นอายแห่งความรักชวนให้ลุ่มหลง พวกเขากอดกันและกันแน่น ต่างคนต่างไม่อยากเอ่ยปากทำลายช่วงเวลาอันเงียบสงบและงดงามนี้
กลิ่นหอมจากเรือนผมของนางทำให้หัวใจอันสงบนิ่งของเขาป่วนพล่าน อุณหภูมิในร่างกายพลันเดือดพล่านก่อตัวเป็นความปรารถนาอันร้อนแรง รุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เขาพลันก้มหน้า ประทับจูบบนกลีบปากนิ่มนวลของนางโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ความร้อนแรงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ซูหลีตกใจ ทว่านางกลับไม่ขัดขืน ปล่อยให้เขาจูบอย่างร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร้อนแรงจนนางแทบหายใจไม่ทัน
กลิ่นอายความรักอันหอมหวนตลบอบอวลอยู่ภายในใจ เรือนร่างบอบบางอ่อนแรงอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างไม่อาจควบคุม ตงฟางเจ๋อรีบอุ้มนางเดินไปที่เตียง บรรยากาศร้อนระอุ ราวกับแม้แต่เขาก็มิอาจควบคุมได้ ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความเสน่หาไม่มีที่สิ้นสุด แรงปรารถนาในร่างกายราวกับจะฉีกร่างกายเขาให้เป็นชิ้นๆ เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผากไม่หยุด ในใจมีเพียงความคิดเดียว คือต้องการครอบครองทั้งหมดของนาง!
ซูหลีเพิ่งจะถูกวางลงบนเตียง เงาร่างสูงใหญ่ของเขาก็คร่อมทับลงมา เขาเหมือนแทบทนรอไม่ไหวที่จะปลดสายคาดเอวและครอบครองนางเสียเดี๋ยวนั้น
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ พลันตระหนักได้ถึงอาการผิดปกติของเขา รีบยกมือดันอกเขา แล้วร้องเตือน “ตงฟางเจ๋อ! ท่านเป็นอะไรไป? หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เขาเป็นอะไรไป? ไม่รู้ รู้เพียงว่าเขาต้องการนาง ต้องการอย่างไม่อาจหยุดยั้ง หากหยุดยั้งเพียงวินาทีร่างกายก็ราวกับจะฉีกขาด เขาเคลื่อนไหวมือรวดเร็วกว่าเดิม ราวกับเดินมาถึงสุดปลายทางร่างกายใกล้จะแหลกสลายแล้ว
ซูหลีตื่นตะลึง พลันนึกถึงเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนเขาจะมีปฏิกิริยาต่อความใกล้ชิดของนางรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ยับยั้งชั่งใจตนเองได้ ไม่ ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ
นางออกแรงผลัก แต่กลับไม่เป็นผล ขณะที่ร้อนใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก มือข้างหนึ่งกลับบังเอิญคลำเจอถุงยาข้างเอวเขา นึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนเขาก็อารมณ์ร้อนแรงยากจะควบคุมเช่นนี้ ต่อมาเมื่อกินยาอาการถึงได้ดีขึ้น ฉะนั้นนางไม่คิดมากอีก รีบล้วงยาในถุงข้างเอวเขา แล้วพยายามยัดใส่ปากเขาอย่างสุดชีวิต
เม็ดยาถูกกลืนลงคอ ความเจ็บปวดภายในร่างกายเริ่มบรรเทา สติของตงฟางเจ๋อพลันกระจ่างขึ้นสองส่วน เขาหอบหายใจถี่กระชั้น จ้องมองคนที่อยู่ใต้ร่างตนเอง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง ทว่ากลับยังคงไม่คลายมือ
ซูหลีผลักเขาออกแล้วลุกขึ้นนั่ง กระชับอาภรณ์ให้มิดชิด ก่อนจะถามอย่างหวาดหวั่น “ท่านเป็นอะไรกันแน่? เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายท่านหรือเปล่า? ให้หมอหลวงมาตรวจดูหรือไม่?”
ตงฟางเจ๋อล้มตัวนอนบนเตียง สูดหายใจลึกๆ จ้องใบหน้านางด้วยสายตาสับสน ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่พูดจา หลังจากที่แก้พิษดอกฉิงฮวา เมื่อใดที่เขาใกล้ชิดนางและรู้สึกได้ถึงความรักที่พลุ่งพล่าน เขาก็ไม่อาจควบคุมตนเอง หากได้ใกล้ชิดก็จะยิ่งอยากได้มากกว่านั้น เมื่อไม่ได้นางมาครอง ร่างกายก็จะเจ็บปวดจนยากจะทานทน และอาการเช่นนั้นก็รุนแรงมากขึ้นทุกครั้ง! ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจ นึกว่าเป็นอาการที่เกิดจากความรัก เพียงแต่สองครั้งนี้กลับรุนแรงจนถึงขั้นไม่อาจควบคุมตนเอง!
“อาการของข้า เกรงว่าหาหมอหลวงก็คงไม่มีประโยชน์” นัยน์ตาเขาเคร่งเครียดกว่าเดิม
“เพราะเหตุใด?” ซูหลีสงสัย ขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงอาการผิดปกติในครั้งนี้ของเขา มันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อใด ที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด หากเขาใกล้ชิดนาง ก็จะเกิดความต้องการครอบครองอย่างรุนแรงเสมอ? ดูเหมือนว่าจะเป็น…หลังจากแก้พิษดอกฉิงฮวา?!
“หรือว่า…พิษดอกฉิงฮวายังแก้ไม่หมด?” ซูหลีตกตะลึง เจียงหยวนเคยบอกไว้ หากแก้พิษล้มเหลว กำลังภายในจะสูญสิ้น และห้ามมีความรักไปตลอดชีวิต! แต่อาการของเขาตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงกำลังภายในไม่ถูกจำกัด กลับยังเกิดแรงปรารถนาได้ง่ายดายจนยากจะควบคุม
แววเย็นชาพาดผ่านดวงตาของเขา ตงฟางเจ๋อกล่าว “บางที อาจต้องไปถามเจียงหยวนดู”
ซูหลีขมวดคิ้ว “พิษดอกฉิงฮวาไม่ใช่พิษธรรมดา บางทีอาจมีเรื่องที่เจียงหยวนไม่รู้ มิสู้…พวกเราไปเสียเดี๋ยวนี้เลย!” เอ่ยจบ นางก็รีบลงจากเตียงไปเรียกบ่าวรับใช้
……………………………………………
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 284 คำสั่งของตงฟางเจ๋อ (1)
Posted by ? Views, Released on October 15, 2021
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment