นางโจมตีโดนบาดแผลอย่างแม่นยำไร้ที่ติ
ตงฟางเจ๋อสะท้านไปทั้งตัว ชะงักฝีเท้า หน้าซีดขาวไปหลายส่วน นางลงมือได้โหดเหี้ยมยิ่งนัก! เขาก้มหน้า แขนเสื้อสีน้ำหมึกถูกโลหิตซึมจนเปียกชุ่ม ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่ว
คืนที่เขาลักลอบเข้าไปในกองทัพศัตรู เขาถูกนางแทงแผลลึกหนึ่งนิ้ว ลึกจนเห็นกระดูก ถึงแม้ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่กลับยังไม่มีโอกาสได้พักฟื้นดีๆ หากไม่บุ่มบ่ามใช้ชี่แท้ ก็ต้องควบม้าเร็วเร่งเดินทาง แม้จะมียาขนานวิเศษ ก็มิอาจต้านทานการฉีกขาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของบาดแผลเขาได้
“ถ้าหากทำเช่นนี้แล้วเจ้ารู้สึกดีขึ้น เช่นนั้นเจ้าก็ลงมือได้เต็มที่”
ลมหายใจของนางสะดุดกึก ความกล้าที่รวบรวมได้ในชั่วพริบตาเมื่อครู่พลันหายไปกว่าครึ่ง ดาบสั้นในมือยังคงชี้หน้าเขาอยู่อย่างนั้น ทว่ามือข้างที่กำด้ามดาบของนาง ข้อนิ้วกลับซีดขาวเพราะความสับสนและออกแรงมากไป เผยให้เห็นอารมณ์อันซับซ้อนที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ในห้องขังเงียบงันไร้เสียง อากาศอับชื้นแผ่กระจายไปทั่ว ทั้งสองคนต่างไม่มีใครยอมใคร เอาแต่ยืนจ้องอีกฝ่ายอยู่เช่นนั้น
ไม่รู้ผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดแล้ว มือข้างที่กำด้ามดาบของซูหลีสั่นเทาเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุม ทว่านางกลับยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่มีเวลามาพูดจาไร้สาระกับท่านแล้ว ข้ามาหาท่าน เพราะต้องการเจรจาเงื่อนไขกับท่าน”
ตงฟางเจ๋อหรี่ตาเล็กน้อย จ้องนางอย่างเงียบงัน
ซูหลีกล่าวต่อ “ท่านสั่งให้ทหารถอยทัพ แล้วข้าจะปล่อยท่านไปจากที่นี่”
“เหตุใดต้องปล่อยข้าไป? มอบตัวข้าให้ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนโดยตรงไม่ดีกว่าหรือ?” เขาถามอย่างใจเย็น
“ท่านเพียงตอบมาว่าตกลงหรือไม่!” ดาบสั้นในมือประชิดเข้ามาอีกหนึ่งนิ้ว นางพยายามควบคุมตนเองอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้แสดงอารมณ์ออกมามากเกินไป
ตงฟางเจ๋อกลับก้าวเข้าใกล้นางอีกหนึ่งก้าว ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้นาง “ตกลงแล้วอย่างไร? ไม่ตกลงแล้วอย่างไร? เจ้าจะฆ่าข้าหรือ?”
“ท่านคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ?” นางถลึงตาจ้องเขา ตวาดเสียงเกรี้ยว
เขาพลันเอื้อมมือออกไปคว้ามือนางแน่น คมดาบอันวาววับจ่อตรงไปที่หัวใจของเขา
“ดี เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าข้าเสีย!” เขากล่าวประโยคนี้ออกมาทีละคำๆ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งสีเลือดฝาด สายตาที่จดจ้องมองนางสะท้อนแววเด็ดเดี่ยวหนักแน่น
ซูหลีสะท้านไปทั้งตัว อดไม่ได้ที่จะดึงมือออกจากฝ่ามือเขา ทว่าขัดขืนอยู่หลายครั้ง มือของเขากลับยังคงแน่นิ่งดั่งเหล็กกล้า! ครั้นเงยหน้าอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาเฉยชา ดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว คล้ายต้องการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวของเขา หากนางไม่ฆ่าเขา เขาก็จะไม่มีทางปล่อยมือจากนาง!
“ฆ่าข้า แล้วเจ้าก็จะหลุดพ้น”
“ท่าน…” ลมหายใจของซูหลีสะดุด กลีบปากสั่นเทา แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“เหตุใดยังไม่ลงมืออีกเล่า?” เขาโน้มกายไปด้านหน้า สายตาเย็นชาบีบคั้นพลันปรากฏความอบอุ่น
ซูหลีหอบหายใจถี่กระชั้น แขนของนางกลับหดถอยโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือกระชับแน่นครั้งแล้วครั้งเล่า แทบจะบีบด้ามดาบแหลกคามือ! ซูหลีพลันรู้สึกชิงชังเขาขึ้นมาทันที ตั้งแต่ที่หุบเขาเร้นลับที่เขาเริ่มสงสัยในตัวตนของนาง เขาก็สร้างโอกาสบีบคั้นนางเพื่อยืนยันตัวตนของนางครั้งแล้วครั้งเล่า! หรือจะต้องให้นางฆ่าเขาจริงๆ เขาจึงจะยอมหยุด?
“ท่าน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วจริงๆ หรือ?” นางกล่าวเสียงลอดไรฟัน
สายตาของตงฟางเจ๋อขรึมลง มือข้างที่กุมมือซูหลีพลันออกแรง เสียง ‘ฉึก’ ดังขึ้น ปลายดาบสั้นแทงทะลุเข้าไปในอกเสื้อ!
หัวใจของซูหลีหยุดเต้นไปชั่วขณะ นางตกใจจนพูดไม่ออก
“ฆ่าข้าไม่ลงหรือ?” สีหน้าของเขากลับไม่เปลี่ยน เขากล่าวเสียงเข้ม “เช่นนั้นมิสู้ข้าเสนอเงื่อนไขให้เจ้า เจ้าไปกับข้า ข้าจะสั่งให้ทหารถอยทัพทันที!”
“ท่านเลิกคิดไปได้เลย!” ซูหลีตอบกลับทันทีโดยสัญชาตญาณ “เมื่อครู่บนวิหาร ท่านเห็นหรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด? ให้ข้าไปกับท่าน…ตงฟางเจ๋อ ท่านเอาแต่คิดถึงสตรีจนเป็นบ้าไปแล้วหรือ?!”
แม้ปากพูดเช่นนี้ แต่ในใจนางกลับตกใจยิ่งนัก จนถึงตอนนี้ เขากลับยังคงไม่ยอมตัดใจ?! ใบหน้านี้ที่นางแปลงโฉมเป็นท่านน้าจิ้งหวั่น สมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ! เหตุใดเขาจึงได้มั่นใจนักว่านางคือซูหลี?!
นางมองหน้าเขาอย่างตกตะลึงและสับสน ท่ามกลางความมืด นัยน์ตาดำขลับของเขาราวกับกระจกที่สะท้อนความสงสัยในดวงตานางได้อย่างกระจ่างชัด นางพลันรู้สึกว่าบุรุษผู้นี้ช่างมีความคิดที่ลึกล้ำ และยากแท้หยั่งถึง นางสวมหน้ากากสองชั้น แต่กลับเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงได้ดีไม่เท่าหน้ากากหนังที่เขามีมาแต่กำเนิด
“ใช่ ข้าเป็นบ้าไปแล้ว! ใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย เหตุใดข้าจึงต้องการแค่นางคนเดียว?!” ความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งพาดผ่านดวงตาเขา เขาสูดหายใจลึกๆ แล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “เจ้ากลับไปกับข้า ข้าจะสั่งให้ทหารถอยทัพทันที มิเช่นนั้น…”
“จะทำไม?” นางถามด้วยเสียงเย็นชา หัวเราะด้วยความเดือดดาล “ท่านอย่าลืม ยามนี้ท่านอยู่ในลัทธิธิดาเทพของข้า ในลัทธิมียอดฝีมือมากมาย หากข้าไม่อนุญาต ลำพังเพียงท่านคนเดียว แม้มีวรยุทธ์สูงส่งทัดเทียมฟ้า ก็อย่าคิดจะรอดออกไปได้!”
“หากไม่อาจพาเจ้าไปจากที่นี่ได้ เช่นนั้นไม่ว่าข้าจะรอดออกไปได้หรือไม่ ก็ไม่สำคัญ เพียงแต่ว่า เย็นวันพรุ่งนี้ หากข้ายังไม่กลับออกไปอย่างปลอดภัย…” เขาหยุดพูดไปเล็กน้อย รอยยิ้มเด็ดเดี่ยวพาดผ่านกลีบปากงาม
ซูหลีพลันตระหนัก เขากล่าวต่อว่า “กองทัพทหารหนึ่งแสนนายของหยวนเซี่ยงที่ดักซุ่มอยู่ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของเขตชายแดน และกองทัพทหารสามแสนนายของเซ่อเจิ้งอ๋องที่อยู่ตรงประตูหน้าของเขตชายแดน จะเคลื่อนทัพโจมตีแคว้นเปี้ยนจากรอบทิศ ทหารสี่แสนนายดื่มเลือดสาบาน หากไม่โจมตีแคว้นเปี้ยนให้ราบเป็นหน้ากลอง จะไม่มีวันถอยทัพ!”
ชั่วขณะหนึ่ง ราศีบีบคั้นของผู้เป็นกษัตริย์แผ่กำจายรอบกายเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้นางมา!
ลมหายใจของซูหลีสะดุด พริบตาเดียว จากฝ่ายได้เปรียบนางก็กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ท่านวางแผนมาแต่แรกแล้วจริงๆ!” นางกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ตงฟางจั๋ว! ก่อนจะลงมือทำเรื่องใด ไม่มีทางที่เขาจะไม่วางแผนเตรียมความพร้อม
เจรจาต่อรองกับคนบ้าที่ไม่ห่วงชีวิตตนเอง ผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะกันเล่า? ยามนี้นางมีเพียงสองตัวเลือกเท่านั้น หากไม่ฆ่าเขา ก็ไปกับเขา!
บรรยากาศแน่นิ่งไปชั่วขณะ คนรักที่เคยใกล้ชิดกันที่สุดเผชิญหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เพียงชั่วครู่ก็ยาวนานดั่งสิบปี
เวลาค่อยๆ เดินผ่านไป นางเสียเวลากับเขาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว!
ซูหลีขมวดคิ้วถาม “ท่านไม่กลัวตายจริงหรือ?”
เขาแย้มยิ้มเล็กน้อย ไม่ตอบคำถาม
สายตาของนางเย็นเยียบ นางชักข้อมือออกจากฝ่ามือกว้าง แล้วกล่าวเสียงเกรี้ยว “ดี เช่นนั้นข้าจะทำให้ท่านสมปรารถนา!”
ดาบแหลมคมพุ่งแทงไปที่หน้าอกของเขาโดยตรง
คมดาบวาววับพุ่งแทงเข้าไปในร่างกายเขาอย่างไร้ความปรานี!
ซูหลีเบิกตากว้าง นางเหลือเวลาให้เขามากพอที่จะตอบโต้ แต่เขากลับยืนนิ่งไม่ขยับ ปล่อยให้นางแทงเขา
โลหิตสีแดงสดพุ่งกะฉูดออกมาพร้อมกับดาบที่ถูกดึงกลับ!
ขับเน้นให้ดวงหน้าซีดขาวของเขาแทบจะโปร่งแสง! วินาทีนี้ เขาคือนักพนันที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน! พนันว่าในใจของนาง ยังเหลือความใจอ่อนและความอาลัยอาวรณ์ในตัวเขาอยู่หรือไม่
ความเจ็บปวดที่เดิมทีบรรเทาลงบ้างแล้วพลันโจมตีหัวใจนางอีกครั้ง รุนแรงยิ่งกว่าตอนแรก สายตาของซูหลีพร่ามัว สติสัมปชัญญะที่ตึงเครียดเหมือนเส้นด้ายตึงๆ ขาดผึงลงทันที ไม่อาจทนรับได้อีกต่อไป
ภาพตรงหน้ามืดมิด นางกระอักเลือดออกจากปาก ดาบในมือตกลงบนพื้น ร่างกายก็อ่อนแรงล้มลงไปเช่นกัน
……………………………………………..
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 349 ฆ่าข้า หรือไม่เช่นนั้นก็ไปกับข้า! (4)
Posted by ? Views, Released on October 30, 2021
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment