กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 96 จิ้งอันอ๋องจับชู้ (2)

เมื่อเวลาผ่านไป ความทรมานที่เกิดขึ้นในทรวงอกค่อยๆ เข้ามาแทนที่ความปรารถนาอันร้อนแรงยากจะทานทนเมื่อครู่ ซูหลีพลันกระจ่าง ที่แท้ตงฟางเจ๋อต้องการใช้ความทรมานใกล้ตายเช่นนี้ เอาชนะแรงปรารถนาที่ทำให้ร่างกายเสียการควบคุมนั่นเอง
หัวใจของนางพลันเจ็บแปลบขึ้นมาเล็กน้อย
ทำอย่างนี้ จะอดทนไปได้นานอีกสักเท่าใด?
ไม่มีผู้ใดรู้
ซูหลีหลับตาทั้งสองข้างลงเบาๆ นางไม่อาจสบสายตาอ่อนโยนและสีหน้าทรมานของเขาที่กำลังต่อสู้ขัดขืนตรงๆ ได้อีก
ราวกับผ่านไปเนิ่นนาน แล้วก็คล้ายผ่านไปเพียงชั่วพริบตา สติของนางเริ่มเลือนราง ในยามที่นางคิดว่าตนเองจะตายไปทั้งที่ยังกอดกับเขาเช่นนี้ ตงฟางเจ๋อกลับพานางพุ่งตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ
อากาศระลอกใหม่ถูกสูดเข้าไปในปอด นางเริ่มไออย่างหนัก มือข้างหนึ่งยื่นมาที่แผ่นหลังบางก่อนจะตบเบาๆ อาการไอดีขึ้นอย่างช้าๆ นางไม่กล้าเงยหน้ามองเขาแม้แต่น้อย ได้แต่เสมองไปทางอื่น ทันใดนั้น ร่างกายนางพลันสั่นสะท้าน จุดที่สายตานางทอดมองไป มีเงาร่างสูงใหญ่สายหนึ่งยืนอยู่ในเงามืดที่แสงจันทร์ไม่อาจส่องถึง
ตงฟางเจ๋อยืนพิงขอบสระ เพียงหอบหายใจ ไม่ได้เอ่ยอะไร ครั้นได้ยินเสียงสูดหายใจด้วยความตกใจของซูหลีที่อยู่ข้างกาย ตงฟางเจ๋อจึงหมุนกายมองตามสายตานางไปอย่างรวดเร็ว พลันนั้นคิ้วเข้มก็ขมวดเล็กน้อย ณ จุดที่ห่างออกไปไม่ไกล ตงฟางจั๋วกำลังเบิกตากว้าง สีหน้าซีดขาวดั่งแผ่นเหล็ก กำลังมองพวกเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
ภาพเสื้อผ้าของซูหลีหลุดลุ่ย แล้วยังมีการกระทำที่สุดแสนจะคลุมเครือของทั้งสองฝ่าย ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าช่างบาดตาบาดใจตงฟางจั๋วยิ่งนัก! ภาพเหตุการณ์นี้เหมือนดังปลายมีดอันแหลมคมทิ่มแทงหัวใจของเขาอย่างโหดร้าย กรีดเอาความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเขาออกมา ความเจ็บปวดที่ยากจะควบคุมนั้น แทบทำให้ทนรับไม่ไหว แต่เขากลับเหมือนท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น สีหน้าของเขาแยกไม่ออกว่าโมโหหรือสิ้นหวัง
ทุกคนไม่มีใครเอ่ยอะไร เงียบจนทำให้คนหายใจไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่ง สายตาแฝงแววโกรธเกรี้ยวอันท่วมท้นระคนความสิ้นหวังอันเจ็บปวดตวัดมองมาอย่างแรง ซูหลีอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเบาๆ ทันใดนั้น ราวกับย้อนกลับไปในวันแต่งงาน ในวันนั้นเขาก็เป็นเช่นนี้ ดวงตาแดงก่ำ สูญเสียสติไปจนสิ้นท่ามกลางความเดือดดาล จากนั้นก็ทำร้ายนางอย่างบ้าคลั่ง…
นางกำมือตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกตงฟางเจ๋อจับปลายนิ้วเอาไว้ ฝ่ามือของเขาทั้งอบอุ่นและทรงพลัง ส่งผ่านความเข้มแข็งมาถึงนาง นางอดหันมองเขาไม่ได้ มองเห็นเพียงสายตาอันลึกล้ำ กลิ่นอายคลุมเครือยากจะทานทนที่แผ่ปกคลุมอยู่รอบกายก่อนหน้านี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบชวนขนลุก เพราะแขกไม่ได้รับเชิญที่บุกรุกเข้ามาในโลกส่วนตัวของพวกเขาสองคน
คล้ายรับรู้ได้ถึงคลื่นอารมณ์ที่แปรปรวนในใจนาง เขาก้มหน้ามองนางอย่างลึกซึ้ง เพียงสายตานี้ ก็ราวกับสามารถทำให้คนคลายใจได้ หลังจากเกิดใหม่ ซูหลีที่ไม่เคยคิดจะพึ่งพาผู้ใดอีกพลันรู้สึกว่าใจสงบขึ้นมาทันที สายตาที่มองเขา ก็แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว นึกไม่ถึงสักนิดว่าการสบตาที่เหมือนคู่รักหวานซึ้งเช่นนี้ จะทำให้หัวใจของบุรุษที่อยู่บนฝั่งบังเกิดคลื่นลมลูกใหญ่
ไอสังหารรุนแรงพุ่งทะยานจนถึงขีดสุด ตงฟางจั๋วสีหน้าซีดขาวดั่งแผ่นเหล็ก ไม่เอ่ยอะไรสักประโยค เพียงตรงดิ่งเข้ามาตรงหน้าพวกเขา
สิบนิ้วกางออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคว้าไปที่ลำคอของทั้งสองคน เร็วจนแทบไม่เปิดโอกาสให้คนตั้งตัว
ซูหลีสีหน้าพลันเปลี่ยน แต่ตงฟางเจ๋อกลับไม่แม้แต่จะหันไปมอง วินาทีที่นิ้วมือของตงฟางจั๋วพุ่งเข้ามาจนเกือบถึงลำคอของพวกเขา ลำแขนแข็งแรงโอบรอบเอวบาง พานางลอยตัวขึ้นเหนือสระน้ำ หยาดน้ำสาดกระเซ็นทั่วทิศ ก่อนจะทิ้งตัวลงด้านหลังตงฟางจั๋วเหมือนดั่งภูตวิญญาณ
คว้าอาภรณ์ที่อยู่ขอบสระอย่างรวดเร็ว หมุนกายหนึ่งรอบ อาภรณ์ก็ถูกสวมใส่เรียบร้อย ก่อนจะหันไปช่วยซูหลีจัดเสื้อผ้าที่ถูกเขาทำหลุดลุ่ยให้เข้าที่เข้าทาง จนกระทั่งเนินอกของนางถูกบดบังจนมิด เขาจึงละมือออกไปอย่างพึงพอใจ สายตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งทอดมองไปยังบุรุษที่กำลังเดือดดาลอยู่ข้างสระ ก่อนจะเอ่ยอย่างเสียดสี “พี่รองช่างมาได้จังหวะยิ่งนัก!”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ มาได้จังหวะจนผิดปกติ! ราวกับมีคนคำนวณเวลาเอาไว้แล้วอย่างไรอย่างนั้น
ซูหลีเองก็รู้เช่นกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ไม่ปกติ แต่กลับคิดไม่ออกว่าปัญหาอยู่ที่ใดกันแน่
ทว่าในสายตาและหัวใจของตงฟางจั๋ว กลับมีแต่ภาพที่พวกเขากอดกันอย่างแนบชิดในสภาพเสื้อผ้าอาภรณ์หลุดลุ่ยเท่านั้น ถูกเพลิงโทสะเข้าควบคุม แทบไม่เหลือสติให้พิจารณาความหมายแฝงในวาจาของตงฟางเจ๋อแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าโจมตีพลาดพลั้ง เขาเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม ขบกรามเอ่ยเสียงลอดไรฟัน “เจ้าย่อมไม่หวังให้ข้ามา! ตงฟางเจ๋อ เจ้าช่างต่ำช้ายิ่งนัก คิดใช้วิธีสกปรกเช่นนี้เพื่อให้ได้นางไปครอบครอง!”
ถูกต้องแล้ว วิธีการเช่นนี้สกปรกและต่ำทรามมากจริงๆ! เป็นผู้ใดที่กินหัวใจหมีดีเสือดาว[1] กล้าวางแผนทำร้ายเขาตงฟางเจ๋อลับหลังเช่นนี้? รอให้เขาตรวจสอบก่อนเถิด จะต้องชดใช้คืนหลายเท่าแน่นอน! นัยน์ตาเย็นชาจนเหมือนสามารถแช่แข็งอากาศให้กลายเป็นหิมะได้ในทันที ไอเย็นหนาวจับจิตแผ่กำจายรอบทิศ ทำให้ผู้คนพลันบังเกิดภาพลวง ราวกับว่าฤดูร้อนอันแผดเผาได้ผันเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาวที่มีลมกระโชกแรงอย่างไรอย่างนั้น
ซูหลีอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน ตงฟางเจ๋อสีหน้าไร้ความรู้สึก เอ่ยวาจาเสียดสีด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แม้ข้าจะต่ำทรามเพียงไร ก็ไม่มีทางใช้กำลังขืนใจสตรีที่ตนเองชอบ!”
