บุรุษที่อยู่ข้างกายดูสงบนิ่งเช่นยามปกติ แต่กลับไม่อาจหยั่งเชิงความคิดของเขาได้ ซูหลีมองหน้าเขานิ่งๆ จู่ๆ ใบหน้าของเขาก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นเลือนราง น้ำเสียงก็ฟังดูล่องลอยห่างออกไป เหลือเพียงดวงตาลึกล้ำคู่นั้นและเงาร่างสูงใหญ่ที่มั่นคงดั่งขุนเขาหมื่นปี ที่ค่อยๆ ทาบทับกับเงาของคนผู้นั้นที่อยู่ในความทรงจำของนาง
นางไม่ได้ยกตะเกียบขึ้นมาทันที เพียงแย้มยิ้มแล้วกล่าวอย่างแช่มช้า “เซี่ยฝูอัน บางครั้งข้าก็รู้สึก…ว่าเจ้าไม่เหมือนเซี่ยฝูอัน” เอ่ยจบก็เงยหน้า สายตาสะท้อนแววคมปลาบ จ้องหน้าเขาอย่างไม่ละสายตา
เซี่ยฝูอันอึ้งไปเล็กน้อย ทว่ากลับไม่หลบเลี่ยง ดวงตาเปล่งประกายวูบหนึ่งก่อนจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว เขาจ้องตานางกลับตรงๆ แล้วกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ “ท่านธิดาเทพล้อข้าน้อยเล่นแล้ว เซี่ยฝูอันไม่ใช่เซี่ยฝูอัน แล้วจะเป็นผู้ใดได้เล่าขอรับ?”
หัวใจของซูหลีป่วนพล่าน ยากจะควบคุม นางถือตะเกียบเงินขึ้นมา แล้วยื่นไปที่รากบัวยัดไส้สองสหายจานนั้นอย่างไม่ลังเล
ใบหน้าหวั่นซินแปรเปลี่ยนเป็นตกใจ หมายจะร้องห้ามปราม แต่ในตอนนั้นเอง มือของซูหลีก็ถูกคนผู้หนึ่งคว้าไว้แน่น!
หัวใจของซูหลีสั่นสะท้านไปทั้งดวง นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สายตามองไล่จากนิ้วมือเรียวยาวแต่กลับซีดขาว ขึ้นไปยังสายตาของเขาที่ยามปกติสงบนิ่ง แต่ยามนี้กลับแตกตื่นอย่างปิดไม่มิด ไม่ว่าการหยั่งเชิงใดๆ ก็ล้วนเทียบไม่ได้กับการที่นางเอาชีวิตตนเองเป็นเดิมพัน! ก็แค่ดอกฉาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กลับทำให้ความเจ็บปวดในสายตาของเขาเข้ามาแทนที่ความเสแสร้งทันที
นัยน์ตาของนางไหวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม ทว่าใบหน้ากลับเย็นชาเหมือนกำลังถามคนแปลกหน้าคนหนึ่ง “ผู้ดูแลเซี่ยเป็นอะไรไป? อาหารนี้ทำให้ข้ากินไม่ใช่หรือ?”
เขาเม้มปากแน่น ไม่ตอบอะไร ดวงตาลึกล้ำจ้องหน้านางไม่วางตา แววเจ็บปวดค่อยๆ สะท้อนชัดขึ้นมา
“ผู้ดูแลเซี่ย ท่านทำอะไรน่ะ?” โม่เซียงถามด้วยความแปลกใจ หมายจะเดินเข้าไปดึงมือเซี่ยฝูอันออก แต่กลับถูกหวั่นซินห้ามไว้ก่อน หวั่นซินสังเกตเห็นสายตาของซูหลีที่สับสนวุ่นวาย หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามอารมณ์ที่ป่วนพล่าน จึงอดนึกย้อนไปถึงท่าทางผิดปกติครั้งก่อนๆ ของนางไม่ได้ พลันนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หวั่นซินหันไปมองเซี่ยฝูอันด้วยสายตาตกตะลึงและสับสน ก่อนจะหันไปกระซิบกับโม่เซียงเสียงเบา “ในอาหารมีดอกฉา”
“หา?!” โม่เซียงได้ยินเช่นนั้นก็ลั่นร้องด้วยความตกใจ นางถลาเข้าไปตรงหน้าซูหลี แล้วร้องด้วยความตกใจ “ในอาหารจานนี้มีดอกฉาผสมอยู่! คุณ…”
ในเสี้ยววินาทีที่คำว่า ‘คุณหนู’ เกือบหลุดออกจากปาก ซูหลีขว้างตะเกียบเงินทิ้ง แล้วตวาดเสียงเกรี้ยว “พวกเจ้าออกไป”
“หา?” โม่เซียงยังไม่เข้าใจสาเหตุ ก็ถูกหวั่นซินลากออกไปก่อนแล้ว
ท้องฟ้าข้างนอกมืดมิด สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านเข้ามา แสงเทียนที่ไหวกระเพื่อมส่องดวงหน้าที่ตกตะลึงและเจ็บปวดเกินบรรยายของคนทั้งสอง แสงสว่างพลันมืดมนลงไปหลายส่วน
ซูหลีกับเซี่ยฝูอันจ้องตากันอย่างเงียบงัน ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น สายตาของเขาลึกล้ำซับซ้อน เจ็บปวดโศกเศร้า สายตาของนางสงบนิ่ง ปกปิดความตื่นตระหนกในใจ
เงียบงันไร้เสียง อาหารบนโต๊ะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชืด
สุดท้ายนางก็สะบัดมือเขาออก แล้วถอยห่างสองก้าว ก่อนจะกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ “น้ำแกงดอกฉานำมาปรุงอาหาร หอมหวนยั่วยวนใจ หากข้าไม่กิน จะไม่เป็นการเสียน้ำใจเจ้าหรอกหรือ?” พูดไป นางก็ยกตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง คล้ายจะกินอาหารจานนั้นให้ได้
ครั้นเห็นรากบัวใกล้จะเข้าปาก เสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นทันที ตะเกียบเงินในมือถูกตบจนหลุดมือ ร่วงกระทบพื้นเสียงดัง
“ซูซู!” เขาขานเรียกชื่อนางอย่างปวดใจ รู้ทั้งรู้ว่านางทำเช่นนี้เพื่อบีบบังคับให้เขาเผยตัวตนที่แท้จริง แต่เขากลับไม่มีทางเลือก นางใจกล้าถึงเพียงนี้ ก็เพียงเพราะต้องการเดิมพันกับหัวใจของเขาที่มีต่อนาง! และการหยั่งเชิงในครั้งนี้ สุดท้ายเขาก็เป็นผู้แพ้!
ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว แต่ครั้นนางได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นหู สมองของซูหลีก็ราวกับมีเสียงระเบิดดัง ‘บึ้ม’ เลือดทั่วร่างราวกับแข็งกระด้างไปทั้งตัว
นางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ แน่นิ่งไม่ขยับ และไม่พูดอะไรสักคำ
ตงฟางเจ๋อ!
กลับเป็นเขา!
เป็นเขาได้อย่างไรกัน?!
ไม่ ความจริงนางน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว เขาลำบากส่ง ‘ไข่มุกนิล’ มาให้นาง แล้วจะไม่มาดูปฏิกิริยาตอบสนองของนางให้เห็นกับตาได้อย่างไร?
นางเกิดปัญหาระหว่างฝึกวรยุทธ์ เขาแตกตื่นหวาดกลัว เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับนาง…
นางเกือบลมปราณแตกซ่าน เขาแอบช่วยนางเงียบๆ และแอบซ่อนตัวอยู่เงียบๆ…
นางไม่อยากอาหาร เขาที่เป็นถึงกษัตริย์แห่งแคว้นเฉิงกลับลงมือทำอาหารด้วยตนเอง!
ในค่ำคืนที่ฟ้าฝนกระหน่ำ เขาไม่หลับไม่นอน แอบเฝ้านางอยู่นอกหน้าต่างเงียบๆ…
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ นอกจากเขา…ยังจะมีผู้ใดอีก?
บนโลกใบนี้ มีบุรุษเพียงผู้เดียวที่รู้ความชอบของนางเป็นอย่างดี! และมีบุรุษเพียงผู้เดียวที่จะลงทุนลงแรงเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อใกล้ชิดนาง หยั่งเชิงนาง!
เซี่ยงหลีพูดถูก เขาบ้าไปแล้วจริงๆ! เขาไม่เพียงเป็นบ้าไปแล้ว แต่กลับบ้าขึ้นเรื่อยๆ บ้าจนแทบจะไม่เหมือนตงฟางเจ๋อที่นางรู้จัก!
“เซี่ยฝูอันตัวจริงอยู่ที่ใด?” นางพยายามสงบสติอารมณ์ และควบคุมตนเองให้ถามสิ่งที่ควรถาม
ตงฟางเจ๋อกล่าวเสียงเรียบ “อยู่ในที่ที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง”
ซูหลีจ้องหน้าเขา พูดอะไรไม่ออก
“ท่านรู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดอยู่?” เงียบไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ครั้งที่แล้ว นางทุ่มเทไม่น้อยกว่าจะส่งตัวเขาออกไปจากที่นี่ได้ เขากลับหาทางแฝงตัวกลับเข้ามาอีกจนได้ นางอยากลืมเขา อยากฝังทุกอย่างระหว่างนางกับเขา เขากลับไม่ให้เวลาและโอกาสนางแม้แต่น้อย!
ตงฟางเจ๋อถอนหายใจเสียงเบา แล้วกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าจับได้เร็วถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าแม้วิชาแปลงโฉมจะล้ำเลิศเพียงใด หรือเสียงและตัวตนจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด แต่หากคนคนนั้นยังคงเป็นคนคนนั้น อย่างไรนางก็ต้องรู้สึกได้ถึงหัวใจของเขา!”
วาจาแฝงความหมายของเขา นางย่อมฟังออก หัวใจสะดุดกึก ความรู้สึกเป็นสิ่งที่น่าประหลาด ถึงแม้ใบหน้าที่นางเห็น เสียงที่นางได้ยิน กลิ่นอายที่ได้กลิ่น จะไม่เหมือนกับเขาในอดีต แต่ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับเขา นางก็อดนึกถึงเขาไม่ได้ ที่แท้เขา…ก็คือเขา!
ในฐานะกษัตริย์แห่งแคว้น เพื่อสตรีที่ไม่อาจหวนกลับคืนมานางหนึ่ง เขากลับยอมลดเกียรติอันสูงส่งมาเป็นพ่อบ้านในกองกำลังหนึ่งของต่างแคว้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ!
ซูหลีหลับตาเบาๆ พยายามควบคุมอารมณ์ที่ป่วนพล่านอย่างสุดกำลัง แต่ฝ่ามือเล็กๆ ที่อยู่ใต้แขนเสื้อกลับกำแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดสิ่งใด!”
“ข้าจะพาเจ้ากลับไป” เขาจับมือนางอย่างมั่นคงและหนักแน่น สายตาจดจ้องเข้ามาในดวงตานางอย่างแน่วแน่
ความโกรธเกรี้ยวถาโถมใส่หัวใจ ซูหลีกลับอดหัวเราะไม่ได้ “ข้าไม่ใช่คนที่ท่านกำลังตามหา! ท่านตามรังควานไม่เลิกเช่นนี้ ไม่กลัวผู้คนหัวเราะเยาะเอาหรือ?”
“ข้าตงฟางเจ๋อทำเรื่องใด ไม่เคยสนใจสายตาผู้ใดอยู่แล้ว! ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่ข้าสนใจ มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น! เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?” เขากุมมือนางแน่น ทั้งเจ็บปวดและเย้ยหยันตนเอง แต่วินาทีนั้น ราศีรอบกายเขากลับแข็งกร้าวจนพาให้ปวดใจ ทว่ายามกล่าวถึงประโยคสุดท้าย แววอ่อนโยนปรากฏในดวงตา ราวกับสายใยความรักความผูกพันมากมายพุ่งเข้ามาห่อหุ้มพันธนาการนางไว้แน่น ทำให้นางมิอาจปฏิเสธ และมิอาจหลีกเลี่ยงได้
หัวใจของซูหลีสั่นสะท้านอย่างแรง เหมือนถูกเข็มเงินทิ่มแทง เจ็บจนมิอาจควบคุมตนเองได้ นิ้วมือของเขาเย็นเฉียบจนเหมือนน้ำแข็ง ไม่อบอุ่นดังเช่นแต่ก่อน นางสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะชักมือตนเองกลับ ลุกขึ้นแล้วหันหลัง “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดสิ่งใดอยู่!”
เรื่องมาจนถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ยังไม่ยอมรับ! ดวงตาของตงฟางเจ๋อหม่นหมอง โอบกอดกายนางอีกครั้งด้วยความร้อนรน นางกลับไม่ขัดขืนอย่างที่คิด เพียงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
……………………………
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 381 รักลึกซึ้งปานใดกันแน่? (1)
Posted by ? Views, Released on December 1, 2021
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
Status: Ongoing
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment