ทั้งที่เป็นเพียงวาจาหยอกเย้า ทว่ากลับคล้ายแฝงความจริงจังสุดแสน ตงฟางเจ๋อที่เป็นแบบนี้นางเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
ซูหลีหัวใจเต้นรัว อึ้งงัน ถอยห่างจากเขาโดยสัญชาตญาณ พวงแก้มที่เดิมซีดขาว ยามนี้พลันแดงระเรื่อ นางเอ่ยตอบทันที “นึกไม่ถึงว่าเจิ้นหนิงอ๋องก็ล้อเล่นเช่นนี้เป็นด้วย! ท่านอ๋องบาดเจ็บเพราะหม่อมฉัน หม่อมฉันเป็นห่วงท่านอ๋องก็ย่อมสมเหตุสมผล หากคิดเหมือนท่านอ๋อง เช่นนั้นหม่อมฉันก็ต้องคิดว่าท่านอ๋องหลงรักหม่อมฉันนานแล้ว?”
เอ่ยประโยคนั้นจบ ทั้งสองต่างก็ชะงักงัน บรรยากาศรอบข้างเงียบงันไร้เสียง มีเพียงเสียงหัวใจเต้นและเสียงลมหายใจของทั้งสองที่ชัดเจนไร้ที่เปรียบ
ประกายร้อนรุ่มสั่นไหวในดวงตาชายหนุ่ม แม้ในยามค่ำคืนเช่นนี้ ก็ยังบีบคั้นจนนางไม่กล้าสบตาตรงๆ ซูหลีอึดอัดจนอยากหันหน้าหนี แต่กลับถูกเขาเอื้อมมือรั้งไว้
นิ้วมือเรียวยาวจับคางประณีตของนางไว้ เขาเชยคางนางขึ้น ก่อนจะประทับจูบลงไปอย่างรวดเร็ว
ร่างบางพลันตึงเกร็ง จูบนี้ ต่างจากจูบอันร้อนแรงและเผด็จการในสระน้ำพุร้อน จูบของเขาในยามนี้อ่อนโยนจนไม่อาจปฏิเสธ และริมฝีปากของนาง ก็ยังคงงดงามจนทำให้อยากลิ้มลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งนานยิ่งไม่อยากหยุด
ในสมองพลันหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ชวนใจเต้นในสระน้ำพุร้อน ครั้นนึกได้ว่าทั้งสองเคยพัวพันอย่างร้อนแรงภายใต้แรงขับเคลื่อนของความปรารถนา ใบหน้าของซูหลีพลันร้อนผ่าว ทั้งที่แรงปรารถนาในยามนั้นได้จางหายไปหมดแล้ว แต่นางกลับไม่มีแรงผลักเขาออก บางทีอาจเป็นเพราะนางรู้ดีว่าสภาพร่างกายของเขาในยามนี้ไม่อาจทำเรื่องเสียหายต่อนางได้
แสงจันทร์งดงาม ค่ำคืนอันเงียบสงัดและสงบสุข กลิ่นอายรอบกายเต็มไปด้วยความคลุมเครือและอบอุ่น ค่ำคืนอย่างนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะดื่มด่ำและจมดิ่ง
ความปรารถนาในใจยากจะควบคุม นิ้วมือที่ราวกับมีเวทมนต์ของเขาวนเวียนอยู่บริเวณต้นคอนาง ลูบไล้สัมผัสอย่างอ่อนโยน ทำให้ร่างกายนางอ่อนระทวยดั่งน้ำในวสันตฤดู
มือทั้งสองข้างของซูหลีเกาะเกี่ยวอยู่บนไหล่เขาอย่างไม่รู้ตัว โอนอ่อนไปตามการรุกรานอันหอมหวานของเขาอย่างไร้สติ ครั้นลิ้นร้อนผ่าวโลมเลียลงไปตามแนวลำคอยาวระหง ตงฟางเจ๋อพลันสูดหายใจ ผลักนางออกทันที
ทำต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงจะอดกลั้นไม่ได้จริงๆ! ตงฟางเจ๋อสบถ หมุนกายหันไปอีกทางอย่างไม่สบอารมณ์ ซูหลีกลับนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้น พยายามปรับลมหายใจถี่ระรัวของตนเองอย่างสุดกำลัง
ทั้งสองต่างปรับจังหวะการเต้นของหัวใจและอารมณ์ของตนอย่างรวดเร็วที่สุด
ผ่านไปนานก็ยังไม่มีใครเอ่ยปาก บรรยากาศพลันอึดอัดขึ้นมาทันที
ตงฟางเจ๋อแหงนหน้ามองท้องฟ้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง คล้ายคิดจนเหม่อลอย ซูหลีก้มหน้ามองเท้าตนเอง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ราวกับฝันตื่นหนึ่ง
“เจิ้นหนิงอ๋อง” ซูหลีครุ่นคิด สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบก่อน นางจงใจขานเรียกยศของเขาเพื่อเพิ่มระยะห่าง
ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้วมองนางด้วยสายตาที่ยังคงมีประกายไหวระริก เอ่ยเสียงแหบพร่าเบาๆ “เรียกชื่อของข้า”
ซูหลีใบหน้าร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ เอ่ยอย่างลังเล “นั่น…ผิดต่อธรรมเนียม”
เขากุมมือนางเบาๆ ในดวงตามีรอยยิ้มพาดผ่าน “เมื่อครู่เจ้าเรียกไปหลายครั้งแล้ว ยังจะห่วงผิดธรรมเนียมหรือไม่อีกทำไม?”
ซูหลีหัวใจเต้นรัว เมื่อครู่นางเรียกชื่อเขาตรงๆ เพราะอารามร้อนใจ ใช่คิดไปไกลถึงขนาดนั้นเสียที่ไหน นางหมายจะดึงมือกลับมา ทว่าจนใจที่เขากุมไว้แน่นเกินไป ทำได้เพียงเอ่ยเรียก “ท่านอ๋อง!”
“เรียกชื่อของข้า!” ใบหน้าหล่อเหลาของตงฟางเจ๋อขยับเข้ามาตรงหน้านาง ห่างกับริมฝีปากนางเพียงนิ้วเดียว นัยน์ตาดำขลับมีประกายพราวเสน่ห์พาดผ่าน
ซูหลีบังเกิดความปรารถนาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ สัมผัสอุ่นๆ จากจูบเมื่อครู่คล้ายตราตรึงลึกถึงหัวใจ นางรีบเบนหน้าหนี “ก็ได้ ตงฟางเจ๋อ ข้าอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้…”
“เรื่องในคืนนี้ ข้าเองก็อยากรู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใดกันแน่!” ตงฟางเจ๋อไม่รอให้นางพูดจบก็พูดแทรกขึ้นมา กลิ่นอายรอบกาย แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทันที
ซูหลีอึ้งงัน รู้สึกเพียงว่าบุรุษที่อ่อนโยนเมื่อครู่หายตัวไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเขาก็กลับมาเป็นเจิ้นหนิงอ๋องผู้ที่มีอำนาจบารมีสูงส่งคนเดิมแล้ว! ในใจพลันรู้สึกหม่นหมอง นางเงยหน้า จ้องเขาอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยว่า “เป็นท่านที่นัดข้าไปที่หลังเขา!”
หลังขึ้นเขาไปก็เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น จากนั้นตงฟางจั๋วก็ปรากฏตัว เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน!ถ้าอย่างนั้นการทำให้นางและเขามีอะไรเกินเลยกันในสถานการณ์เช่นนั้น และให้ตงฟางจั๋วมาเห็นเข้าอีก แผนการเช่นนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ใด?
ตงฟางเจ๋อหันมามองนาง นางไม่เหลือเค้าหญิงสาวอ่อนแอบอบบางในอ้อมอกเขาเมื่อครู่อีกแล้ว ยามนี้นางได้กลับมาเย็นชาและสงบนิ่งดังเดิม นางวิเคราะห์เรื่องราวอย่างใจเย็น ตั้งข้อสงสัยและระแวดระวังต่อผู้คนรอบกาย
“เจ้าสงสัยข้า?” สายตาเขาขรึมลงเล็กน้อย ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใด
ซูหลีกล่าว “ข้าไม่อยากสงสัยท่าน แต่ยามนั้นนอกจากท่านและข้า ก็มีเพียงตงฟางจั๋วผู้เดียวเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น!” นางขมวดคิ้ว เรื่องนี้ประหลาดมากจริงๆ นางเองก็รู้ ตงฟางเจ๋อไม่ใช่คนที่จะใช้อุบายเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาการผิดปกติของเขาในยามนั้นก็ไม่เหมือนเสแสร้งแกล้งทำสักนิด หากเป็นฝีมือเขาจริง แล้วเหตุใดในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเขาจึงปล่อยนางไป? ความคิดนับร้อยหมุนวนแล่นผ่าน นางชะงักไปครู่หนึ่ง มีบางสิ่งแล่นผ่านสมองอย่างรวดเร็ว นางตะลึงงัน สีหน้าพลันหนักอึ้ง ก่อนจะหันไปถามเขา “ก่อนหน้าข้า ยังมีผู้ใดขึ้นเขาไปอีก?”
ตงฟางเจ๋อพลันยิ้ม “เจ้าฉลาดมาก!”
รอยยิ้มของเขาไร้ความอบอุ่น ซูหลีแทบจะเดาออกจากสีหน้าของเขาทันทีว่าเป็นฝีมือผู้ใด หัวใจนางเต้นรัวเร็ว ขมวดคิ้วถามอย่างไม่รู้ตัว “เช่นนั้นท่านกับนาง…”
“ย่อมไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นระหว่างข้ากับนาง! มิเช่นนั้น ไม่เกินสามวัน คนทั้งเมืองหลวงคงรู้ว่าข้าตงฟางเจ๋อมีสัมพันธ์ส่วนตัวกับคุณหนูใหญ่แห่งจวนอัครเสนาบดี เมื่อถึงยามนั้นแม้ข้าไม่อยากสู่ขอนางก็จำต้องทำ! ส่วนเจ้าและพี่รอง ก็จะกลายเป็นพยานในเหตุการณ์ครั้งนี้!” ตงฟางเจ๋อแค่นเสียงเย็นชาอย่างดูแคลน ซูหลีได้ยินกลับรู้สึกขวัญหนีดีหาย สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา
“เพราะเหตุใด?” นางเอ่ยถามเสียงเบาอย่างไม่รู้ตัว ฟังดูคล้ายไม่มีที่มาที่ไป แต่ตงฟางเจ๋อกลับเข้าใจ เขามองนางแล้วยิ้ม “มีเพียงยามเผชิญหน้ากับสตรีที่ตนเองไม่ได้ชอบ บุรุษจึงจะมีความสามารถในการควบคุมตนเองได้ดี”
ซูหลีหัวใจสะท้าน มองเขาอย่างอึ้งงัน ไม่กล้านึกถึงความหมายแฝงในวาจาของเขา
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในอุโมงค์ลับอันมืดมิดเส้นนั้น นางละทิ้งความกังวลทั้งปวงเพื่อตามหาปุ่มควบคุมกลไกเพื่อเขา เขาเองก็รับลูกธนูแทนนางได้โดยไม่สนความเป็นความตายของตนเองเช่นกัน ยามนั้นพวกเขาไม่ได้คิดไตร่ตรองเหตุผล ไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา แต่ทันทีที่หลุดพ้นจากสถานการณ์อันตรายกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม พวกเขาก็กลับมาเป็นท่านหญิงหมิงซีและเจิ้นหนิงอ๋องผู้ที่ระแวดระวังตัว และวางแผนอยู่ตลอดเวลา! ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนาง จะกลายเป็นชื่นชอบกันอย่างบริสุทธิ์ใจได้จริงหรือ?
ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ หัวใจก็พลันเจ็บปวดยิ่งนัก นางเบนหน้าหนี เอ่ยถามเสียงเรียบ “หากตรวจสอบได้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด ท่านจะจัดการเช่นไร?”
ตงฟางเจ๋อไม่ตอบ สีหน้ากลับเย็นชาจนน่ากลัว
ใช่แล้ว ใครเล่าจะชอบถูกผู้อื่นวางแผนเล่นงาน โดยเฉพาะคนอย่างเขา! ซูหลีรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย เรื่องนี้อย่างไรก็เกิดขึ้นในบ้านพักตากอากาศของสกุลซู และเกี่ยวข้องกับซูชิ่น ไม่แน่คนที่วางแผน ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับสกุลซูด้วย! และถึงแม้แผนการนั้นจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเล่นงานตงฟางเจ๋อ แต่หากกลายเป็นจริงขึ้นมา นั่นจะบ่งบอกถึงอะไร? บางทีพิธีคัดเลือกพระสวามีอาจถูกยกเลิกด้วยเหตุนี้ และนางก็ต้องแต่งงานกับตงฟางจั๋วอย่างไม่มีทางเลือก ผลลัพธ์เช่นนั้น ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่นางต้องการเด็ดขาด!
……………………………………………………….
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 101 อีกด้านหนึ่งของเจิ้นหนิงอ๋อง (1)
Posted by ? Views, Released on October 15, 2021
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment