ตอนที่ 291 ตัวตนที่ทำให้คนตื่นตะลึง
หวงเหล่ายิ้มและตอบว่า “รู้จักกันแน่นอนแถมยังเคยได้พูดคุยกันด้วย ปู่ของนายเคยเป็นแพทย์มือหนึ่งของประเทศ ต่อมาด้วยปัญหาสุขภาพเลยกลับบ้านเกิดเพื่อไปพักผ่อนจากนั้นก็ไม่เจอกันอีกเลย”
อวี๋กานกาน สกุลอวี๋ เขาพอจะเดาได้จากนามสกุล แต่ไม่คิดว่าปู่ของเธอจะเป็นเหอเฉิงโส่วจริงๆ
เขาถอนหายใจ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายจะฝังเข็มเป็น”
นายผู้เฒ่าเจียงกระแอมเบาๆ “ทำไมฉันไม่เคยได้ยินหมอชื่อดังที่ชื่อเหอเฉิงโส่วเลย”
หวงเหล่าถาม “แล้วคุณรู้จักหมอชื่อดังที่ชื่อไช่เหล่าไหม?”
ชายชราพยักหน้า “คนนี้ฉันรู้จัก”
เหอเหล่าเป็นลูกศิษย์ของไช่เหล่า ไช่เหล่าไม่รู้วิธีการฝังเข็ม ดังนั้นเมื่อออกตรวจก็จะพาลูกศิษย์ที่ฝังเข็มเป็นคนนี้ไปด้วยตลอด แน่นว่าในขณะเดียวกันก็สอนวิชาความรู้ทางการแพทย์ทั้งหมดให้แก่เขา ทั้งสองคนอายุห่างกันเพียงแค่สิบปี ถึงจะพูดว่าเป็นครูกับศิษย์แต่กลับเป็นเหมือนเพื่อนกันมากกว่า เหมือนกับมิตรภาพระหว่างป๋อหยาและจึชี หลังจากที่ไช่เหล่าได้จากโลกนี้ไป เหอเหล่าก็ป่วยหนักและกลับบ้านไป แม้ว่าหลายปีต่อจากนั้นจะไม่ได้พบเจอกันแต่ฉันก็ได้ยินมาว่าเขาเปิดคลินิกแห่งหนึ่งในบ้านเกิด”
“ไช่เหล่าฝังเข็มไม่เป็น แล้วเหอเหล่าเรียนรู้วิธีการฝังเข็มนี้มาจากใครกัน”
“ได้ยินมาว่าสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ วิธีการฝังเข็มของเขาพิเศษมาก ระยะเวลาสั้นยาวในการฝังและเก็บเข็มก็เป็นที่น่าสนใจมากเช่นกัน เขาจะดูร่างกายคนไข้และตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการแบบไหน มีทั้งช้าและเร็ว ดึงขึ้นและแทงใหม่ แทงแบบบิดเข็ม เป็นต้น”
หวงเหล่าพูดไปก็ยิ้มและถามอวี๋กานกาน “ดูเหมือน เธอคงรู้ชีวประวัติของปู่ตัวเองดีอยู่แล้วสินะ”
อวี๋กานกานตกใจมาก เธอไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคุณปู่จะเป็นคนมีชื่อเสียง ในความทรงจำของเธอเขาเป็นเพียงคุณปู่ที่แสนจะธรรมดาคนหนึ่งและคิดมาตลอดว่าคุณปู่เป็นเพียงแพทย์แผนจีนแก่ๆ คนหนึ่งในเมืองเล็กๆ
เมื่อสติกลับมาแล้ว เธอตอบเบาๆ “คุณปู่สอนฉันทุกอย่างค่ะ”
หวงเหล่ายิ้มอีกครั้งและถามอวี๋กานกาน “คุณปู่ของเธอสบายดีไหม”
อวี๋กานกานตอบด้วยแววตามืดลงและดูเจ็บปวดเล็กน้อย “คุณปู่เสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนแล้ว”
หวงเหล่าหน้าถอดสีแต่ก็ยังปลอบใจอวี๋กานกาน
เมื่อหวงเหล่าไปแล้ว นายผู้เฒ่าเจียงก็มองดูอวี๋กานกาน แม้ใบหน้าจะไม่ปรากฏรอยยิ้ม ทว่าสีหน้าก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
เมื่ออวี๋กานกานจะกลับ เขาถามเรียบๆ ว่า “เธอจะดูอาการฉันอีกเมื่อไหร่”
“ไม่ใช่ว่ามีหวงเหล่าคอยดูอยู่แล้วเหรอคะ”
ชายชราได้ฟังดังนั้นสีหน้าก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมา พูดอย่างดุดันว่า “หวงเหล่าก็คือหวงเหล่า เธอก็คือเธอ อายุยังน้อยอย่าคิดเอาแต่จะอู้งาน ฉันเป็นคนไข้ของพวกเธอทั้งสองคน แน่นอนว่าต้องอยากให้ทั้งสองคนมาตรวจดูชีพจร”
ชายชราคนนี้สงบลงอีกครั้ง อวี๋กานกานอดยิ้มไม่ได้ เธอพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันฉันจะมาดูอาการอีกครั้งนะคะ”
นายผู้เฒ่าเจียงได้ยินคำพูดนั้นถึงได้พอใจและโบกมือไล่ด้วยสีหน้าหงุดหงิด “รีบไป รีบไป”
เจียงไป่อันไม่คาดคิดว่า ผู้หญิงที่ชื่ออวี๋กานกานคนนี้จะเป็นหมอจริงๆ
และยังเป็นหมอที่ฟางจือหันเชิญมาด้วย
ในตอนที่อวี๋กานกานและหวงเหล่าตรวจชีพจรของนายผู้เฒ่าเจียง เขาถือะโทรศัพท์เดินไปยังที่ที่ไม่มีคนและโทรออก
เมื่อปลายสายรับโทรศัพท์แล้วเขาก็ออกคำสั่งอีกฝ่าย “ตรวจสอบคนคนหนึ่งให้ฉันหน่อย หมอที่ฟางจือหันเชิญมาดูอาการของชายชรา ชื่ออวี๋กานกาน”
ปลายสายชะงักชั่วครู่และเอ่ยถาม “อวี๋กานกานเหรอ”
“ทำไม รู้จักเหรอ”
“ลูกศิษย์ของเหอสือกุย”
สีหน้าของเจียงไป่อันเปลี่ยนไปทันที
ตอนที่ 292 ไม่แต่งงาน นอนด้วยกันไม่ได้
ม่านผ้าโปร่งสีขาวในห้องนั่งเล่นให้กลิ่นอายความโรแมนติกทั้งยังทำให้แสงในห้องดูสลัวลงเล็กน้อย
เมื่ออวี๋กานกานเข้าไปในห้อง กลิ่นยากันยุงก็พุ่งเข้าปะทะกับเธอ
จากขดยากันยุ่งที่ถือไว้ในอ้อมแขน เธอมองเห็นฟางจือหันที่กำลังลากกระเป๋าเดินทาง
ลูกตาดำขลับของฟางจือหันเลื่อนมองมาที่เธอพอดี เมื่อตาประสานตาก็พลันเกิดความรู้สึกหวั่นไหว
วันนี้แม่บ้านหูไม่อยู่ ในห้องจึงสงบเงียบเป็นพิเศษ
ชายหญิงโสดอยู่ในห้องกันสองต่อสอง เกิดบรรยากาศที่ไม่สามารถอธิบายได้ขึ้นมา
แม้ว่าอวี๋กานกานจะรู้สึกไม่ค่อยดี มือหนึ่งถือดยากันยุงอีกมือก็ดึงกระเป๋าของฟางจือหัน “ฉันทำเองดีกว่า”
เธอก้มหน้าลงและลดสายตาด้วยท่าทางที่เรียบร้อยโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองฟางจือหัน
เธอเคยมาที่นี่สองครั้ง แต่ละครั้งก็จะนอนที่ห้องริมขวาสุดเสมอ ครั้งนี้เธอลากกระเป๋าเดินตรงไปที่ห้องนี้ทันที
เมื่อเปิดประตูก็พบว่าห้องได้เปลี่ยนไป เมื่อเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็พบว่าทั้งหมดเป็นเสื้อผ้าของฟางจือหัน
อวี๋กานกานมองดูฟางจือหันด้วยความตกใจและระล่ำระลักถาม “นี่มันอะไรกัน”
“คุณจะนอนที่นี่เหรอ”
“ไม่อย่างนั้นจะให้ฉันไปนอนที่ไหน” เขาคงจะไม่ได้อยากจะให้เธอนอนห้องเดียวกันกับเขาใช่ไหม ถึงได้เอาข้าวของของตัวเองเข้ามาไว้ในห้องเธอ
ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!
ฟางจือหันไม่ตอบเธอแต่ถามกลับว่า “เธออยากจะนอนตรงไหน”
อวี๋กานกานทั้งโกรธทั้งอาย ใบหน้าเล็กเริ่มมีสีแดง “ฉันนอนตรงไหนก็ได้ แต่จะไม่นอนห้องเดียวกับคุณ ฉันยังไม่ได้แต่งงานนะ!”
คุณปู่บอกเอาไว้ว่าเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว หากยังไม่ได้แต่งงานก็ห้ามนอนร่วมหอกับผู้ชาย
ฟางจือหันยืนพิงธรณีประตูแล้วพูดติดตลก “แต่ว่าห้องนี้เป็นของฉันแล้ว”
อวี๋กานกานจ้องเขาเขม็ง
เธอผิดเอง เธอไม่ควรมาอาศัยอยู่บ้านของผู้ชาย ผู้ชายที่ชวนผู้หญิงมาอยู่บ้านตัวเองส่วนมากจะมีเจตนาที่ไม่ดี
หนีไปตอนนี้ยังทันหรือเปล่านะ?!
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง ตอนที่คุณเรียกให้ฉันมาคุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ฉันไม่อยู่ที่นี่แล้วฉันจะกลับไปที่องค์กร” ถ้าไม่ได้ก็ไปอยู่กับหลินจยาอวี่
เธอลากกระเป๋าจะเดินออกไปแต่กลับถูกฟางจือหันดึงเอาไว้
เขาดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ตอนฉันไปบ้านเธอฉันก็นอนห้องเธอ เมื่อเธอมาบ้านฉันฉันก็ต้องยกห้องของฉันให้เธอสิ เธอคิดอะไรนะ ยัยลามก”
น้ำเสียงที่มีไหวพริบและเอาแต่ใจ
อวี๋กานกานมองเขาอย่างตกตะลึง “……”
ให้เธอนอนในห้องนอนใหญ่ของเขาจริงเหรอ เขาทำดีแบบนี้แอบมีแผนอะไรอยู่หรือเปล่า
“เธอค่อยๆ เก็บข้าวของนะ ฉันไปพักผ่อนก่อนแล้ว” เขาหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้าห้องอาบน้ำไป
เสียงน้ำดังลอดเบาๆ มาจากด้านใน อวี๋กานกานที่เขินหน้าแดงรีบลากกระเป๋าไปที่ห้องนอนใหญ่ข้างๆ
เตียงขนาดใหญ่ในห้องนอนใหญ่ถูกเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นสีเขียวสดใส บนเตียงมีตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่วางอยู่ อวี๋กานกานเปิดประตูตู้เสื้อผ้า ทว่าในตู้กลับไม่ได้ว่างเปล่าแต่ยังคงมีเสื้อผ้าบางส่วนของฟางจือหันหลงเหลืออยู่
มีปัญหาแน่ๆ
เธอจะต้องคอยระวังตัวเอาไว้!
เมื่ออวี๋กานกานเก็บของเสร็จแล้วเดินออกมาก็เห็นว่าประตูห้องนอนที่อยู่ถัดไปไม่ได้ปิดและฟางจือหันก็นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงไปแล้ว
เมื่อคืนนี้เอาแต่คอยดูแลนายผู้เฒ่าเจียง ไม่ได้นอนทั้งคืน เขาคงจะต้องการพักผ่อนจริงๆ
อวี๋กานกานค่อยๆปิดประตูให้เขา จากนั้นก็ลงไปชั้นล่างเพื่อหาของกิน
กลางวันกินอะไรดีนะ
อวี๋กานกานยืนอยู่ในครัวและรู้สึกปวดหัวหนึบขึ้นมา
เธอทำเป็นแค่เมนูไข่ แต่ในบ้านไม่มีไข่เลยสักฟอง ถ้าอย่างนั้นเธอจะต้มมาม่าหรือต้มโจ๊กกินดีล่ะ
ในขณะที่เธอยืนลังเลอยู่ คุณนายก็กลับมาพอดี
อวี๋กานกานมองเห็นเธอราวกับมองเห็นผู้ช่วยชีวิต เธอยิ้มและถามอีกฝ่ายว่ามาได้ยังไง