ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 273 ผู้สืบทอดตระกูลเจียง / ตอนที่ 274 หึง รู้สึกโหวงในใจ

ตอนที่ 273 ผู้สืบทอดตระกูลเจียง

 

 

จงไห่ถังถูกโยนออกจากบริษัทยาไป๋ฟังกลิ้งหลุนๆ อยู่บนพื้น ท่าทางอเนจอนาถชนิดที่ว่าไม่ต้องเอ่ยถึง ปกติเขาทั้งหยิ่งผยอง ยโสโอหัง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำตัวเลวทราม ทุกคนต่างทั้งเกลียดทั้งกลัวเขา

 

 

คราวนี้ได้เห็นเขาผู้สูงส่งองอ่าถูกโยนออกมาเหมือนหมูเหมือนหมา ทุกคนต่างปรบมือโห่ร้องด้วยความยินดี ชอบอกชอบใจ จงไห่ถังเผชิญหน้ากับแววตาดูถูกและเสียงหัวเราะเยาะของผู้คนโดยรอบ รู้สึกว่าตัวเองสูญสิ้นเกียรติแล้ว เขาคลานขึ้นจากพื้น ตวาดลั่นด้วยความโกรธออกมาหนึ่งประโยค “ล้างคอรอได้เลย ฉันไม่ให้แกได้อยู่อย่างสุขสบายแน่”

 

 

เมื่อกลับมาที่รถยนต์ของตัวเอง จงไห่ถังหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาเจียงซื่อเซิ่ง “พี่เขย รองประธานแซ่ฟังบริษัทพี่มันเป็นใครกัน มันทำตัวอวดเบ่งเกินไปแล้ว! ไม่เห็นหัวพี่ที่เป็นประธานสักนิด ผมยังไมทันได้ทำอะไรเลย แค่ทะเลาะกันตรงลาดจอดรถเรื่องที่จอดไม่กี่ประโยค มันกลับพุ่งเข้ามาจะใช้กำลัง ขนาดผมพูดว่าผมเป็นน้องชายภรรยาพี่ มันพูดยังไงรู้ไหม มันพูดว่า ‘ประธานเป็นพี่เขยแกแล้วมันยังไง ต่อหน้าฉันประธานไม่ใช่อะไรทั้งนั้น’ แล้วก็ยังบอกอีกว่ามันไม่ชอบขี้หน้าพี่ ที่ปรึกษาเฉินยังช่วยมันอีก ทั้งยังสั่งให้ยามมาโยนผมออก”

 

 

จงไห่ถังใส่สีตีไข่ พูดมั่วซั้วด้วยความโมโห เขาเว้นช่วงครู่หนึ่ง รู้สึกว่าน้ำหนักยังไม่มากพอ กล่าวต่อ “พี่เขย ที่ปรึกษาเฉินนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไร มันไม่เคารพพี่แม้แต่น้อย พวกมันสองคนรวมหัวกัน ใช้ตำแหน่งคิดฉ้อโกงเงินของตระกูลเจียงหรือเปล่า”

 

 

เพลิงโกรธสุมอยู่ในท้องจงไห่ถัง เขาชักแม่น้ำทั้งห้าหวังยั่วให้เจียงซื่อเซิ่งโกรธ จากนั้นไล่ฟังจือหัน ออก

 

 

เจียงซื่อเซิ่งขมวดคิ้ว “นิสัยจือหันเป็นยังไงฉันรู้ดีกว่าเธอ ถ้าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่มีทางมาหาเรื่องเธอแน่ ในเมื่อเขาให้เธอออกจากบริษัท งั้นต่อจากนี้เธอก็ไม่ต้องไปที่นั่นอีก”

 

 

อะไรนะ! คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้ จงไห่ถังช็อกถึงขีดสุด ลนลานรีบตะโกน “พี่เขย พี่เขย…”

 

 

เจียงซื่อเซิงตัดสายไปเป็นที่เรียบร้อย

 

 

เจียงซื่อเซิ่งโยนมือถือลงไปที่โต๊ะตรงหน้า ทอดถอนหายใจ

 

 

เจียงไป่อันที่นั่งอยู่ตรงข้าม มองหน้าพ่อของตนแล้วถาม “พ่อ คุณน้าทำไมเหรอ”

 

 

เจียงซื่อเซิ่งตอบ “จะมีอะไรอีกล่ะ ไปทำตัววางอำนาจที่บริษัทน่ะสิ แถมครั้งนี้ยังไประรานจื่อหันอีก สมควรแล้วที่โดนโยนออกมา”

 

 

เจียงไป่อันครุ่นคิด “ฟังจือหันวันนี้เข้าไปที่บริษัทแล้ว”

 

 

“เขาก็กลับมาได้เดือนหนึ่งแล้ว ควรจะเข้าบริษัทได้แล้ว”

 

 

“พ่อ ตอนนี้ฟังจือหันใช้แซ่ฟัง มีสิทธิอะไรมาสืบทอดทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลเจียง ปู่ก็ไม่คิดบ้างเลยหรือไงว่าขอบข่ายทั้งหมดที่ตระกูลเจียงมีในวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะพวกเราสองพ่อลูก เพราะว่าพ่อเป็นน้องคนเล็ก ปู่เลยก็เลยยกตระกูลเจียงให้ลุง เรื่องนี้ยังไม่เท่าไร แต่นี่ลุงก็ตายไปแล้ว ทำไมถึงยังต้องยกให้เจียงหันอีก แก่หนังเหนียว…”

 

 

พูดยังไม่ทันจบ เจียงไป่อันถูกพ่อของตัวเองตบหน้าไปที่หน้าอย่างจัง

 

 

เจียงซื่อเซิ่งชี้หน้าลูกชาย กล่าวออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “แก่หนังเหนียวอะไรของแก นั่นปู่แกนะ ถ้าให้ฉันได้ยินคำพูดแบบนี้อีก ดูสิว่าแกจะถูกฉันตีจนตายไหม”

 

 

“พ่อ!” เจียงไป่อันกุมใบหน้าของตัวเองด้วยความตกตะลึง

 

 

“แกเป็นพี่ใหญ่ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี”

 

 

“ครับ” เจียงไป่ดันถูกกดดันให้ตอบรับ

 

 

เจียงซื่อเซิ่งผ่อนลมหายใจอย่างเนือยหน่าย “อีกไม่กี่วันฉันต้องไปติดต่อธุรกิจเรื่องสัญญาที่ชิคาโก้ น่าจะใช้เวลาเดือนกว่า ช่วงนั้นแกต้องให้ความร่วมมือกับจือหันดีๆ เข้าใจไหม”

 

 

เจียงไป่อันหลุบสายตาลงต่ำ ทำตัวว่านอนสอนง่าย ทว่าหลังจากที่เจียงซื่อเซิ่งก้าวพ้นประตูไปแล้ว สีหน้าของเขาพลันอึมครึม ฝ่ามือกำแน่น แค่นเสียงดังหึ

 

 

พี่น้องรักใคร่สามัคคี ระหว่างเขากับฟังจือหันไม่มีวันเป็นไปได้

 

 

ผู้สืบทอดตระกูลเจียง ต้องเป็นเขาเจียงไป่อันเท่านั้น!

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 274 หึง รู้สึกโหวงในใจ

 

 

อวี๋กานกานเหมือนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้มมองฟังจือหัน แววตาเจ้าเล่ห์ “จู่ๆ ฉันก็รู้สึกขึ้นมาว่า ฉันบังเอิญได้กอดขา[1]สุดเจ๋ง”

 

 

ฟังจือหันเห็นสายตาหยอกล้อของเธอ อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มบาง “งั้นก็ประพฤติตัวดีๆ ต่อขาสุดเจ๋งหน่อย”

 

 

อวี๋กานกานแสร้งทำเป็นสงสัย “ประพฤติดียังไง”

 

 

หางคิ้วฟังจือหันเลิกขึ้น “เรียกแด๊ดดี้”

 

 

นึกไม่ถึงว่าฟังจือหันจะพูดแบบนี้ออกมา อวี๋กานกานนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ตามด้วยถลึงตาใส่ด้วยความเขินอาย “แดะแด๋น่ะสิไม่ว่า”

 

 

ฝ่ามือหนาของฟังจือหันวางบนศีรษะของเธอ “ปากจิ้มลิ้มของคุณเนี่ยอะไรก็กล้าพูดออกมาเหรอ ฮึ? !”

 

 

คำพูดสุดท้ายนั่นให้ความรู้สึกถูกคุกคามซ้ำแล้วซ้ำเล่า อวี๋กานกานยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองโดยอัตโนมัติ “นายจะทำอะไร”

 

 

ฟังจือหันถามด้วยความสงสัย “ผมน่าจะเป็นฝ่ายถามมากกว่า ปิดปากทำไม คิดว่าผมจะจูบคุณเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานค่อยๆ ลดมือลง บ่นพึมพำ “ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำสักหน่อย…”

 

 

น้ำเสียงคับแค้น เจือแววตำหนิ

 

 

“รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ”

 

 

“ใช่”

 

 

ฟังจือหันยื่นแขนข้างหนึ่งโอบเอวอวี๋กานกาน ให้ร่างกายของเธอแนบติดกับเขา “ให้โอกาสคุณเอาคืนครั้งหนึ่ง”

 

 

อวี๋กานกานหดตัวลอดออกจากทางช่องแขนด้านล่าง “นายบอกว่าให้ฉันตามไปตรวจคนป่วยคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่รีบพาไปอีก ยั่วจนฉันโมโห ฉันไม่ช่วยนะจะบอกให้”

 

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถยนต์เคลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากคฤหาสน์ตระกูลเยี่ยประมาณสามกิโลเมตร

 

 

เขตตะวันออกตอนบนของปักกิ่งเป็นศูนย์รวมห้างสรรพสินค้าและหอศิลป์ที่ติดถนนใหญ่ ทั้งยังเป็นเขตของเศรษฐีเมืองปักกิ่ง

 

 

ระหว่างทางตอนมา อวี๋กานกานและฟังจือหันคุยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยคร่าวๆ เป็นผู้เฒ่าวัยเจ็ดสิบปี หลังเข้ารับการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน การฟื้นฟูของร่างกายเป็นไปได้ด้วยดี แต่หลายวันมานี้กลับรับประทานอาหารไม่ได้ เมื่อกินก็จะกินอาการอยากอาเจียน ตรวจกระเพาะแล้วไม่พบความผิดปกติ แต่ก็ยังคงรับประทานอาหารไม่ลง

 

 

ในตอนที่เข้าไปยังคฤหาสน์พร้อมกับฟังจือหัน อวี๋กานกานเห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยอ่อนหวานคนหนึ่ง กำลังคลี่ยิ้มเดินนำผู้อาวุโสหวงลงมาชั้นล่าง

 

 

มีผู้อาวุโสหวงอยู่ ทำไมฟังจือหันยังต้องเรียกเธอมาอีก

 

 

อิหลักอิเหลื่อซะแล้วสิ

 

 

อวี๋กานกานก้าวไปด้านหน้า ประสานมือคำนับทักทายอย่างมีมารยาท “ผู้อาวุโสหวง”

 

 

ผู้อาวุโสหวงประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นอวี๋กานกาน “เสี่ยวอวี๋มาตรวจให้ผู้เฒ่าเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้มอธิบาย “คุณฟังคงไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหวงมาน่ะค่ะ ก็เลยเรียกหนูมาลองตรวจดู ถ้าทราบว่าผู้อาวุโสมา หนูจะบอกให้เขาวางใจ มีผู้อาวุโสต้องราบรื่นเรียบร้อยแน่นอนอยู่แล้วค่ะ”

 

 

“เสี่ยวอวี๋ หนูถ่อมตัวไปแล้ว” ผู้อาวุโสหวงส่ายมือปฏิเสธ “มาก็ดีเหมือนกัน หนูเข้าไปตรวจดูสิ ฉันจะนั่งวินิจฉัยอยู่ตรงนี้ก่อน รอหนูตรวจเสร็จแล้ว เราค่อยมาวินิจฉัยพร้อมกันอีกที”

 

 

ทันทีที่ประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา แพทย์อีกสองคนที่อยู่ในห้องรับแขกต่างพากันตกตะลึง แม้กระทั่งสายตาที่ใช้มองอวี๋กานกานยังเปลี่ยน ในใจของพวกเขาคิดที่ผู้อาวุโสหวงพูดเช่นนี้เป็นเพราะเด็กสาวตรงหน้ามีความสามารถจริงๆ หมายจะรอให้เธอมาวินิจฉัยพร้อมกัน หรือเป็นเพราะผู้อาวุโสหวงเองก็ไม่ทราบอาการที่แน่ชัดของผู้เฒ่ากันแน่

 

 

รวมถึงหญิงสาวที่ออกมาส่งผู้อาวุโสหวงก็มีความคิดแบบนี้เช่นเดียวกัน เธออึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มให้อวี๋กานกาน “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเจียงฉี่  อาการป่วยของคุณปู่ต้องรบกวนคุณแล้ว”

 

 

พูดจบเธอชำเลืองไปยิ้มให้ฟังจือหันที่ยืนอยู่ข้างๆ  

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบางเชคแฮนด์เจียงฉี่ สายตาย่อมไม่พลาดรอยยิ้มอบอุ่นที่เจียงฉี่ยิ้มให้ฟังจือหัน

 

 

ผู้หญิงคนนี้ต้องรู้จักกับฟังจือหันแน่นอน เพราะผู้หญิงคนนี้ ฟังจือหันก็เลยเรียกให้เธอมาตรวจ?

 

 

ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับฟังจือหัน

 

 

อวี๋กานกานไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป จู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว ในใจรู้สึกโหวงๆ

 

 

 

 

——

 

 

[1] กอดขา  หมายถึง ได้ที่พึงพา  

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset