ซูหลีตะลึงงัน นึกไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจทำเช่นนี้ในพิธีขึ้นครองราชย์! นางตื่นตะลึงไม่หาย จู่ๆ ก็ตระหนักได้ว่าหยางเซียวจะกล่าวอะไรต่อจากนี้ สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน พยายามสะบัดมือเขาออก แต่กลับถูกเขากุมไว้แน่น
เหล่าขุนนางในราชสำนักเปี้ยนแตกฮือ ต่างคนต่างสีหน้า กองกำลังหนึ่งในยุทธภพกลายเป็นหน่วยองครักษ์ที่มียศสูงในชั่วข้ามคืน เหมือนขึ้นสวรรค์ได้ภายในก้าวเดียว พวกเขาต่างพากันหันไปมองซูหลีเป็นตาเดียว!
ทูตชุดแดงคนก่อนหน้าที่พูดชักแม่น้ำทั้งห้า กล่าวชมว่าองค์หญิงแคว้นตนเองงดงามและปราดเปรื่องเพียงใด ครั้นเห็นซูหลี ก็ตกตะลึงสุดแสน เขาอ้าปากกว้างอย่างลืมตัว ตะลึงจนพูดไม่ออก
สตรีที่อยู่ตรงหน้า สวมอาภรณ์สีขาวหิมะ งดงามไร้ที่ติ คิ้วเรียวงามดกดำดังภาพวาด ดวงตาสุกสกาวดั่งดวงดาว เมื่อยืนอยู่เบื้องหน้าฉากหลังที่เป็นตำหนักใหญ่โตมโหฬาร ยิ่งทำให้นางเหมือนเทพธิดาที่เดินออกมาจากภาพวาด งดงามจนแยกไม่ออก นางยืนนิ่งไม่พูดไม่จา เพียงยืนอยู่ตรงนั้น ก็มีรัศมีเจิดจรัสอยู่รอบกายแล้ว
ทูตทั้งหลายต่างตกตะลึง คล้ายไม่อยากเชื่อว่าใต้หล้ายังมีสตรีที่งดงามและมีบุคลิกสูงสง่าเช่นนี้อยู่ด้วย! แต่ทว่า หลังจากตกตะลึง กลับต้องรู้สึกเย็นวาบในใจ มีสตรีรูปโฉมงดงามโดดเด่นถึงเพียงนี้อยู่ข้างกายฮ่องเต้แคว้นเปี้ยน คล้ายบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วว่าพวกเขาล้วนต้องกลับแคว้นไปพร้อมกับความผิดหวัง คิดไปคิดมา ก็ยังไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ ถึงแม้สตรีนางนี้จะงามล่มเมืองเพียงใด แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง!
ทูตชุดฟ้ายิ้มแล้วกล่าวว่า “เมื่อครู่ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนตรัสว่าพระทัยของพระองค์มีคนครอบครองไปแล้ว คิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นคนที่มีฐานะสูงส่ง มิทราบว่าเป็นองค์หญิงของแคว้นใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เขากล่าวพลางชำเลืองมองมือของหยางเซียวที่กุมมือซูหลีอยู่
สายตาของหยางเซียวขรึมลงทันใด ใบหน้ากลับยังคงแย้มยิ้ม แล้วตอบว่า “ใต้เท้าท่านนี้หมายความว่า ลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ของข้า มีฐานะไม่เทียบเคียงองค์หญิงของแคว้นท่านหรือ?”
ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไปอีกครั้ง ที่แท้เขาก็แค่ต้องการใช้ฐานะธิดาเทพเป็นเรื่องเปิดประเด็น นึกไม่ถึงว่าธิดาเทพผู้นี้ก็เป็นราชนิกุลด้วยเช่นกัน? ขุนนางชุดฟ้าลนลาน รีบยิ้มฝืดเฝื่อน “มิกล้าพ่ะย่ะค่ะ!”
หยางเซียวกล่าวเสียงเข้ม “ทุกท่านอาจยังไม่ทราบ ซูหลีเป็นธิดาขององค์หญิงหรงซี เป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า แล้วก็เป็นนางดวงใจของข้าด้วย! วันนี้ ต่อหน้าเหล่าขุนนางจากทั่วหล้า ในนามของฮ่องเต้ ข้าขอประกาศสู่ขอนางอย่างเป็นทางการ!”
ขันทีคนหนึ่งประคองกล่องหยกขึ้นเหนือศีรษะ น้อมส่งมาตรงหน้าเขา หยางเซียวเปิดฝากล่อง ตราพระราชลัญจกรหงส์อันประณีตงดงามและแวววาวเจิดจ้าปรากฏสู่ครรลองสายตาของฝูงชน
ดวงตาคมเข้มของหยางเซียวเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหวานละมุน เขาอมยิ้มมองซูหลี พลางกล่าวว่า “อาหลี เป็นฮองเฮาของข้าเถิด!”
เขากลับขอแต่งงานต่อหน้าฝูงชน? ซูหลีอึ้งค้างไปด้วยความตกตะลึง
ภายในตำหนักใหญ่เงียบงันไร้เสียง ทุกคนปากอ้าตาค้าง ล้วนถูกการกระทำของหยางเซียวทำให้ตกตะลึงจนพูดไม่ออก นับแต่อดีต ในฐานะฮ่องเต้หากต้องการสตรีใดเพียงมีราชโองการเท่านั้น ไม่เคยมีผู้ใดลดฐานะมาขอแต่งงานต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้มาก่อน
ใบหน้าของเหล่าขุนนางพลันบึ้งตึง หยางเซียวแสร้งทำไม่เห็น เขาเพียงจ้องหน้าซูหลี ไม่กล้าละสายตาจากสีหน้านางแม้แต่น้อย เขารู้สึกได้ว่านางกำลังจะจากไป เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสอันเหมาะสมเอ่ยปากกับเขาเท่านั้น เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาคิดไม่ออกว่าจะยังมีวิธีใดที่จะรั้งนางไว้ข้างกายได้อีก มีเพียงต้องวางเดิมพันเป็นการวัดดวงครั้งสุดท้ายเท่านั้น
ซูหลีมองเขาอย่างตะลึงงัน ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้สติ ไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าเขาจะเลอะเลือนถึงเพียงนี้! สายตาหลายคู่ในตำหนักจับจ้องมาที่นางเช่นนั้น ยามนี้ขอเพียงนางเอ่ยปากประโยคเดียว หากไม่กลายเป็นคำมั่นสัญญา ก็อาจทำให้หยางเซียวเสียหน้า และกลายเป็นเรื่องเล่าขบขันของชาวโลก!
ในขณะที่นางกำลังลำบากใจ ด้านนอกตำหนักใหญ่พลันมีเสียงตวาดเย็นชาของคนผู้หนึ่งดังเข้ามา “นางไม่มีทางตกลงแต่งงานกับท่าน!”
เสียงนี้ดังขึ้นอย่างกะทันหัน พาให้หัวใจของซูหลีสั่นสะท้านไปทั้งดวง นางหันไปมองทันที
คนกลุ่มหนึ่งเดินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาในตำหนัก ผู้ที่เดินนำหน้าสุดมีลักษณะองอาจห้าวหาญ เครื่องหน้าทั้งห้าหล่อเหลาคมเข้ม สายตากลับลึกล้ำยากจะคาดเดา สวมอาภรณ์มังกรสีดำ ยิ่งขับเน้นให้ดูมีสง่าราศี
ขันทีที่รายงานไม่ทันวิ่งตามหลังมา เหงื่อไหลท่วมหัว รีบขานรายงานเสียงดังทันที “ฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิงเสด็จมาร่วมแสดงความยินดี!”
ทุกคนในตำหนักได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตะลึง พากันหันหน้าไปมอง เหล่าขุนนางแคว้นเปี้ยนครั้นเห็นใบหน้าของตงฟางเจ๋อ ต่างก็ตะลึงงัน ยามนี้แม้ฟ้าถล่มลงมา เกรงว่าก็คงมิอาจทำให้พวกเขาตกตะลึงได้ถึงขนาดนี้ ฮ่องเต้แคว้นเฉิงผู้เย็นชาไร้ความปรานี สังหารองค์หญิงเจาหวาและคณะทูตจากแคว้นเปี้ยนต่อหน้าธารกำนัล กลับเป็นคนที่ช่วยหยางเซียวออกอุบาย และพลิกสถานการณ์ในช่วงเวลาสำคัญหลายต่อหลายครั้ง!
หยางเซียวหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย กล่าวเสียงเรียบเฉย “ข้ายังนึกว่าฮ่องเต้แคว้นเฉิงประชวร ไม่อาจมาร่วมงานได้แล้วเสียอีก”
ตงฟางเจ๋อเดินตรงเข้ามาใจกลางตำหนัก แสยะยิ้มเยือกเย็น แล้วกล่าวว่า “พิธีขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้แคว้นเปี้ยน แต่กลับขอฮองเฮาแคว้นเฉิงของเราแต่งงาน ข้าจะไม่มาได้เยี่ยงไรเล่า?!”
ครั้นเขาเอ่ยวาจานี้ออกไป เหมือนดั่งสายฟ้าฟาด ทุกคนในตำหนักฮือฮาแตกตื่น เหล่าขุนนางแคว้นเปี้ยนรวมถึงคณะทูตจากแคว้นต่างๆ นึกว่าตนเองฟังผิดไป ต่างคนต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย คนผู้หนึ่งตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที “มิน่าเล่าข้าถึงรู้สึกว่าคุ้นหน้านางนัก นางก็คือท่านหญิงหมิงซี ยามนั้นในพิธีคัดเลือกพระสวามี ข้าเคยเห็นนางในแคว้นเฉิง!”
เรื่องราวของท่านหญิงหมิงซีคัดเลือกพระสวามีโด่งดังไปทั่วแผ่นดิน ใต้หล้าล้วนรับรู้ และหยางเซียวก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าคัดเลือก ยามนี้เขาขึ้นครองราชย์ คนที่ต้องการแต่งงานด้วย กลับยังคงเป็นสตรีนางนั้น?! ทุกคนตกตะลึง ต่างตวัดสายตามองมาที่พวกเขาสองคน
หัวใจของซูหลีหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนถูกบีบมือแน่นขึ้น ใต้แขนเสื้อกว้าง หยางเซียวกำมือนางแน่น ไม่ยอมคลายแม้แต่น้อย นางแทบจะสัมผัสได้ถึงไอเกรี้ยวโกรธที่เขาพยายามข่มกลั้นเอาไว้
ไอเย็นพาดผ่านดวงตาหยางเซียว เขายิ้มเล็กน้อย “ทุกคนใต้หล้าล้วนรู้ดี ท่านหญิงหมิงซีสิ้นใจตายใต้แม่น้ำหลานชางเมื่อสามเดือนก่อนแล้ว ได้ยินว่าเป็นฮ่องเต้แคว้นเฉิงที่นำกำลังคนงมหาศพของนางด้วยตนเอง และหลุมศพของฮองเฮาของท่านก็อยู่ในสุสานราชวงศ์เฉิง หากข้าจำไม่ผิด คล้ายไม่เคยได้ยินว่าฮ่องเต้แคว้นเฉิงสู่ขอฮองเฮาองค์ใหม่?”
หัวใจของตงฟางเจ๋อเจ็บแปลบ เจ็ดวันในแม่น้ำหลานชางเป็นช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุดในชีวิตของเขา จู่ๆ ถูกหยางเซียวพูดถึง คล้ายทำให้ภาพแห่งความสิ้นหวังในยามนั้นผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง เขาจับจ้องไปที่ซูหลี สายตาเต็มไปด้วยอารมณ์สับสนยากแยกแยะ เขากล่าวเสียงแช่มช้า “ข้างมศพศพหนึ่งได้จากก้นแม่น้ำหลานชางจริงๆ ศพนั้นมีของแทนใจระหว่างข้ากับนาง…” เขาเอ่ย พลางล้วงของสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ
ลมหายใจของซูหลีพลันสะดุด! สิ่งที่เขาถือไว้ในมือ กลับเป็นตุ๊กตาไม้เล็กๆ ที่นางทำลายโดยไม่ตั้งใจในศาลฉีเซียง!
แต่…ตุ๊กตาไม้ตัวนั้นถูกนางทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้…
ตงฟางเจ๋อเดินมาหานางช้าๆ นางมองดูใกล้ๆ จึงค้นพบว่าตุ๊กตาไม้ตัวนั้นไม่รู้ถูกเขาปะติดปะต่อเข้าด้วยกันด้วยวิธีใด มีแต่รอยแตกร้าวไปทั่ว ไม่เรียบเนียนดังเช่นตอนแรก
ถึงแม้อย่างนั้น เขายังคงถือมันไว้ด้วยสายตาอ่อนโยน และทะนุถนอมอย่างยิ่ง ราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่า แม้ตายก็จะไม่ยอมปล่อยมือ รอยยิ้มขมขื่นผุดขึ้นที่กลีบปาก เขาถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “นางคงคิดว่า ขอเพียงข้าเห็นตุ๊กตาไม้ตัวนี้ ข้าก็จะเชื่อว่านางไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว! ศพถูกแช่ใต้น้ำนานถึงเจ็ดวัน ใบหน้าไร้เค้าโครงเดิม ทุกคนจึงเชื่อว่านางตายไปแล้ว…”
ซูหลีรู้สึกเพียงหัวใจบีบรัดอย่างแรง พูดอะไรไม่ออก
สายตาของตงฟางเจ๋ออ่อนโยนดั่งสายน้ำ มองนางแล้วกล่าวว่า “ตอนที่เพิ่งเห็นตุ๊กตาไม้ ข้าเองก็เกือบเชื่อแล้ว แต่ต่อมาเมื่อข้าลองไตร่ตรองอย่างละเอียด ก็รู้สึกว่าศพนั้นไม่ใช่นาง ฐานะของทูตทั้งสี่แห่งเฉินเหมินถูกเปิดเผย กองกำลังของเฉินเหมินล้วนกระจัดกระจายออกจากเมืองหลวงแคว้นเฉิง แผนการแยบคายถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนมานานแล้ว มิเช่นนั้นจะหายตัวไปอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นเช่นนั้นได้อย่างไร!”
…………………………
Related
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 448 สองฮ่องเต้ชิงหญิงงาม (1)
Posted by ? Views, Released on January 30, 2022
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment