ทั้งสามพร้อมใจกันเดินเข้าไปดูโดยมิได้นัดหมาย หลังจากสำรวจอย่างละเอียด เซิ่งฉินไม่พบสิ่งใด อวี๋เชียนจีกล่าวอย่างหนักใจ “มีคนเคยมาที่นี่จริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าหาหญ้าหานซินในตำนานเจอหรือไม่”
ตงฟางเจ๋อกวาดมองรอบกายช้าๆ หัวใจหนักอึ้ง ถ้ำน้ำแข็งที่ดูงดงามไร้ที่เปรียบแห่งนี้ กลับซ่อนอันตรายที่ไม่มีใครรู้เอาไว้เบื้องหลัง!
“จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับคน! ทุกคนอย่าไปไกลมาก ค้นหาอย่างละเอียด หญ้าหานซินจะต้องอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน!” ท่าทางมั่นอกมั่นใจของเขาทำให้อวี๋เชียนจีรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที
ทั้งสามคนค่อยๆ เดินลึกเข้าไปในถ้ำ เซิ่งฉินชูตะบันไฟสูงเดินนำหน้า ตงฟางเจ๋ออยู่ตรงกลาง อวี๋เชียนจีรั้งท้าย พวกเขาเดินไปพลาง มองหาร่องรอยของหญ้าหานซินไปพลาง ของล้ำค่าในตำนานสิ่งนี้ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็น ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นเช่นไร ทั้งสามมองหาอย่างละเอียด ไม่กล้าให้ปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่น้อย ที่โชคร้ายคือแสงสว่างในถ้ำมีไม่เพียงพอ สภาพทางเดินก็ย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ตกแตกอยู่บนพื้นหลอมรวมกับเสาน้ำแข็งที่ห้อยย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ กลายเป็นสิ่งกีดขวางบนทางเดิน ทำให้ทางเดินที่เดิมก็ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่แล้วยิ่งเดินลำบากขึ้นไปอีก
ตามหาอยู่ประมาณหนึ่งชั่วยาม ก็ยังคงไร้วี่แววเช่นเดิม ความมืดเบื้องหน้าราวกับเวิ้งว้างไร้จุดสิ้นสุด พลันนั้น ลมหนาวระลอกหนึ่งพัดปะทะมาจากด้านหน้า ตะบันไฟในมือเซิ่งฉินสั่นไหวไปมา
อวี๋เชียนจีรู้สึกเย็นวาบ “เหตุใดจู่ๆ จึงหนาวขึ้นมาเล่า?”
เซิ่งฉินรีบชูตะบันไฟในมือขึ้นสูง ทั้งสามคนเพ่งมองอย่างละเอียด พบว่าด้านหน้าไม่มีทางเดินแล้ว ทางเลี้ยวด้านขวากลับมีประกายแสงระยิบระยับส่องออกมา ครั้นเดินเข้าไป ทั้งสามก็ชะงักฝีเท้ากันอย่างพร้อมเพรียง
ถ้ำเล็กๆ ที่แยกตัวออกมาต่างหากตรงหน้ามีรูปร่างคล้ายกีบเท้าม้า บนผนังน้ำแข็งทั้งสี่ด้านเต็มไปด้วยผลึกน้ำแข็งรูปร่างประหลาด เล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
ประกายแสงสายหนึ่งสาดส่องลงมา สะท้อนอยู่บนผนังน้ำแข็ง ยิ่งขับเน้นให้ดูแพรวพราวสะดุดตา
ตงฟางเจ๋อฉุกใจเล็กน้อย เงยหน้ามองขึ้นไปทันที ที่แท้ก็มีรอยแยกแคบๆ รอยหนึ่งอยู่บนเพดานถ้ำ แสงสว่างส่องเข้ามาจากตรงนั้น ลมภูเขาพัดหวีดหวิวเข้ามาในรอยแยกเป็นระยะ พัดพาเอาความหนาวเหน็บที่ซึมลึกเข้าไปถึงกระดูกเข้ามาด้วย
เซิ่งฉินกับอวี๋เชียนจีแยกย้ายกันค้นหาจากคนละด้าน ตงฟางเจ๋อเดินตรงเข้าไปยังจุดที่เป็นหลุมในถ้ำ เมื่อครู่ขณะสังเกตบริเวณรอบๆ น้ำแข็งที่ตกผลึกในที่แห่งนี้ดูซับซ้อนและหนาแน่นมากที่สุด สายตาคมปลาบสอดส่องอย่างละเอียดถี่ยิบ เขามองหาอย่างละเอียด พลันนั้นรู้สึกว่ามีลมหนาวพัดผ่านเหนือศีรษะ อากาศหนาวเย็นแผ่ลามไปถึงหัวใจ แต่ทันใดนั้นเอง สายตาของเขากลับชะงักหยุด
ตรงรอยแยกที่มีผลึกน้ำแข็งเกาะตัวทับซ้อนซึ่งอยู่ด้านบนของครรลองสายตา ครั้นทอดมองไป มีผลึกน้ำแข็งสีใสยื่นออกมาสามเส้น เหมือนดั่งต้นหญ้าเส้นเล็กๆ ที่ถูกหิมะเกาะกุมจนแข็งตัวอยู่ท่ามกลางสายลม ลมหายใจของตงฟางเจ๋อสะดุด เขาปีนผนังน้ำแข็งขึ้นไปดูอย่างละเอียด ค้นพบว่าบนผลึกน้ำแข็งแต่ละเส้นมีท่อน้ำเลี้ยงเส้นเล็กๆ ให้เห็นรางๆ! ครั้นดมกลิ่นอย่างละเอียด คล้ายมีกลิ่นหอมของหญ้าลอยออกมาจางๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่พืชจะสามารถเติบโตบนผลึกน้ำแข็งได้! หรือว่านี่ก็คือ…หญ้าหานซินพันปี? หัวใจของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่ง สูดหายใจลึกๆ แล้วตะโกนเสียงขรึม “เชียนจี! เจ้ามาดูว่าสิ่งนี้คืออะไร?”
อวี๋เชียนจีได้ยินก็เดินมา นางสำรวจอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ร้องบอกด้วยความยินดีอย่างยิ่ง “นี่เป็นหญ้าหานซินพันปีจริงๆ เพคะ! นึกไม่ถึงว่าพวกเราจะหามันเจอ! ดีเหลือเกิน! สวรรค์ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เชียนจีขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะ!”
หญ้าหานซิน…หญ้าหานซิน…หญ้าวิเศษที่ตั้งตารอมานานแสนนานอยู่ตรงหน้าแล้ว! จิตใจที่ตึงเครียดมานานของตงฟางเจ๋อผ่อนคลายลงในที่สุด ในที่สุด ความกังวลที่กดทับหัวใจเหมือนก้อนหินก็ถูกยกออกแล้ว ซูซู ก็ไม่ต้องถูกยาไร้รักพันธนาการอีกแล้ว! แววปลาบปลื้มดีใจอย่างถึงที่สุดพรั่งพรูในดวงตาดำขลับ เขาอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มออกมา
ขณะกำลังจะก้าวเข้าไปเด็ดหญ้าหานซิน อวี๋เชียนจีกลับรีบห้ามปรามเขา “ฝ่าบาท ช้าก่อนเพคะ! หญ้าหานซินมีฤทธิ์เย็นสูง ฝ่าบาทมีพิษเย็นอยู่ในกาย หากสัมผัสพืชฤทธิ์เย็นเช่นนี้จะไม่เป็นผลดี ให้เป็นหน้าที่เชียนจีเถิดเพคะ”
“ให้เป็นหน้าที่ข้าดีกว่ากระมัง!” เซิ่งฉินรีบกล่าวเสริม “แม่นางอวี๋เป็นสตรี สัมผัสพืชฤทธิ์เย็นให้น้อยจึงจะดี”
อวี๋เชียนจียิ้มด้วยความชื่นชม ก่อนจะถอยไปยืนด้านหนึ่งโดยไม่พูดอะไรมาก รู้ดีว่าเป็นเพราะสายสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลินเทียนเจิ้ง เซิ่งฉินจึงได้ดูแลนางเป็นพิเศษเช่นนี้
เซิ่งฉินกระโดดขึ้นไปบนผนังน้ำแข็ง แล้วก้มหน้าลงมาถาม “ฝ่าบาท หญ้าหานซินมีทั้งหมดสามต้น จะให้เด็ดหมดเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ตงฟางเจ๋อกล่าวอย่างครุ่นคิด “ยาแก้พิษยาไร้รักจำเป็นต้องใช้เพียงต้นเดียว อีกสองต้นที่เหลือเก็บไว้ให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้”
เซิ่งฉินรับคำ เขาค่อยๆ เด็ดหญ้าหานซินอย่างระมัดระวังหนึ่งต้น จู่ๆ หญ้าหานซินพันปีในตำนานก็มาอยู่ในมือ เขาอดตื่นเต้นดีใจไม่ได้ ทว่าไม่นานรอยยิ้มของเขาก็ค้างเติ่งไป เขาร้องด้วยความตกตะลึง “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?”
ตงฟางเจ๋อหน้าเปลี่ยนสี เห็นเพียงหญ้าหานซินในมือเขาแปรเปลี่ยนเป็นเหี่ยวเฉา และกลายเป็นสีดำไปทั้งต้นในพริบตา!
ทั้งสามคนตะลึงงัน พวกเขาจ้องมองหญ้าต้นนั้นอยู่เนิ่นนานพูดอะไรไม่ออก
อวี๋เชียนจีครุ่นคิดอย่างหนัก ผ่านไปครู่หนึ่งก็กล่าวเหมือนตระหนักบางอย่างได้ “ข้ารู้แล้ว! พี่ชายเซิ่งเป็นบุรุษ มีพลังหยางในกายมากไป หญ้าหานซินนี้เป็นพืชฤทธิ์เย็น จู่ๆ ถูกเขาเด็ด จึงรับไอร้อนไม่ไหว ทำให้กลายสภาพไปเป็นเช่นนี้!”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! เซิ่งฉินกล่าวด้วยความร้อนใจ “เช่นนั้นตอนนี้ควรทำอย่างไรดี?” หญ้าหานซินมีความสำคัญกับฝ่าบาทมาก ฝ่าบาททุ่มเทไปมากเท่าใดเพื่อสิ่งนี้ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้ว! ยามนี้หญ้าหานซินกลับมีปัญหาเพราะเขา ช่างสมควรตายยิ่งนัก!
อวี๋เชียนจีเห็นใบหน้าเขาเต็มไปด้วยแววร้อนรนและรู้สึกผิด ก็รีบกล่าวปลอบโยน “พี่ชายเซิ่งอย่าเพิ่งร้อนใจ โชคดีที่ฝ่าบาททรงมีเมตตา ไม่ได้เด็ดอีกสองต้นที่เหลือไปพร้อมกัน มิเช่นนั้นคงไม่รู้จะทำเช่นไรดีแล้วจริงๆ” นางครุ่นคิด แล้วกล่าวอีกว่า “ข้าน้อยมีพลังหยิน คิดดูแล้วอย่างไรก็ควรเป็นข้าน้อยที่ต้องเด็ดหญ้าหานซิน”
ยังไม่ทันสิ้นประโยค นางโฉบกายขึ้นไป แล้วเด็ดหญ้าหานซินอีกต้น เพียงแต่เท้าของนางเพิ่งจะสัมผัสพื้น หญ้าหานซินต้นนี้ก็เหี่ยวเฉาไปในพริบตาเหมือนต้นก่อนหน้าไม่มีผิด ใบหน้างามของอวี๋เชียนจีเปลี่ยนสีไปทันที นางอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก “นี่ นี่มัน…”
เพียงพริบตาเดียว พืชล้ำค่าหายากสามต้นก็เสียหายไปแล้วถึงสองต้น หญ้าหานซินที่เหลือต้นเดียวได้กลายเป็นหญ้าวิเศษเพียงหนึ่งเดียวในโลกไปแล้วจริงๆ! สายตาของตงฟางเจ๋อตึงเครียดสุดขีด เมื่อครู่เขาไม่ได้รู้สึกว่าอวี๋เชียนจีพูดผิดแต่อย่างใด แต่เหตุใดเมื่อหญ้าหานซินอยู่ในมือนางกลับเกิดปัญหาไม่ต่างกัน?
พืชฤทธิ์เย็น…ความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองทันที เขามีพิษเย็นอยู่ในร่างกาย ประจวบเหมาะกับหญ้าหานซินพอดี บางทีเรื่องนี้อาจถูกกำหนดไว้แล้ว ต้องเป็นเขาเท่านั้นที่เด็ดหญ้าหานซิน ถึงจะรักษามันไว้ในสภาพสมบูรณ์ได้ แต่ยามนี้ร่างกายของเขามิอาจทนรับไอเย็นที่รุนแรงถึงเพียงนั้นได้อีกแล้ว
ทำอย่างไรดี? ความหวังที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาจะยอมทิ้งไปอย่างนั้นหรือ?
ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด!
ต้องกำจัดพิษของยาไร้รัก นางจึงจะสามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่กับเขาได้ ถึงแม้ต้องจ่ายด้วยราคาสูงเฉียดฟ้า เขาก็จะไม่มีวันเสียดายอีกแล้ว!
เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ พาร่างทะยานขึ้นไปอย่างไม่ลังเล หญ้าหานซินต้นสุดท้ายถูกเขาเด็ดและถือไว้ในมืออย่างมั่นคง
ไอเย็นยะเยือกที่เสียดแทงเหมือนเข็มเงินแผ่ลามไปตามเส้นเลือดในร่างกาย สีเลือดฝาดบนใบหน้าจางหายไปจนสิ้น เขากัดฟันอดทนสุดชีวิต จ้องมองหญ้าหานซินกลางฝ่ามือตาไม่กะพริบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง หญ้าหานซินกลางฝ่ามือเขายังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ ลำต้นโปร่งแสงมองเห็นท่อน้ำเลี้ยงอย่างชัดเจน ราวกับมีชีวิตจริงๆ
อวี๋เชียนจีรีบใช้กล่องหยกที่เตรียมไว้นานแล้วรับหญ้าหานซินจากมือตงฟางเจ๋อ จากนั้นจึงค่อยถอนหายใจยาวๆ
ใบหน้าตงฟางเจ๋อซีดขาวเหมือนกระดาษ ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม หมดเรี่ยวแรงจนพูดไม่ออก
เซิ่งฉินรีบเข้าไปประคองเขา รู้สึกว่าร่างกายที่อยู่ภายใต้เสื้อดำน้ำเย็นเฉียบจนน่ากลัว! เขาร้องด้วยความกังวล “ฝ่าบาท…”
………………………
Related
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 440 เป็นฮองเฮาของข้าเถิด (6)
Posted by ? Views, Released on January 30, 2022
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment