กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 149 แหวนหยกขาวอันลึกลับ (3)

มาถึงแล้ว แม่น้ำหลานชาง
ซูหลีถูกพาลงจากรถม้าทั้งที่ยังปิดตา ขาข้างหนึ่งเหยียบลงบนดินนุ่มๆ กลิ่นหอมของดอกไม้ใบหญ้าลอยมาแตะจมูก เดินมาจนถึงริมแม่น้ำ นางถูกดึงให้เดินไปข้างหน้าระยะหนึ่ง แล้วคนผู้นั้นก็ดึงผ้าปิดตาสีดำของนางออก แสงตะวันในฤดูร้อนแผดเผา เจิดจ้าแยงตาจนนางลืมตาไม่ขึ้น ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงค่อยๆ ปรับสายตาได้
เป็นเขาตามคาด บุรุษชุดดำสวมหน้ากาก
เขายังคงไม่พูดอะไร เพียงส่งสัญญาณให้ซูหลีนั่งลงบนแท่นหินที่อยู่ข้างๆ
แท่นหินนี้เป็นจุดเดียวที่สามารถนั่งได้ในบริเวณริมแม่น้ำแห่งนี้ ห่างออกไปสิบจั้ง[1]ทางด้านขวามือ คือแม่น้ำที่กำลังไหลเชี่ยว ด้านหลังเป็นป่ารกทึบ เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าที่กำลังงอกงามส่งกลิ่นหอมไปทั่วทิศ
ที่แห่งนี้ดูคล้ายไม่มีสิ่งใดต่างจากเมื่อวาน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ซูหลีพลันรู้สึกว่ามีบางสิ่งในใจกำลังร้องเตือนนางอยู่ นางเพิ่งจะขยับร่างกาย บุรุษชุดดำสวมหน้ากากก็รีบยื่นมือออกมาสกัดจุดนางทันที ทำให้ซูหลีร่างกายแข็งค้าง
ผู้ติดตามชุดดำสองคนที่ทำหน้าที่ขับรถม้าเพียงสบตากับเขาแวบหนึ่ง ก็รีบพุ่งกายกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่กลางป่าทึบ พวกเขาซ่อนกายอยู่ด้านหลังกิ่งไม้ที่เบียดเสียด ส่วนบุรุษชุดดำสวมหน้ากากกระโดดเข้าไปในพุ่มดอกไม้ด้านหลังซูหลีอย่างว่องไว
ปลายกระบี่แหลมคมสะท้อนประกายเย็นยะเยือกบีบคั้นผู้คนจ่ออยู่กลางแผ่นหลังของซูหลี สีหน้านางยังคงสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีหวาดกลัวลนลาน ในใจกลับไม่ได้มองข้ามลางสังหรณ์แปลกๆ นั้นไป ร่างกายนางไม่อาจขยับ ทำได้เพียงกลอกสายตาไปมา สังเกตสถานการณ์รอบข้างเท่าที่จะทำได้
บริเวณแม่น้ำหลานชาง ทิวทัศน์ยังคงงดงามดั่งภาพวาด ต้นหญ้าเขียวขจีดั่งพรมสีเขียวผืนใหญ่ ทุกอย่างยังคงเหมือนเช่นวันวาน หลังจากกวาดสำรวจหนึ่งรอบ นางหมายจะละสายตากลับมา แต่ทันใดนั้น นางกลับค้นพบว่าบนพื้นหญ้าสีเขียวที่อยู่ห่างออกไปด้านหน้าตนเองไม่กี่ก้าวดูต่างจากจุดอื่นเล็กน้อย พื้นหญ้าบริเวณหนึ่งคล้ายยุบลงไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพื้นดินรอบๆ ระหว่างต้นหญ้ายังมีร่องรอยของดินที่เพิ่งถูกขุดปรากฏให้เห็นรางๆ
ซูหลีพลันตึงเครียด ที่นี่…มีกับดัก! กับดักนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างมิดชิดและรอบคอบ หากไม่สังเกตโดยละเอียดไม่มีทางเห็นแน่นอน
เวลานัดหมายใกล้เข้ามาแล้ว ห่างออกไปไกลๆ เสียงตะบึงม้าดังมาแต่ไกล บุรุษชุดดำที่อยู่ข้างหลังพลันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ปลายกระบี่ขยับเล็กน้อย ส่งสัญญาณเตือนซูหลีให้เตรียมพร้อม
ผ่านไปไม่นาน เงาร่างสูงใหญ่สง่างามของตงฟางเจ๋อปรากฏในครรลองสายตาของซูหลี ครั้นเห็นนางรออยู่ตรงนั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นึกไม่ถึงว่าซูซูจะมาถึงก่อนข้าเสียอีก ในจดหมายเจ้าบอกว่ายากข่มตาหลับ ไม่รู้ว่าเรื่องใดกันแน่ทำให้เจ้าร้อนใจถึงเพียงนี้?”
ซูหลีรีบแย้มยิ้ม กล่าวว่า “ท่านอ๋องเป็นบุคคลสำคัญมีงานยุ่งตลอดเวลา หากมิได้มีเรื่องสำคัญ ซูหลีเองก็มิกล้ารบกวนท่านอ๋องเช่นนี้เพคะ” ใบหน้านางแม้กำลังคลี่ยิ้ม ทว่าคิ้วกลับขมวดแน่น สายตาเหลือบผ่านพื้นหญ้าบริเวณนั้นแวบหนึ่ง
“ซูซูมีปัญหา ข้ามีหรือจะกล้าไม่มา?” ตงฟางเจ๋อสายตาสั่นระริกเล็กน้อย ยังคงยิ้มกว้างดังเดิม ฝีเท้าไม่มีทีท่าว่าจะช้าลง ยามนี้เขาดูอารมณ์ดียิ่งนัก ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม
ซูหลีบอกกับตนเอง เขาเป็นคนมีความคิดรอบคอบ ยากแท้หยั่งถึง ไม่มีทางติดกับดักเป็นแน่ แต่เมื่อเห็นเขาเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบถึงขอบกับดักแล้ว หัวใจดวงน้อยกลับตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม
ตงฟางเจ๋อเห็นนางไม่ตอบ หมายจะอ้าปาก ท่ามกลางต้นหญ้า ก้อนหินเล็กๆ ก้อนหนึ่งพลันกลิ้งไปยังใจกลางกับดักอย่างรวดเร็ว ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ตูม’ ดินมากมายลอยกระจายกลางอากาศ กลิ่นหอมของดินและหญ้าสดตลบอบอวล พื้นหญ้าที่เคยเรียบกลับยุบลงไป กลายเป็นหลุมที่มีความลึกถึงสิบกว่าฉื่อทันที
สีหน้าตงฟางเจ๋อพลันแปรเปลี่ยน ฝีเท้าชะงักหยุดทันควัน
พุ่มดอกไม้ด้านหลังซูหลีกระเพื่อมสั่น แหวกออกเป็นสองฝั่ง บุรุษชุดดำสวมหน้ากากกระโดดออกมา เขาล็อกตัวซูหลีไว้ด้านหน้า และยกกระบี่แหลมคมในมือขึ้น
ตงฟางเจ๋อตวาดเสียงเกรี้ยว “เจ้าเป็นใคร?”
เซิ่งฉินและเซิ่งเซียวที่เฝ้าอารักขาอยู่ไกลๆ ได้ยินเสียง ก็รีบพุ่งตัวเข้ามาทางนี้ทันที เมื่อเห็นว่าซูหลีถูกจับตัว ก็รีบชักอาวุธออกมาเตรียมสู้
แขนของบุรุษชุดดำสวมหน้ากากพลันกระชับแน่น ลำคอยาวระหงของซูหลีถูกรัดแน่นจนหายใจไม่ออก พวงแก้มเนียนขาวเริ่มแดงก่ำ ไม่ต้องกล่าวคำใดก็แสดงให้เห็นถึงการข่มขู่อย่างชัดเจน
ตงฟางเจ๋อสีหน้ามืดครึ้ม จ้องมองการกระทำของบุรุษชุดดำเขม็ง เขาโบกมือ เซิ่งฉินและเซิ่งเซียวจึงทำได้เพียงถอยหลังไปเฝ้าอารักขาอยู่ในจุดที่ห่างออกไปหลายจั้ง
“เจ้าจับตัวท่านหญิง วางกับดักทำร้ายข้า ช่างใจกล้ายิ่งนัก!”
บุรุษชุดดำสวมหน้ากากคลายแขนออกเล็กน้อยเป็นเชิงบอกให้ซูหลีพูด
ซูหลีกระแอมไอหลายครั้ง หอบหายใจกล่าวว่า “เขา เขาต้องการแหวนหยกขาวที่อยู่กับท่านอ๋องเพคะ”
มองเห็นสายตาปรารถนาร้อนแรงของเขา ตงฟางเจ๋อพลันบังเกิดความสงสัย แหวนวงนี้เป็นเพียงของติดตัวของหลีซู เหตุใดอีกฝ่ายจึงต้องร้อนรนถึงเพียงนี้ แล้วยังเสี่ยงอันตรายจับตัวซูหลีเพื่อข่มขู่เขาเช่นนี้อีก?
ความคิดแล่นผ่าน เขาหยิบแหวนวงนั้นออกมาจากอกเสื้อ ชูขึ้นแล้วถาม “เจ้าต้องการของสิ่งนี้?”
หยกขาวงามละเอียดแกะสลักลวดลายอันวิจิตรนอนนิ่งอยู่กลางฝ่ามือตงฟางเจ๋อ บุรุษชุดดำสวมหน้ากากเพ่งมอง ดวงตาพลันเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาก้าวเท้ามาข้างหน้าราวกับต้องการพุ่งตัวเข้ามาแย่งไปอย่างไรอย่างนั้น! ทว่าไม่นานก็ตระหนักได้ว่าแหวนควรต้องอยู่ด้วยกันเป็นคู่!
เขากล่าวเสียงต่ำ “อีกวงหนึ่งเล่า?”
ตงฟางเจ๋อสายตาเย็นเยียบ กล่าวเสียงเข้ม “แหวนนี้ข้ามีเพียงวงเดียว เจ้าปล่อยท่านหญิง แล้วข้าจะมอบมันให้เจ้า!”
แหวนวงเดียวก็คิดแลกตัวคน? บุรุษชุดดำสวมหน้ากากยิ้มเย็นชา กระบี่แหลมคมจ่อที่ลำคอยาวระหงของซูหลี ไอสังหารแผ่กำจาย คมกระบี่เฉือนเข้าไปในผิวหนังแล้วหลายส่วน
ตงฟางเจ๋อกระตุกยิ้มเย็นชา ไอพิฆาตพลันบังเกิด เขาเอ่ยเสียงแช่มช้า “หากเจ้ากล้าทำร้ายนางแม้แต่ปลายผม ข้าจะทำให้เจ้าแม้ตายก็ไร้ที่ฝังศพอย่างแน่นอน!” น้ำเสียงของเขานุ่มนวล ความเผด็จการของผู้เป็นกษัตริย์ที่มีมาแต่กำเนิดพาให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกพรั่นพรึง
ครั้นสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่แผ่กำจายออกจากตัวตงฟางเจ๋อ บุรุษชุดดำสวมหน้ากากพลันหายใจสะดุด รีบสงบสติอารมณ์ ความเป็นห่วงที่ตงฟางเจ๋อมีต่อซูหลีดูไม่เหมือนแสร้งทำแม้แต่น้อย แหวนนี้มีความหมายไม่ธรรมดา หาเจอหนึ่งวงก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว ความคิดแล่นผ่าน เขาพยักหน้าทันที
ตงฟางเจ๋อพลันคลายใจ กล่าวเสียงเข้ม “หากมอบแหวนให้เจ้า จะรับประกันความปลอดภัยของนางได้เช่นไร?”
บุรุษชุดดำสวมหน้ากากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงต่ำ “โยน”
“ไม่ได้! ความปลอดภัยของท่านหญิงมิอาจผ่อนปรน!” ตงฟางเจ๋อปฏิเสธอย่างเด็ดขาด จากนั้นก็เสนอว่า “ระยะห่างยี่สิบก้าว รอให้นางเดินออกมาสิบก้าว ข้าจะโยนแหวนให้เจ้า”
นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง บุรุษชุดดำรับคำ “ได้!”
ตงฟางเจ๋อสายตานิ่งขรึมลงเล็กน้อย นิ้วมือทั้งห้าพลันกำแน่น ลดมือลงช้าๆ กำแหวนไว้ในฝ่ามือ
บุรุษชุดดำยกมือคลายจุดให้ซูหลีก่อน ร่างกายที่แข็งค้างมานานพลันผ่อนคลายทันที
“ซูซูมาหาข้า” ตงฟางเจ๋อกลั้นหายใจกล่าว ในน้ำเสียงราบเรียบมีแววกังวลเล็กน้อย
ซูหลีตั้งสติ เดินนับก้าวไปหาตงฟางเจ๋อ
นางเดินไม่เร็ว แต่ก็ไม่ถือว่าช้า ทว่าระยะห่างเพียงสิบก้าวนี้กลับทำให้ทุกคนลุ้นระทึกและตึงเครียดกันถ้วนหน้า
บุรุษชุดดำกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว เขาจดจ้องทุกการเคลื่อนไหวของตงฟางเจ๋ออย่างไม่ยอมละสายตา
เมื่อซูหลีก้าวเท้าก้าวที่สิบ ตงฟางเจ๋อสะบัดแขนกลางอากาศ มองเห็นเพียงประกายแสงสีขาวพาดผ่าน แหวนวงนั้นตกลงไปในหลุมกับดักพอดี!
บุรุษชุดดำตกใจ เพลิงโทสะลุกท่วม ลอบสบถด่าตงฟางเจ๋อว่าเจ้าเล่ห์เพทุบาย ร่างกายทะยานขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะกระโจนลงไปในหลุมกับดักอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน คนชุดดำสองคนที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ก็กระโดดลงมา ตวัดกระบี่ยาวพุ่งตรงเข้าไปหาตงฟางเจ๋อทันใด!
…………………………………………………………
[1] จั้ง หน่วยวัดความยาวของจีน หนึ่งจั้งเท่ากับสิบฟุต

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset