กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 392 เป็นตายไม่ทอดทิ้งกัน (3)

หยางเซียวหน้าถอดสีทันที เมื่อครู่สีหน้าของเสด็จพ่ออ่อนลงหลายส่วนแล้วแท้ๆ เหตุใดจู่ๆ ถึงเปลี่ยนใจเล่า? สถานการณ์คับขัน เขามีเวลาคิดไม่มาก พุ่งตัวเข้าไปด้วยความเร็วดั่งลูกธนู ลงมือรวดเร็วดั่งสายฟ้าทันควัน ซัดทหารสองคนนั้นออกไป แล้วปกป้องนางไว้ด้านหลัง ก่อนจะหันกลับไปตะโกนด้วยความร้อนใจ “เสด็จพ่อโปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ถึงแม้อาหลีจะมีความผิด แต่ท้ายที่สุดแล้วคนที่เปิดประตูเมืองปล่อยคนไป ก็คือลูกนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“บังอาจ! พวกเจ้าสองคนมาจากตะเภาเดียวกัน ข้าจะไม่ละเว้นพวกเจ้าแม้แต่คนเดียว! ไสหัวไปด้วยกันให้หมด!” ใบหน้าของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนเต็มไปด้วยความโกรธกริ้ว
หยางเซียวคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง ‘พลั่ก’ เขาอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “เสด็จพ่อกล่าวถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้ว่าตนเองทำผิด แต่โทษของอาหลีไม่ถึงขั้นตายกระมัง? ยิ่งไปกว่านั้นนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของเสด็จอาหญิง…”
“ไม่ว่านางจะมีฐานะใด หากขัดขืนพระราชโองการ ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว!” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนหนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลง น้ำเสียงเย็นชา เหี้ยมเกรียมไร้เมตตา
“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!” ครั้นเห็นฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนยังคงไม่ปรานี หยางเซียวตะโกนออกไปด้วยความร้อนใจ “อาหลีเป็นคนสนิทของลูก นางสำคัญกับลูกมาก ลูกไม่มีทางยอมดูนางตายแน่นอน!”
“ไม่ได้งั้นหรือ?!” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนถลึงตาใส่เขาพลางหอบหายใจ ก่อนจะหัวเราะด้วยความเดือดดาล “เจ้าถึงขั้นกล้าพูดคำว่าไม่ได้กับข้า? ดูท่าข้าคงตามใจเจ้าจนเสียคน!”
สีหน้าหยางเซียวสะดุด รู้ตัวว่าตนเองพลั้งปาก ทว่ากลับยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นต่อ “เสด็จพ่อ เรื่องนี้หากมีผู้ใดต้องรับผิดชอบจริงๆ ลูกยินดีรับไว้เองพ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อปล่อยอาหลีไปเถิด”
“เจ้ายินดีรับโทษแทนนาง? เพราะเหตุใด?” สายตาของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนไหวระริก เขาเค้นถามเสียงเข้ม
หัวใจของซูหลีสั่นสะท้าน ตั้งแต่รู้จักกันมา หยางเซียวไม่เคยปิดบังความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อนาง เขากระตือรือร้น และไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนไตร่ตรองถึงนางก่อนทุกเรื่อง ความรักที่เขาซุกซ่อนไว้ในใจ นางรู้ดียิ่งกว่าใคร แต่เขาเป็นคนขี้เล่น วาจาที่พูดไม่เคยจริงจัง นางเองก็ไม่เคยคิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งว่าเขาจริงใจต่อนางมากน้อยแค่ไหน นึกไม่ถึงยามความตายมาเยือน เขากลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น กระทำความผิดเพื่อนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวใจของซูหลีปั่นป่วนยากจะควบคุม
ภายในตำหนักเงียบสงบ ซูหลีได้ยินเสียงลมหายใจถี่กระชั้นของหยางเซียวที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน หัวใจพลันสะดุด นางอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงแผ่นหลังสูงใหญ่ของเขาที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า แผ่นหลังค่อยๆ เหยียดตรง แหงนหน้ามองฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนที่อยู่เบื้องบน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทีละคำๆ “เพราะว่า ลูกชอบนาง” เสียงของเขาไม่ดัง ทว่ากลับชัดเจนและทรงพลัง ทุกคนได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ
หัวใจของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนสั่นสะท้าน ท่าทางจริงจังของหยางเซียวในยามนี้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับในเสี้ยววินาทีนี้ โอรสที่เขารักที่สุดได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาเบิกตาจ้องหน้าหยางเซียว แล้วกล่าวเตือนด้วยความโกรธกริ้ว “คนที่อยู่ในใจนางคือตงฟางเจ๋อ! ไม่ใช่เจ้า!”
หยางเซียวหันกลับมาช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาในยามนี้ไม่เหลือรอยยิ้มขี้เล่นเช่นในยามปกติ เขาจ้องตรงเข้ามาในนัยน์ตาดำขลับของซูหลี ส่วนลึกของดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้งที่ไหลเวียนอยู่
“ลูกรู้” เขากล่าวเสียงเบา คล้ายกำลังตอบและพึมพำกับตนเอง แสงตะวันเจิดจ้ายามบ่ายคล้อยสาดส่องผ่านชั้นเมฆ เข้ามาในตำหนัก ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาฉาบเคลือบไปด้วยประกายแสงสีทองอ่อนๆ ชวนหลงใหล
หัวใจของซูหลีสั่นสะท้าน สายตาของเขามุ่งมั่นและหนักแน่นถึงเพียงนั้น ไม่มีทางพูดจาส่งเดชอย่างแน่นอน เขากำลังจริงจัง!
“ลูกชอบนาง และรู้ดีว่ายามนี้คนที่อยู่ในใจนางไม่ใช่ลูก แต่ลูกเชื่อว่าภายหน้ารูปลักษณ์และคุณสมบัติอันโดดเด่นของลูก จะทำให้นางรักลูกได้อย่างแน่นอน!” หยางเซียวจ้องหน้าซูหลีที่พูดไม่ออก กลีบปากของเขาหยักขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้ม เหมือนเช่นยามพบกันคราแรก เขากล่าวเสียงดัง “ตลอดชีวิตนี้ ลูกไม่ขอแต่งกับใครยกเว้นนางแต่เพียงผู้เดียว!”
“ไม่ขอแต่งกับใครยกเว้นนาง? นางเป็นธิดาเทพ กินยาไร้รักตัดขาดจากความรักไปแล้ว! เจ้าจะแต่งกับนางได้เช่นไร?” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนแค่นเสียงเย็นชา
หยางเซียวเม้มปากอย่างไม่สะทกสะท้าน กล่าวเสียงพึมพำ “ก็แค่ยาไร้รัก เสด็จพ่อสั่งให้พวกเขาคิดค้นยาแก้พิษขึ้นมาก็สิ้นเรื่องแล้ว”
“บังอาจ!” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนบันดาลโทสะจนมือสั่นไปทั้งสองข้าง
“เสด็จพ่อ! ลูกกล่าวทุกคำออกมาจากใจทั้งสิ้น หากไม่อาจแก้พิษยาไร้รัก ลูกยอมอยู่เคียงข้างอาหลีไปตลอดชีวิต ไม่ขอแต่งกับผู้ใดอีก!” หยางเซียวแหงนหน้า กล่าวเสียงดังฟังชัด
“เจ้า!” ใบหน้าของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนพลันแปรเปลี่ยน ลุกขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ตกตะลึงกับคำสัตย์สาบานอันหนักแน่นของหยางเซียวจนพูดไม่ออก
ทุกคนในตำหนักครั้นได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี องค์ชายสี่เป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนโปรดปรานมากที่สุด ภายหน้าองค์ชายผู้นี้จะต้องเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ของเขาอย่างแน่นอน แต่องค์ชายผู้นี้กลับลั่นวาจาว่าจะอยู่เคียงข้างสตรีนางหนึ่งที่ไม่อาจแต่งงานด้วยได้ไปตลอดชีวิต จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?!
ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนกริ้วโกรธ เหวี่ยงแขนกวาดถ้วยชาบนโต๊ะทรงงานลงบนพื้นทันที เครื่องเคลือบแตกกระจัดกระจาย น้ำชากระเด็นใส่หน้าหยางเซียว ร่างกายของเขาตึงเกร็ง แข็งกร้าวไม่ยอมอ่อนข้อ ปล่อยให้น้ำชาไหลลู่จากช่อผมเปียสีดำบนศีรษะลงไปตามร่างกาย
“ทหาร นำตัวซูหลีไปตัดหัวเดี๋ยวนี้!”
“หากเสด็จพ่อจะฆ่านางให้ได้ เช่นนั้นลูกก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่เช่นกัน! ลูกจะขอติดตามเคียงคู่นางไปยังยมโลก!” ยังไม่ทันสิ้นประโยค หยางเซียวลุกพรวด ไอเย็นชาพาดผ่านดวงตา ดาบเหน็บเอวของทหารนายหนึ่งถูกเขาชักออกจากฝักด้วยความเร็ว และยกพาดคอตนเอง!
“องค์ชายสี่!” ทหารนายนั้นตกใจจนหน้าถอดสี ร้องตะโกนเสียงหลง
ซูหลีลุกขึ้นด้วยความตกใจเช่นกัน “หยางเซียว วางดาบลงเสีย!”
“อาหลี เจ้าอย่าเข้ามา!” เขาตวาดใส่ซูหลี กวาดมองผู้คนรอบกายด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “ผู้ใดกล้าเข้ามา ข้าจะเชือดคอตนเองให้เลือดสาดเสียเดี๋ยวนี้!” ราวกับต้องการแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของตนเอง ดาบคมในมือเขากรีดลำคอเบาๆ เลือดสีแดงไหลอาบคมดาบอันสว่างเจิดจ้าทันที
ทุกคนสูดหายใจด้วยความแตกตื่น ทหารที่หมายจะพุ่งตัวเข้าไปแย่งดาบตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดจากร่าง ทำได้เพียงชะงักเท้า ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
การกระทำของหยางเซียวเหนือความคาดหมายของซูหลีไปมาก นางไม่มีทางคาดคิดว่าเพื่อช่วยชีวิตนาง เขาจะทำถึงขั้นเอาชีวิตตนเองมาข่มขู่ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยน!
“เจ้า เจ้าช่าง…” ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนเดือดดาลสุดแสน เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ช่างเป็นโอรสที่ดีของข้ายิ่งนัก! อย่างอื่นไม่เอาไหน กลับรู้จักข่มขู่ข้าเสียแล้ว? ช่างเป็นโอรสที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!” เขาพลันรู้สึกแน่นหน้าอก ยกมือขึ้นกุมอกเสื้อแน่น แล้วไออย่างหนัก
สีหน้าของหยางเซียวพลันแปรเปลี่ยน อยากจะเข้าไปประคองแต่กลับฝืนกลั้นใจเอาไว้ มือที่กุมดาบเอาไว้กระชับแน่นขึ้นอีก ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นโอรสที่เสด็จพ่อรักมากที่สุด เขาเป็นเด็กดื้อรั้น ทำเรื่องราวต่างๆ ตามใจโดยไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนกลับยิ่งรักใคร่เขามากกว่าเดิม ไม่เคยตำหนิติเตียนสักคำ และเพราะความรักและความไว้วางใจนี้ จึงทำให้หยางเซียวพึงระวังพฤติกรรมของตนเองเสมอมา เขาเคารพรักเสด็จพ่อมาก ไม่เคยขัดคำสั่งเสด็จพ่อสักครั้ง แต่เพื่อซูหลี เขากลับต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิต สถานการณ์ระหว่างสองพ่อลูกตึงเครียด จนแทบจะกลายเป็นศัตรูคู่แค้น
ใบหน้าหยางเซียวสับสนวุ่นวาย ไออุ่นร้อนผุดขึ้นมาห่อหุ้มนัยน์ตาทั้งสองข้าง ซูหลีเห็นเช่นนั้นก็รู้ว่ายามนี้เขากำลังต่อสู้กับจิตใจตนเองอย่างยากลำบาก อดไม่ได้ที่จะกล่าวเกลี้ยกล่อม “หยางเซียว ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เพื่อข้า…”
หยางเซียวตัดบทนาง “ข้าเคยบอกแล้วว่าจะปกป้องเจ้า! แล้วจะให้ทนดูเจ้าตายไปต่อหน้าต่อตาได้เช่นไร?! หากเจ้าตาย ข้าจะไม่มีวันใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังแน่นอน!” เขาทอดมองมาด้วยสายตาที่หนักแน่นไม่ยอมถอยหลัง มั่นคงแข็งกร้าว แล้วยังมีความผิดหวังและความเสียใจปะปนอยู่ด้วยเล็กน้อย
หัวใจของซูหลีสั่นสะท้าน น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมั่นคงของเขาจู่โจมหัวใจนางทันที! หัวใจของนางอ่อนยวบ นางไม่ลืมว่าในหุบเขาที่เต็มไปด้วยแสงอาทิตย์สวยงามและกลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้ใบหญ้า เขาเคยพูดประโยคนี้จริงๆ เพียงแต่นางไม่เคยเก็บมาใส่ใจอย่างแท้จริง คิดแต่ว่าเขาพูดเล่น แต่ทว่า คำพูดล้อเล่นประโยคนั้น กลับถูกเขาพิสูจน์ด้วยการกระทำราวกับเป็นคำสาบานอันหนักแน่น! ขอบตาของนางพลันร้อนผ่าว
……………………

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset