ตอนที่ 265 ภรรยาช่างรู้ใจ
ราตรีมืดมิดและเงียบสงัด
อวี๋กานกานกลัวว่าพูดคุยกันที่ห้องรับแขกจะส่งเสียงดังทำให้หลินจยาอวี่ตื่น จึงพาฟังจือหันไปที่ห้องนอนของตนเอง
ห้องนอนของอวี๋กานกานค่อนข้างกว้างขวาง หลินจยาอวี่ตกแต่งห้องให้ประหนึ่งแดนเนรมิต เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างล้วนใช้สีชมพูเป็นหลัก หัวเตียงยังมีตุ๊กตาคิตตี้ที่มีความสูงหนึ่งเมตรกว่าวางอยู่หนึ่งตัว
สาวน้อยสุดๆ
ฟังจือหันเข้าในห้องเดินตรงนั่งลงบนเตียงเอนตัวลงพิงตุ๊กตาคิตตี้
ไฟในห้องนอนถูกปรับความสว่างให้อยู่ในระดับต่ำสุด ภายใต้แสงไฟสลัวชายหนุ่มรูปงามนอนหงายอยู่บนเตียงของหญิงสาว ทำให้บรรยากาศภายในห้องนอนห้องดูกรุ้มกริ่มอย่างไรชอบกล
อวี๋กานกานประดักประเดิด พูดติดอ่าง “นะ นะ นายจะนอนลงไปทำไม ละ ลุกขึ้นมานั่งคุยกันสิ”
ฟังจือหันยังคงนอนอยู่บนเตียงไม่ขยับ ถามอวี๋กานกานอย่างเอื่อยเฉื่อย “ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน หาเรื่องใส่ตัวทำไม”
อวี๋กานกานมองเขาด้วยความตกตะลึง “ฉันจะนอนอยู่แล้วแท้ๆ นายต่างหากที่ดึกดื่นยังดึงดันจะมาให้ได้”
ตอนนี้ยังมาโยนความผิดให้คนอื่นอีก
ฟังจือหันพูดประหนึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ “ก็คุณบอกว่าเรื่องมันยาว ผมเลยเห็นว่าต้องคุยกันนาน ในสายคุณก็อธิบายไม่ชัดเจน ผมถึงต้องรีบมานี่ไง”
ทันใดนั้นฟังจือหันก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ออร่าแข็งกร้าวทำให้อวี๋กานกานนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง เธอเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้กันมาก ท่วงท่าดูสนิมสนมแนบชิดเป็นอย่างยิ่ง
อวี๋กานกานรีบเขยิบถอยไปด้านหลัง เว้นระยะห่าง “ฉันแค่อยากถามเรื่องเกี่ยวกับลู่เสวี่ยเฉินสองสามเรื่อง นายรู้ไหมว่าลู่เสวี่ยเฉินกับหลินจยาอวี่ตกลกจะทำสัญญาแต่งงานเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ฉันรู้สึกว่าถ้าคบเป็นเพื่อนลู่เสวี่ยเฉินถือว่าไม่เลวเลย แต่ถ้าเป็นสามี…”
ฟังจือหันพูดขัดจังหวะ สร้างความสับสนให้อวี๋กานกาน “คนอย่างหมอนั่นคบเป็นเพื่อนก็ไม่ผ่าน”
อวี๋กานกานมองเขาด้วยแววตาประหลาดใจ “แต่เขาไม่ใช่เพื่อนนายนี่…ฉันรู้สึกว่าเขาค่อนข้างมีคุณธรรมน้ำมิตร ที่แท้ก็เป็นพวกเชื่อถือไม่ได้หรอกเหรอ งั้นจยาอวี่ตกลงแต่งงานโดยมีข้อสัญญากับเขาไปจะ…”
ฟังจือหันกล่าวขึ้นมา “ไม่หรอก เขามีสัจจะ”
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ตรงกับที่หลินจยาอวี่คิดไว้ “ดูเหมือนว่าลู่เสวี่ยเซินจะเซนซิทีฟกับการโดนตัวผู้หญิงเป็นพิเศษ ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ เดี๋ยวนะ…” ทันใดนั้นอวี๋กานกานก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ภัตตาคารวันนั้นขึ้นมา เพื่อขับไล่ไสส่งเหวินซินเหม่ย ลู่เสวี่ยเฉินโอบไหล่หลินจยาอวี่นี่นา แต่ไม่เห็นมีอาการผิดปกติอะไร
สรุปว่าตอนนี้เขาหายเป็นปกติแล้ว?
อวี๋กานกานเอ่ยปากถาม “ช่วงนี้ลู่เสวี่ยเฉินนอกจากนัดบอดแล้ว ได้ไปหาผู้หญิงคนอื่นหรือว่าจีบสาวที่ไหนบ้างหรือเปล่า”
ฟังจือหันเห็นสีหน้าสายเมาท์ของอวี๋กานกานแล้วรู้สึกขำขันขึ้นมา กล่าว “ในเมื่อเป็นการแต่งงานโดยมีข้อสัญญา คุณจะสนใจไปทำไมมากมาย บางที…”
“บางที?”
“ไม่มีอะไร”
อวี๋กานกานเห็นว่าฟังจือหันจะพูดอะไรบางอย่างทว่ากลับหยุดลงเสียอย่างนั้น รู้สึกเหมือนว่าเขารู้อะไรแต่ไม่ยอมบอกเธอ “ถึงยังไงการแต่งงานก็เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ เลือกคนสุ่มสี่สุ่มห้าได้ที่ไหน เหมือนคนบางคนไง แค่อ้าปากก็อ้างว่าเป็นสามีภรรยาได้”
อวี๋กานกานบ่นพึมพำ เหลือบมองฟังจือหันด้วยสายตาแฝงความนัย
“หืม~” คิ้วของฟังจือหันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มุมปากคลี่ยิ้มบาง “คุณไม่พอใจที่ผมจริงจังกับคุณไม่มากพอ ไว้ผมจะชดเชยให้” พลางยื่นมือมาบีบแก้มอวี๋กานกาน
อวี๋กานกานผลักมือฟังจือหันออก “ใครไม่พอใจที่นายไม่จริงจังกัน” ฉันไม่พอใจที่นายเหลาะแหละต่างหาก
ฟังจือหันส่งเสียงอืมในลำคอเบาๆ “ภรรยาช่างรู้ใจ รู้จักเห็นใจผมด้วย”
อวี๋กานกานความรู้สึกสับสนปนเป ปกติฟังจือหันออกจะเงียบขรึม แต่ทำไมพออ้าปากพูดปุบทุกคำกลับสร้างความหวั่นไหวได้ คำไร้สาระปนมาสักคำยังไม่มี
อวี๋กานกานกดเสียงต่ำ “ทักษะหน้าหนาเนี่ย ไม่ทราบว่านายฝึกมายังไงเหรอ”
“ถ้าอยากรู้ ผมสอนให้ได้…”
ตอนที่ 266 คุณกลัวอะไร
“ถ้าคุณอยากรู้ ผมสอนให้ได้…”
ฟังจือหันพูดพลางโน้มร่างสูงโปร่งเข้าใกล้ อวี๋กานกานเขยิบถอยหลังตามสัญชาตญาณ สายตาทั้งสองสอดประสาน อวี๋กานกานรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองสั่นไหวเล็กน้อย เธอฝืนบังคับสายตาตัวเองให้หันไปมองที่อื่น “ฉันกำลังด่านายอยู่นะ ยังมีหน้ามาภาคภูมิใจอีก”
สายตาของฟังจือหันราวกับสื่อนำไฟฟ้า มีทั้งกระแสไฟและแรงดึงดูด
ร่างกายของอวี๋กานกานแข็งเกร็ง ไม่กระดิกกระเดี้ย
ฟังจือหันไม่ตอบกลับประโยคของเธอก่อนหน้า
ขนตาของอวี๋กานกานสั่นไหวเล็กน้อย กำลังอ้าปากจะพูด…ทว่าริมฝีปากของฟังจือหันค่อยๆ ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
ภาพเหตุการณ์จูบท่ามกลางหิมะวันนั้นพลันปรากฏขึ้นมาในหัว เธอผลักฟังจือหันออกทันที “ดึกมากแล้ว นายควรกลับได้แล้ว”
ฟังจือหันดึงอวี๋กานกานเข้าหาตัวเอง กอดเธอไว้ในอ้อมอก ก้มหน้าเข้าใกล้ “คุณกลัวอะไรเหรอ”