หัวใจพลันสะท้าน นางราวกับมองเห็นสีหน้ายามเขาอดกลั้นต่อแรงปรารถนาอยู่ใต้สระน้ำอีกครั้ง หัวใจคล้ายถูกบางสิ่งกรีด เจ็บแปลบจนไม่อาจมองข้ามไป
ตงฟางจั๋วถูกสะกิดแผล สีหน้าซีดเผือด นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพลันแดงก่ำ เขากำหมัดแน่นอย่างเคียดแค้น เส้นเอ็นบนหน้าผากปูดโปน ยกมือขึ้นกลางอากาศ ซัดออกไปยังบุรุษที่น่าชังที่สุดอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย พละกำลังรุนแรง ราวกับว่าถ้าศพของคนผู้นั้นไม่แหลกละเอียดก็ไม่อาจลบความแค้นในใจเขาออกไปได้
ตงฟางเจ๋อสายตาเย็นเยียบเล็กน้อย มุมปากกระตุกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ซูหลีพลันรู้สึกได้ว่ารอบกายเขามีพลังงานแข็งแกร่งล้อมรอบไว้แล้ว นางมองไม่เห็นเขาลงมือด้วยซ้ำ ทว่าพลังงานขุมนั้นก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปะทะเข้ากับพลังฝ่ามือที่ตงฟางจั๋วซัดออกมาอย่างแรง
เสียง ‘บึ้ม’ ดังสนั่น ภูเขาทั้งลูกราวกับสั่นสะเทือนไปชั่วขณะ
จุดที่พลังฝ่ามือของทั้งสองตกกระทบ แม้แต่ต้นไม้ที่สูงเสียดฟ้ายังถูกถอนออกมาพร้อมราก ทรงพลังจนน่าทึ่ง
ซูหลีอึ้งงัน ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นตงฟางเจ๋อใช้วิทยายุทธ์ เฉินเหมินสาขาใหญ่ที่อยู่ในภูเขาซูหมี เขาเป็นผู้นำทัพไปบุกล้อมด้วยตนเอง แผนการรอบคอบ ลงมือรวดเร็วปานสายฟ้า และเอาชนะเจ้าสำนักเฉินเหมินได้อย่างง่ายดาย เขาในยามนั้นเปรียบเสมือนผู้กุมชะตาฟ้าดิน เป็นเจ้าแห่งชีวิต ยามนี้ ภายใต้การปะทะกำลังภายในที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน บุรุษที่หล่อเหลาและองอาจผู้นี้เส้นผมสยายกลางอากาศ แขนเสื้อโบกสะบัด ทันใดนั้น ใต้ผืนฟ้าพลันบังเกิดลมกระโชกแรง สรรพสิ่งรอบกายไม่มีสิ่งใดที่ไม่สั่นสะเทือน แม้แต่ตงฟางจั๋วก็ก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว มีเพียงตงฟางเจ๋อที่ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เขายืนอย่างมั่นคงอยู่กับที่ ราวกับเทพเจ้าก็ไม่ปาน
นางจำต้องยอมรับ เทียบกับสองคนนี้ วิทยายุทธ์ของนางยังห่างชั้นอีกไกลนัก
ตงฟางจั๋วถอยกรูดสิบก้าว จึงค่อยยืนอย่างมั่นคง กลิ่นคาวเลือดจางๆ ตีขึ้นมาถึงทรวงอก เขาเงยหน้าอย่างตื่นตะลึง รู้มาโดยตลอดว่าตงฟางเจ๋อวิทยายุทธ์ไม่ธรรมดา ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้! แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สู้กันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่พวกเขาต่างก็ประเมินพลังของอีกฝ่ายได้แล้ว ตงฟางจั๋วขมวดคิ้ว สายตาพลันมีแววโหดเหี้ยมพาดผ่าน เขามองสตรีที่อยู่ข้างกายตงฟางเจ๋อ แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้ามานี่เดี๋ยวนี้!”
……………………………………………………….
[1] กินหัวใจหมีดีเสือดาว หมายถึง ใจกล้าไม่กลัวเกรงสิ่งใด

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset