บทที่ 157 ภูตแห่งลัทธิธิดาเทพ (2)
โดย
Ink Stone_Romance
ซูหลีหมดคำพูด ทำได้เพียงแสร้งมองไม่เห็น ตงฟางจั๋วหมายจะอาละวาด ทว่าพอเห็นหน้าซูหลี เพลิงโทสะนั้นก็พลันจางหายไปอย่างน่าประหลาด
สะดวกสบายยิ่งกว่าจุดพักม้าส่งสารระหว่างทาง ทันทีที่เข้าไปด้านใน หยางเซียวก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างผ่าเผย ท่าทางไม่แยแสต่อสิ่งใด ครั้นเห็นว่าผู้มามีราศีที่ไม่ธรรมดา ซ้ำยังแต่งกายด้วยชุดชาวแคว้นเปี้ยน เถ้าแก่จึงรีบเดินเข้ามาต้อนรับ กำลังจะอ้าปากทักทาย ก็มีชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาจากข้างนอก ด้านหลังยังมีทหารองครักษ์ท่าทางขึงขังเดินตามมา เถ้าแก่พลันสะดุ้งในใจ ได้ยินเพียงบุรุษท่าทางสูงส่งผู้นั้นตะโกนเสียงเย็นชา “ผู้ใดไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด! วันนี้ท่านอ๋องอย่างข้าจะเหมาโรงเตี๊ยมแห่งนี้!”
ซูหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกไม่ชอบใจนัก ทว่ากลับไม่สะดวกเอ่ยออกไป ตงฟางจั๋วเย่อหยิ่งจองหองจนเคยตัว เขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้สักนิด ไม่รู้ว่าจะทำแผนการของนางพังหรือไม่! นางพลันรู้สึกเสียใจ ยามนั้นน่าจะยืนหยัดปฏิเสธไม่ให้เขาตามมา
ผู้มาเป็นถึงท่านอ๋อง! เถ้าแก่ใบหน้ากระตุก รีบเข้ามาต้อนรับขับสู้ กล่าวอย่างนอบน้อมด้วยใบหน้าเกลื่อนยิ้ม “ท่านอ๋องเดินทางลำบากแล้ว! เชิญพ่ะย่ะค่ะ! ทว่ายามนี้ก็ดึกมากแล้ว แขกจำนวนมากต่างเข้านอนกันหมดแล้ว หากจะขับไล่ออกไป…เกรงว่า…จะไม่ค่อยเหมาะนัก” เขาเหล่มองซูหลี คนผู้นี้เห็นชัดว่าเป็นสตรี ทว่ากลับสวมชุดขุนนาง ฐานะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะทำการค้าในเขตชายแดนแห่งนี้ซึ่งมีผู้คนหลากหลายประเภทมานาน เถ้าแก่จึงมีสายตาในการมองคนอันแหลมคม ถึงแม้ท่านอ๋องที่ตะโกนเสียงดังผู้นั้นจะมีราศีที่ไม่ธรรมดา แต่เห็นชัดว่าขุนนางหญิงที่อยู่ข้างกายเขาต่างหาก ที่เป็นผู้มีสิทธิในการตัดสินใจอย่างแท้จริง
ตามคาด ซูหลีทอดถอนใจเสียงเบา เปิดปากเกลี้ยกล่อม “ท่านอ๋อง ยามนี้ก็ค่ำมากแล้ว ไยต้องรบกวนผู้อื่นด้วยเล่าเพคะ? อย่างไรพวกเราก็ค้างแรมเพียงคืนเดียว พรุ่งนี้ก็ต้องข้ามเขตแดนแล้ว อย่ากระทำการเกินกว่าเหตุเลยเพคะ”
บุรุษผู้นั้นขมวดคิ้วเบาๆ กลับไม่คัดค้านแต่อย่างใด เห็นชัดว่าเคารพความเห็นของนางเป็นอย่างมาก
“ขอบใจแม่นางยิ่งนักที่เข้าใจ!” เถ้าแก่ปลื้มปริ่ม รีบฉีกยิ้มกล่าวว่า “ข้าน้อยจะไปเตรียมห้องพักที่ดีที่สุดให้ท่านได้นอนพักอย่างผ่อนคลายเดี๋ยวนี้! แม่นางท่านนี้…มีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรหรือ?” เขาเหลือบมองซูหลีคล้ายไม่ได้ตั้งใจ สายตาเต็มไปด้วยแววสำรวจ
ตงฟางจั๋วถลึงตาจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ถามมากความไปทำไม? รีบพาพวกข้าขึ้นไปบนห้องพัก!”
เถ้าแก่รับคำอย่างกุลีกุจอ ก่อนจะนำทางพวกเขาขึ้นไปชั้นบน และจัดแจงที่พักด้วยตนเอง โรงเตี๊ยมเทียนเหมินไม่ธรรมดาตามคาด ห้องพักและอาหารการกินสำหรับแขกหนึ่งร้อยกว่าคนถูกจัดแจงเสร็จสรรพอย่างรวดเร็ว แขกที่มีฐานะสูงส่งถูกเชิญขึ้นไปพักบนชั้นสาม ซึ่งเป็นห้องพักที่ดีที่สุดของโรงเตี๊ยม หนึ่งคนต่อหนึ่งห้อง
ตลอดทางการเดินทางแม้สถานการณ์ปกติดี แต่สัญชาตญาณเตือนซูหลีว่ามีคนสะกดรอยตามพวกนางมา นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็เรียกหวั่นซินเข้ามาสั่งการว่า “คืนนี้กำชับให้พวกเจียงหยวนเฝ้านักโทษไว้ให้ดี จะต้องเพิ่มการระวังให้มากกว่าเดิม ข้ารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแน่ๆ”
หวั่นซินรับคำและออกจากห้องไป ผ่านไปไม่นาน ก็กลับมารายงาน “กำชับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ นี่ก็ดึกมาแล้ว คุณหนูอาบน้ำแล้วเข้านอนเร็วหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
ซูหลีพยักหน้า รู้สึกคลายใจเล็กน้อย มีพวกเจียงหยวนคอยเฝ้านักโทษ น่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว ถ้าหากนางกับตงฟางเจ๋อเดาไม่ผิด คนในลัทธิธิดาเทพจะต้องหมายตานางไว้แล้วแน่ๆ รอเพียงนางเข้าสู่แคว้นเปี้ยนพวกเขาก็จะลงมือทันที เพียงแต่นางไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาสมปรารถนาแน่นอน!
ไอหมอกลอยคลุ้งทั่วห้องอาบน้ำ ซูหลีแช่กายในอ่างอาบน้ำ เพิ่งจะผ่อนคลายอารมณ์ ทันใดนั้น ท้องฟ้ายามราตรีอันเงียบสงบนอกหน้าต่างก็พลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ฟังดูคล้ายผู้ส่งเสียงร้องกำลังขวัญหนีดีหาย
ซูหลีพลันตึงเครียด รีบตะโกนเรียกทันที “หวั่นซิน! เกิดเรื่องใดขึ้น?”
หวั่นซินตอบเสียงเครียดจากนอกห้อง “ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” เอ่ยจบ ก็รีบวิ่งลงไปข้างล่าง
เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นกะทันหันนี้ประหลาดยิ่งนัก ยิ่งคิดซูหลีก็ยิ่งไม่สบายใจ ตัดสินใจลุกขึ้นยืน พลันนั้น นางรู้สึกได้ว่าบนเพดานมีเงามืดสายหนึ่งค่อยๆ ปกคลุมศีรษะนาง
นางตกตะลึง รีบหมุนกายหันหลัง ปะทะเข้ากับคนสวมเสื้อคลุมสีดำผู้หนึ่งพอดี! เขาอยู่ในท่ากลับหัว ห้อยตัวอยู่กลางอากาศ สวมหน้ากากสีเขียวแสยะเขี้ยวน่าเกรงขาม เงาดำตะคุ่ม ปกปิดทุกส่วนไว้ใต้ปีกหมวกอย่างมิดชิด ดูราวกับไม่ใช่ของจริง มีเพียงดวงตาที่เปล่งประกายบีบคั้นผู้คนคู่นั้นที่จดจ้องแขนเนียนขาวดั่งหยกของนางเขม็ง
“โจรใจทราม กล้าบุกเข้าห้องอาบน้ำท่านหญิงเช่นข้าเชียวหรือ!” ซูหลีตะโกนเสียงโกรธเกรี้ยว ในใจกลับลอบตื่นตกใจ วิชาตัวเบาของคนผู้นี้สูงส่งยิ่งนัก เขาซ่อนตัวอยู่ในนี้ นางกับหวั่นซินกลับไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
เห็นนางโมโห คนผู้นั้นหัวเราะไร้เสียง เงาร่างสูงใหญ่ไถลตัวลงมาอีกหลายส่วน ซูหลีมองดูด้วยสายตาระแวดระวังทันที สองมือยกขึ้นปิดทรวงอกมิดชิด ย่อกายลงไปในน้ำตามสัญชาตญาณ เพื่อมิให้เรือนร่างอันเปลือยเปล่าเปิดเผยสู่สายตา
เสื้อคลุมสีดำตัดเย็บด้วยฝีมือละเอียดประณีต ปักลายบุปผาที่มีความซับซ้อน แลดูมีเอกลักษณ์ มองไปแวบแรก กลับดูคุ้นตาไม่น้อย ซูหลีพลันสะดุด ลายบุปผาเช่นนี้…คล้ายเคยเห็นที่ไหนมาก่อน?
ทว่ายังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างละเอียด คนผู้นั้นพลันลงมือ ห้านิ้วคดงอ พุ่งตรงเข้ามายังมือของซูหลีพร้อมกระแสลมแรง!
ซูหลีตกใจ เพียงยกมือขึ้นป้องกัน นางไร้อาภรณ์ปิดบังเรือนร่าง ถูกจำกัดการทุกด้าน จึงเคลื่อนไหวได้ไม่มาก คนผู้นั้นเองก็คล้ายไม่เร่งรีบ เพียงโรมรันเหย้าแหย่กับนางเหมือนแมววิ่งไล่จับหนู
ทันใดนั้น สายตาของคนผู้นั้นพลันไหวระริก จู่ๆ ก็เริ่มจู่โจมดุดัน สองแขนโบกสะบัด ซูหลีสายตาพร่าเลือน แขนบอบบางทั้งสองข้างของนางถูกล็อกแน่น ขยับเขยื้อนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ซูหลีดวงหน้าแดงซ่านทันที ใบหน้าของคนผู้นั้นอยู่ใกล้นางถึงเพียงนี้ นางมองเห็นดวงตาเปล่งประกายที่อยู่ด้านหลังหน้ากากอย่างชัดเจน แววเจ้าเล่ห์พาดผ่าน คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เขาไม่เอ่ยวาจาสักคำ เพียงจ้องมองนางอยู่อย่างนั้น
“นึกไม่ถึงว่าภูตแห่งลัทธิธิดาเทพจะบุกเข้าห้องอาบน้ำของสตรีเป็นการส่วนตัวเช่นนี้” ซูหลีพวงแก้มแดงก่ำ สายตากลับฉายประกายแข็งกร้าว
คนผู้นั้นไม่แยแสสักนิด ราวกับไม่ได้ยินที่นางพูด ขยับเข้ามาใกล้นางยิ่งขึ้น จนหน้ากากนั้นแทบจะแนบชิดติดใบหน้านาง ลมหายใจอุ่นร้อนที่พ่นออกจากริมฝีปากเขาพัดผ่านพวงแก้มนางไปเบาๆ อย่างหยอกเย้า สะท้อนกลิ่นอายคลุมเครือและใกล้ชิดหลายส่วน!
ซูหลีกระดกคิ้ว พลันบันดาลโทสะ ยามนี้เอง เสียงฝีเท้าเร่งรีบระลอกหนึ่งดังเข้ามาจากนอกห้อง คนผู้นั้นสายตาเย็นชา ไม่ชักช้าอีก หดตัวขึ้นข้างบน ฝ่ามือทั้งสองข้างที่รวบแขนซูหลีเอาไว้ไถลไปตามแขนเนียนนุ่มของนาง ครั้นไถลขึ้นไปจนสุดแขน ก็พลันถอดเอาแหวนบนนิ้วของนางไปด้วย!
ซูหลีตื่นตกใจ รีบยื่นมือไปไขว่คว้า ทว่ากลับไร้ผล นางอยากลุกขึ้น แต่เสียงน้ำดังซ่า ทำให้นางพลันตระหนักได้ถึงสถานการณ์ของตนเอง จึงได้แต่แหงนหน้าก่นด่าบุรุษที่อยู่เหนือศีรษะอย่างเกลียดชัง “เจ้าคนต่ำทราม!”
สายตาเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ยังคงไม่ยอมเปล่งเสียง เห็นนางโกรธขึ้งอย่างนั้นกลับดูมีความสุขเป็นพิเศษ
ประตูห้องน้ำถูกเปิด หวั่นซินวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ “คุณหนู…” ครั้นเห็นในห้องมีคนอื่นอยู่ด้วย ก็พลันตื่นตะลึง รีบตวาดเสียงเกรี้ยว “ผู้ใดกัน!” จากนั้นก็พลันพุ่งตัวขึ้นกลางอากาศ
“หวั่นซิน รีบจับเขาไว้เร็วเข้า! เขาชิงแหวนของข้าไป!” ซูหลีกล่าวอย่างร้อนใจ
บุรุษผู้นั้นเมื่อเห็นคนเข้ามา ก็ไม่มีใจคิดจะสู้อีก เงาร่างพลันโฉบไหว พุ่งตัวกระแทกหน้าต่างออกไปทันที!
เงาร่างสูงใหญ่ลอยล่องเบาหวิวดั่งกระดาษว่าว พริบตาเดียวก็กลืนหายไปกับท้องฟ้ายามราตรี ได้ยินเพียงเสียงทหารองครักษ์ตะโกนถามเสียงดังลั่น “ผู้ใดกัน?”
หวั่นซินพุ่งตัวไปเกาะขอบหน้าต่าง ตะโกนสั่งเสียงดัง “รีบจับตัวเขาไว้เร็วเข้า! เขาชิงแหวนของท่านหญิงไป!”
หวั่นซินมีกำลังภายในเต็มเปี่ยม เสียงตะโกนครั้งนี้ของนางถึงกับดังสะท้านไปทั่ว ผู้คนทั้งในและนอกโรงเตี๊ยมต่างได้ยินอย่างชัดเจน! เหล่าทหารพลันวิ่งกรูกันออกมาทางนี้ทันที! เซี่ยงหลีที่เฝ้าอยู่หน้าประตูตะโกนสั่งทันใด “ตามไป!”
……………………………………………
กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 157 ภูตแห่งลัทธิธิดาเทพ (2)
Posted by ? Views, Released on October 15, 2021
, กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ
นิยาย จีน นิยาย ประวัติศาสตร์ นิยาย ผู้หญิงดำเนินเรื่อง นิยาย ผู้ใหญ่ นิยาย ศิลปะการต่อสู้ นิยาย โรแมนติค นิยาย โศกนาฏกรรม ประเภท
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น!
หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน
เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม
ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน
หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง!
พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี!
แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี
ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ
หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น
นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง
แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้
ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้
แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา
‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น!
เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’
Recommended Series
Comment
Facebook Comment