“ใครกลัว” อวี๋กานกานใช้สองแขนดันฟังจือหันออกอย่างลนลาน หมายจะลุกขึ้นยืน ทว่ากลับถูกดึงกลับไปอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอนั้งลงบนตักของฟังจือหันอย่างจัง อวี๋กานกานตกใจ ตั้งใจจะลุกขึ้นยืนแต่กลับพบว่าเอวของตัวเองถูกกอดเอาไว้
สองแขนของฟังจือหันโอบกอดอวี๋กานกาน ใบหน้าซบลงที่หน้าอก พลันเอ่ยเสียงแผ่ว “อย่าเพิ่งขยับ ผมขอกอดหน่อย”
อวี๋กานกานชะงักไปเล็กน้อย น้ำเสียงราบเรียบเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด แต่ไม่รู้เพราะอะไรเธอกลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนล้าจากทั้งใจและกาย
สมองพลันประมวลผลอัตโนมัติว่าเกิดอะไรขึ้นกับฟังจือหัน หรือเขาพบเจอกับเรื่องยุ่งยากอะไร
ร่างกายของอวี๋กานกานผ่อนคลายลง ฝ่ามือวางบนไหล่ของฟังจือหัน “นะ นาย มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับนายเหรอ”
ฟังจือหันไม่ตอบเธอ ทำเพียงแค่เอ่ยเสียงเรียบ “ขอผมกอดสักเดี๋ยว”
นัยน์ตาดำขลับดุจน้ำหมึกของฟังจือหันค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ
ร่างกายของอวี๋กานกานพลันสั่นเทาและเริ่มแข็งเกร็ง ไม่รู้จะพูดอะไร อวี๋กานกานนึกอยากจะผลักฟังจือหัน พร้อมกับด่าเขาว่าอันธพาล ทว่าความจริงเธอกลับไม่ทำอะไรสักอย่าง
ตกลงฟังจือหันไปเจอเรื่องอะไรที่ทำให้เขาทุกข์ใจกันแน่ การที่เขามาหาเธอกลางค่ำกลางคืน อาจจะเป็นเพราะต้องการให้เธอปลอบ
ในขณะที่เธอกำลังจมอยู่กับความคิด จู่ๆ ร่างกายก็ล้มลงไปด้านข้าง อวี๋กานกานตกใจ “ทำอะไรของนายเนี่ย”
ฟังจือหันคลี่ยิ้มมุมปากชั่วร้าย “ตอนที่คุณให้ผมเข้ามาในห้อง ไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดเหรอ”
ที่แท้เมื่อครู่คือหลอกเธอ จู่ๆ ก็ทำตัวอ่อนแอ สภาพจิตใจไม่สู้ดี ทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวง ผู้ชายแผนสูงคนนี้…อวี๋กานกานไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร จิตใจสับสนอลหม่าน
อวี๋กานกานดิ้นรนต่อต้าน ทั้งผลักทั้งตี
ฟังจือหันเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “อย่าขยับ” ทั้งยังจับอวี๋กานกานแน่นจนขยับไปไหนไม่ได้ จังหวะหายใจพลันถี่กระชั้นขึ้น “ถ้ายังขยับมั่วซั่วอีก ผมจะไม่ปล่อยคุณไปจริงๆ ด้วย”
“ใครให้นายจงใจทำให้ฉันตกใจล่ะ”
“กลัวผมกินคุณ” ฟังจือหันเอียงศีรษะลงมาเล็กน้อย อาศัยโอกาสนี้ อวี๋กานกานกระพริบตาปริบๆ อ้าปากกัดเข้าไปที่ใบหูของฟังจือหัน
ร่างกายของฟังจือหันนิ่งค้างไปเล็กน้อย
อวี๋กานกานรีบใช้จังหวะนี้ผลักฟังจือหันออก ลุกขึ้นยืน พูดทั้งที่ใบหน้าแดงแจ๋ “ดึกแล้ว นายรีบกลับเถอะ”
ฟังจือหันลูบไปที่ใบหูของตนเอง